เมื่อเข้าสู่หน้าฝน บางคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องล้างรถบ่อย เพราะน้ำฝนจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออกจากรถไปเอง แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำฝนนี่แหละ คือปัจจัยหนึ่งที่ทำลายสีผิวของรถของคุณอย่างคาดไม่ถึง แทนที่จะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกกลับเพิ่มความสกปรกให้กับรถอีกด้วย เรื่องที่เราพูดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ล้างรถหน้าฝน จำเป็นมากน้อยแค่ไหน เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ 

ทำไมต้อง ล้างรถหน้าฝน จำเป็นแค่ไหน? 

ทำไมต้อง ล้างรถหน้าฝน ? หลายคนอาจจะคิดว่าน้ำฝนควรจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกไปจากรถ จึงละเลยการล้างรถหน้าฝน แล้วรอเวลาจนฝนไม่ค่อยตกแล้วจึงล้างรถหน้าฝนทีเดียว แต่ความจริงแล้วการไม่ล้างรถหน้าฝนเป็นความเชื่อที่อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะหากลองสังเกตเวลาที่คุณขับรถกลับถึงบ้าน เราจะเห็นทั้งคราบสกปรก เศษใบไม้กิ่งไม้เล็ก  ๆ หรือเศษหินดินทรายติดตามตัวรถ ซุ้มล้อรถ หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นคราบฝังแน่น ล้างออกยาก จึงทำให้การล้างรถหน้าฝนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนรักรถโดยเฉพาะ แต่มากไปกว่านั้น รู้หรือไม่ว่าในน้ำฝนที่เรามองเห็นเป็นน้ำใส ๆ นั้น กลับสิ่งที่ทำร้ายสีรถของคุณได้โดยไม่รู้ตัว เพราะในน้ำฝนนั้นมีกรดอ่อน ๆ  หรือที่เรียกว่าฝนกรด แต่ฝนกรดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงน้ำกรดที่เป็นสารเคมี แต่หมายถึงค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือค่า pH ประมาณ 5.6 แต่เนื่องจากในอากาศมีมลพิษทางอากาศ จึงเพิ่มความเป็นกรดของน้ำฝน หรือมีค่า pH ประมาณ 4.2-4.4 น้ำฝนที่ตกลงมามีความเป็นกรดทำให้มีผลกระทบต่อวัสดุประเภทโลหะ ทำให้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ทำไมต้องล้างรถหน้าฝนนั่นเอง  นอกจากน้ำฝนที่มีความเป็นกรดสูงแล้ว  อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณต้องล้างรถหน้าฝน คือ น้ำฝนจะทำให้รถของคุณมีสิ่งสกปรกเกาะติดรถ ไม่ว่าจะเป็นเศษทราย หิน ดิน โคลน และเมื่อน้ำฝนแห้ง แต่สิ่งสกปรกเหล่านั้นก็ยังคงติดผิวรถ ทำให้ล้างออกได้ยาก เกิดคราบเกาะติดรถและกระจก จึงแนะนำว่าหลังจากที่ขับรถลุยฝนกลับมาถึงบ้านแล้ว ให้ล้างรถด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง เพื่อล้างสิ่งสกปรกให้ออกโดยง่าย  และที่สำคัญไม่ควรเช็ดรถโดยที่ยังไม่ล้างรถด้วยน้ำสะอาด เพราะขณะใช้ผ้าเช็ดรถ สิ่งสกปรกจะไปขูดขีดผิวรถให้เป็นรอยนั่นเองค่ะ  

วิธีการล้างรถยนต์ที่ถูกต้อง 

การล้างรถยนต์เป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์ให้สะอาด และสวยงามตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่หรือเก่าก็ตาม การล้างรถยนต์ที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสีและผิวรถยนต์ได้ ในบทความนี้เราจะสอนวิธีล้างรถยนต์ให้ถูกต้องในขั้นตอนต่างๆ  ดังนี้

1.เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น

  • ถังนั้น 2 ใบ ประกอบไปด้วย ถังน้ำเปล่า และ ถังน้ำผสมแชมพูล้างรถยนต์สูตรอ่อนโยนต่อผิวรถ 
  • ฟองน้ำสำหรับล้างรถยนต์ ควรมีอย่างน้อย 2 อัน สำหรับล้างผิวรถยนต์และล้างล้อรถยนต์ 
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์ 
  • สายยางหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง  

