อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอทั้งที่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ หรือเกิดจากสภาพอากาศและทัศนวิสัยที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน มักจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เช่น ฝนตกถนนลื่น รถเสียหลักตกข้างทาง หรือ รถเหินน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ฝนตกถนนลื่น รถตกข้างทาง ประกันจะคุ้มครองด้วยหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ   

ฝนตกถนนลื่น อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม 

ฝนตกถนนลื่น อันตรายหนึ่งที่มากับหน้าฝน เพราะข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนนมักจะเกิดในช่วงฝนตกใหม่ ๆ เรียกได้ว่าเป็นช่วงฝนตกถนนลื่นมากที่สุด เพราะช่วงเวลานี้ถนนจะลื่นมากที่สุด ด้วยถนนที่กึ่งแห้ง กึ่งเปียกเต็มไปด้วยเศษดิน เศษฝุ่น กลายเป็นฟิล์มเกาะเคลือบบนพื้นผิวถนน ทำให้ถนนลื่นนั่นเอง นอกจากช่วงฝนตกใหม่ต้องระวังเรื่องฝนตกถนนลื่นแล้ว กรณีน้ำขัง น้ำท่วม ต้องระวังเรื่องของอาการรถเหินน้ำ ทำให้รถเสียหลักลงข้างทางได้เช่นกัน สำหรับฝนตกถนนลื่น เราสามารถสังเกตถนนได้ สำหรับถนนที่มีโอกาสลื่นสูง จะดูได้จากถนนที่ความมันเงา เสี่ยงฝนตกถนนลื่น ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ลดความเร็ว หรือหลีกเลี่ยงถนนเส้นนั้นหากสามารถทำได้ ทั้งนี้การตรวจเช็กรถก่อนออกเดินทาง เป็นสิ่งที่แรกที่ควรทำก่อนใช้รถ โดยจุดสำคัญที่ต้องเช็กรถก่อน ได้แก่ แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถยนต์ ระบบของเหลวรถยนต์ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำยาหล่อเย็น รวมไปถึง ระบบส่องสว่าง เป็นต้น นอกจากนี้พฤติกรรมการขับขี่รถในช่วงหน้าฝน เป็นอีกสิ่งที่สำคัญในการขับอย่างปลอดภัย โดยเรามีเทคนิคการขับรถในการขับรถดังนี้  

1.เปิดไฟหน้าขณะขับขี่ เพื่อช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเรา หรือหากมีไฟตัดหมอก ก็สามารถใช้ได้ แต่เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติ ควรปิดไฟตัดหมอกให้เรียบร้อย 

2.ขับรถความเร็วต่ำ ลดความเร็วขณะขับขี่รถลุยฝนให้อยู่ประมาณ 40-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถทางตรงหรือทางโค้ง ยิ่งทางโค้ง ยิ่งต้องชะลอความเร็วรถก่อนเข้าโค้ง ช่วยลดปัญหาท้ายสะบัด อาจทำให้รถเสียการควบคุมได้  

3.ใช้เกียร์ต่ำ  การใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้รถมีแรงบิดน้อย ช่วยลดความเสี่ยงต่อฝนตกถนนลื่น เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ช่วงที่ฝนตกใหม่ ๆ หรือหยุดตกใหม่ ๆ ถนนจะมีความลื่น เพราะมีเศษฝุ่น ดิน เหมือนเป็นฟิล์มเกาะพื้นผิวถนน ทำให้ถนนลื่น ทั้งนี้การใช้เกียร์ต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการรถเสียหลัก  

4.เว้นระยะห่างจากคันหน้า การเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้า ช่วยลดความเสี่ยงหากต้องมีการเบรกรถกะทันหัน  โดยยึดหลัก 3 วินาทีเพื่อความปลอดภัย ช่วยรักษาระยะห่างกับรถคันอื่นได้ในทุกความเร็วที่ขับขี่ โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้ 

  • มองและสังเกต รถที่อยู่ด้านหน้า 
  • กำหนดจุดอ้างอิงบนถนน เช่น เสาไฟฟ้า ต้นไม้ หรือป้ายที่ติดอยู่ข้างถนน เมื่อรถคันหน้าได้ขับผ่านวัตถุนั้นไปแล้วให้เริ่มนับ 
  • นับ…หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที  จะต้องขับรถมาถึงตรงจุดอ้างอิงนั้นพอดี = อยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัย 
  • หากทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี เช่น ขับรถเวลากลางคืน หรือฝนตก ควรเว้นระยะห่าง 4-5 วินาที เพื่อความปลอดภัย 
  • รักษาระยะห่างทางด้านข้าง ระหว่างรถเรากับรถคันอื่น อย่างน้อย 1 เมตร 

5.ใช้งาน Traction Control 

Traction Control คือ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของล้อทั้ง 4 ล้อของรถให้หมุนสัมพันธ์กันทั้งหมด ป้องกันไม่ให้ล้อฟรีเพราะถนนมีความลื่นสูง ไม่ให้รถส่ายไปส่ายมา จนเสียหลักตกลงข้างทาง เพราะหากมีล้อใดล้อหนึ่งหมุนเร็วกว่าล้ออื่น ๆ จะทำให้รถลื่นเสียหลักลงข้างทาง จึงทำให้ระบบ Traction Control เข้าไปตัดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อทำให้ล้อทั้ง 4 ล้อกลับมาหมุนพร้อมกันและทำให้รถทรงตัวได้ปกติเหมือนเดิม 

6.เติมลมยางให้พอดี 

การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิตยางรถยนต์  จะช่วยให้ยางรถยนต์สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ดอกยางสามารถรีดน้ำได้เร็ว และเป็นการยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ได้ อย่างน้อยควรมีการเช็กลมยางรถยนต์เดือนละ 1 ครั้ง และที่สำคัญไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการรถเหินน้ำได้  

ฝนตกถนนลื่น รถตกข้างทาง ทำอย่างไร 

หากวันไหนที่รถของคุณต้องขับรถลุยฝนและเกิดเหตุไม่คาดฝัน รถของคุณตกลงข้างทาง สิ่งที่คุณควรทำคือตั้งสติและโทรเรียกกู้ภัย 1669 เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ รวมไปถึงกรณีที่เจอรถคันอื่นตกลงข้างทาง ให้คุณโทรเรียกกู้ภัย 1669 เพื่อให้กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ จากนั้นหากรถของคุณทำประกันรถยนต์ให้โทรหาบริษัทประกัน เพื่อให้เข้ามาคุ้มครองดูแลตามเงื่อนไขต่อไป  

ฝนตกถนนลื่น รถตกน้ำ ทำอย่างไร 

ทั้งนี้หากรถยนต์ตกข้างทาง ซึ่งหากข้างทางนั้นเป็นน้ำ คู คลอง หนองบึง หรือขับรถตกน้ำ วิธีการเอาตัวรอดเบื้องต้นในกรณีขับรถตกข้างทางที่เป็นน้ำ หรือขับรถตกน้ำนั้น เป็นสิ่งที่คุณควรมีความรู้เรื่องการเอาตัวรอดกรณีนี้ไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน มีดังนี้ 

กรณีรถเพิ่งจมน้ำ 

  1. ตั้งสติ ใจเย็น  
  1. ปลดเข็มขัดนิรภัยออก 
  1. ปลดล็อกกระจกทุกบ้าน หากเป็นกระจกมือหมุน ให้หมุนกระจกลง แต่หากเป็นกระจกไฟฟ้า อาจให้เท้าถีบหรือทุบกระจกให้แตก แนะนำให้พกอุปกรณ์ทุบกระจกรถ 
  1. สูดลมหายใจให้ลึกที่สุด แล้วดันตัวเองออกจากตัวรถให้เร็วที่สุด 