2.เตรียมรถยนต์

ในการล้างรถยนต์ควรจะล้างรถยนต์ในร่มหรือช่วงเย็น เพราะหากล้างรถกลางแดด จะทำให้เกิดคราบบนผิวรถ ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ยากกว่าเดิม นอกจากนี้อย่าลืมเก็บกวาดเศษขยะภายในรถ รวมไปถึงดูดฝุ่นรถให้เรียบร้อย 

3.ล้างคราบสกปรกด้วยน้ำเปล่า 

ก่อนที่คุณจะลงมือล้างรถยนต์ด้วยแชมพูล้างรถ จะต้องฉีดล้างตัวรถด้วยน้ำสะอาดเสียก่อน เพื่อไล่ฝุ่นและสิ่งปรกที่ติดบนรถไล่ลงมาข้างรถ จากนั้นล้างล้อรถก่อน เพื่อกันสิ่งสกปรกไปกระเด็นใส่ผิวรถ 

4.ล้างรถยนต์ 

เริ่มต้นด้วยการชุบฟองน้ำด้วยแชมพูล้างรถยนต์สูตรอ่อนโยนที่ผสมลงในถังน้ำใบแรก แล้วถูฟองน้ำล้างคราบสกปรกจากบนลงล่าง และก่อนที่จะชุบแชมพูล้างรถยนต์อีกครั้งให้นำฟองน้ำไปชุบในถังนั้นสะอาด เพื่อเป็นการล้างสิ่งสกปรกบนฟ้องน้ำ เพราะหากไม่ล้างน้ำสะอาดก่อน จะทำให้สิ่งสกปรกไปขูดขีด ทำลายสีผิวรถในขณะที่ล้างรถได้ หลังจากนั้นก็ล้างส่วนล่างของรถยนต์ตามลำดับ 

5.เช็ครถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ 

คุณไม่ควรปล่อยรถให้แห้งเอง เพราะจะทำให้เกิดคราบน้ำเกาะที่กระจกและผิวรถ จะทำให้ล้างออกยาก  

6.ลงแว็กซ์ 

การลงแว็กซ์เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยดูแลรักษาสีผิวรถ ให้เงางาม ป้องกันสิ่งสกปรกเกาะติด แต่ทั้งนี้หากมีเวลาและงบประมาณเพียงพอ ลองนำรถไปเคลือบสีรถที่คาร์แคร์ จะเป็นการเสริมเกราะป้องกันให้กับผิวรถของเราได้ดีกว่าลงแว็กซ์ ทั้งนี้บางคนอาจคิดว่าการเคลือบสีรถเป็นเพียงเพื่อความสวยงามให้กับรถ แต่ความจริงแล้วการเคลือบสีรถมีข้อดีดังนี้ 

ข้อดีของการเคลือบสีรถ 

1.ป้องกันคราบสิ่งสกปรกไม่ให้เกาะรถ 

การเคลือบสีรถ ช่วยป้องกันและลดการเกาะยึดไม่ให้พวกฝุ่น หยดน้ำ ละอองน้ำเกาะอยู่ตามผิวรถจนเป็นรอยด่าง  เพราะสารที่ใช้เคลือบสีรถจะเคลือบผิวรถเพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เกาะติดได้นาน หากเป็นพวกหยดน้ำก็จะไม่เกาะติดผิวรถอีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เป็นเกาะติดเป็นคราบฝังลึก 