กรณีรถจมน้ำ 

  1. หากไม่สามารถออกทางหน้าต่างได้ ไม่ควรเปิดประตูรถ เพราะแรงดันน้ำภายนอกสูงกว่าจะทำให้ไม่สามารถเปิดประตูได้ 
  1. ปล่อยให้น้ำเข้ามาภายในรถ ระหว่างนั้นยกหัวขึ้นให้อยู่เหนือระดับน้ำ รอน้ำเข้ามาภายในรถจนเกือบเต็ม จะทำให้เปิดประตูได้ง่ายขึ้น เพราะแรงดันภายในและภายนอกรถเท่ากัน 
  1. เปิดประตูรถให้กว้างที่สุด แล้วรีบนำตัวออกจากรถให้เร็วที่สุด  
  1. ปล่อยให้ตัวเองลอยขึ้นเหนือน้ำโดยธรรมชาติ เพราะการว่ายน้ำอาจจะทำให้หลงทิศทางได้ หรือใช้วิธีการปล่อยฟองอากาศออกจากปาก เพื่อดูฟองอากาศว่าลอยไปทางไหนแล้วตามฟองอากาศนั้นขึ้นไป  

ฝนตกถนนลื่น รถเสียหลักลงข้างทาง ประกันคุ้มครองหรือไม่? 

หน้าฝนมักจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี แต่เรามักจะเห็นเวลาที่ฝนตกถนนลื่น จะเห็นข่าวรถเสียหลักลงข้างทางเองอยู่บ่อยครั้ง อันเนื่องมาจากฝนตกถนนลื่น เช่นนี้แล้วหากเราทำประกันรถเอาไว้จะคุ้มครองในกรณีนี้หรือไม่ ก่อนอื่นเราต้องมาแยกประเภทของการทำประกันภัยรถยนต์กันก่อน ดังนี้ 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 

หากขับรถในขณะฝนตกถนนลื่น ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง รถหลุดโค้ง รถชนเสาไฟฟ้า หรือรถพลิกคว่ำ จัดอยู่ในรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของประกันนั้น ๆ เช่น ผู้ขับขี่จะต้องมีใบขับขี่ และไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมา  

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ 

 หากขับรถในขณะฝนตกถนนลื่น ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง รถหลุดโค้ง รถชนเสาไฟฟ้า หรือรถพลิกคว่ำ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของบุคคลภายนอกเท่านั้น ส่วนรถของคุณจะต้องซ่อมเอง 

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ 

หากขับรถในขณะฝนตกถนนลื่น ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง รถหลุดโค้ง รถชนเสาไฟฟ้า หรือรถพลิกคว่ำ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของบุคคลภายนอกเท่านั้น ส่วนรถของคุณจะต้องซ่อมเอง 

เราจะเห็นว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองกรณีรถชนแบบไม่มีคู่กรณี จึงทำให้กรณีรถเสียหลักตกลงข้างทาง เนื่องมาจากฝนตกถนนลื่นนั้น ประกันชั้น 1 ยังให้ความคุ้มครองอยู่ แต่ประกันรถยนต์ชั้น 2+,3+ จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของบุคคลภายนอกเท่านั้น ส่วนรถของคุณ คุณจะต้องออกเงินซ่อมรถของคุณเอง 

สรุปแล้วหากเกิดเหตุการณ์รถยนต์เสียหลักลงข้างทางเพราะ ฝนตกถนนลื่น และรถของคุณทำประกันรถยนต์ยังให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของประกันแต่ละประเภท เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองกรณีรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ส่วนประกันรถยนต์ชั้น2+,3+ จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของบุคคลภายนอกเท่านั้น อย่างไรก็ตามการขับรถในช่วงฝนตกถนนลื่น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในช่วงหน้าฝนไม่ค่อยดีนัก ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เช่น ใบปัดน้ำฝน ระบบไฟต่าง ๆ ยางรถยนต์ น้ำยาฉีดกระจก รวมไปถึงระบบเบรก  และสิ่งที่สำคัญเพื่อความคุ้มครองที่มากกว่า  แนะนำซื้อประกันรถยนต์ติดรถไว้เพื่อความอุ่นใจและลดภาระค่าเสียหายต่าง ๆ  สนใจทำประกันรถยนต์ที่เฮงลิสซิ่ง คลิก