2.ยืดอายุสีตัวถังรถ 

การเคลือบสีรถนอกจากจะช่วยเพิ่มความเงางาม ทำให้สีรถดูสดใส และยังช่วยป้องกันคราบสกปรกไม่ให้เกาะติดผิวรถซึ่งทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้การเคลือบสีรถยังเป็นการเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิวรถที่จะต้องสู้กับแสงแดด ฝน ละอองน้ำ  หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนไปมีผลทำให้สีรถซีดจาง หลุดล่อน เปรียบเหมือนการที่คนเราทาครีมกันแดดเพื่อจะช่วยป้องกันแสงยูวี หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ที่มีผลทำให้ผิวของเราเกิดอาการแสบแดง มีริ้วรอย หรือรอบเหี่ยวย่น  เช่นเดียวกันกับผิวรถ แม้ว่าแสงแดด ฝน ละอองน้ำ หรือมลภาวะต่าง ๆ ก็มีผลทำให้สีตัวถังรถ ซีดจาง หลุดล่อนได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการเคลือบสีรถ จึงเป็นการยืดอายุของสีตัวถังให้สดใส ไม่ซีดจาง สีไม่หลุดล่อนออกมาง่าย ๆ 

ปัจจัยที่ทำให้สีรถเสื่อม ซีดจาง หลุดร่อน 

นอกจากน้ำฝนจะมีส่วนในการทำร้ายสีผิวรถแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้สีรถมีความซีดจาง มีรอยขีดข่วน สีหลุดร่อน และไม่สวยเหมือนใหม่ ดังนี้ 

1.แสงแดด 

แสงแดดเป็นปัจจัยต้น ๆ ที่ทำให้สีรถยนต์ซีดจาง หลุดล่อนหากมีการตากแดดเป็นประจำเวลานาน นอกจากแสงแดดจะไปทำลายผิวเคลือบรถยนต์จนทำให้สีรถซีดลงแล้วนั้น ยังทำให้ส่วนของอุปกรณ์ของรถที่ทำจากยางหรือพลาสติกเริ่มเสื่อมสภาพ แห้งกรอบ เช่น ยางปัดน้ำฝน เบาะหนัง คอนโซลหน้ารถ พวงมาลัยรถ เป็นต้น 

2.ฟองน้ำล้างรถ 

การเลือกฟองน้ำล้างรถควรเลือกใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถโดยเฉพาะ ทั้งนี้หลังจากที่ใช้ฟองน้ำล้างรถแล้ว ควรจะล้างทำความสะอาดและเก็บฟองน้ำล้างรถไว้ให้ดี เพราะหากฟองน้ำล้างรถยังมีพวกเศษทราย กรวดติดอยู่ในฟองน้ำ เมื่อเรานำมาใช้ล้างรถจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนจนทำให้รถเป็นรอยจนสีถลอกได้ 

3.ขี้นก 

ขี้นกมีฤทธิ์เป็นกรดสามารถกัดสีรถยนต์ให้ด่างเป็นจุด และหากปล่อยไว้นานจะขัดคราบด่างนั้นได้ยากมาก ทั้งนี้เมื่อนกขี้ใส่รถให้รีบความสะอาดทันทีและหลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้หรือหากจำเป็นต้องจอดรถใต้ต้นไม้เป็นเวลานาน ควรใช้ผ้าคลุมรถด้วย 

4.ยางไม้จากต้นไม้ 

บางครั้งเราจะพบว่ามีคราบสีน้ำตาลอ่อนเป็นจุด ๆ เกาะบนกระจกหน้ารถบ้างหรือตามฝากระโปรงรถบ้าง ซึ่งคราบยางไม้นี้เกาะติดแน่นขจัดได้ยากและจุดที่ถูกยางไม้เกาะนั้นหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน ยางไม้จะกินสีรถให้ซีดจางด้วย ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ เพื่อไม่ให้ยางไม้หล่นใส่รถยนต์นั่นเอง 

5.คราบน้ำมัน 

คราบน้ำมันเชื้อเพลิงรถ หากปล่อยให้หกใส่รถจะฝังแน่นกับสีรถซึ่งไม่สามารถล้างออกได้หากปล่อยทิ้งไว้ ทั้งนี้เมื่อพบว่าน้ำมันเชื้อเพลิงหกใส่รถให้รีบ เวลาที่คุณเติมน้ำมันที่ปั๊ม คอยสังเกตที่เวลาพนักงานเติมน้ำมันว่ามีน้ำมันหกออกมาหรือไม่ หากมีให้รีบนำผ้าไมโครไฟเบอร์ลูบทำความสะอาดเบา ๆ ทันที 

6.แมลง 

สำหรับคนที่ขับรถในเวลากลางคืนมักจะเจอพวกแมลงมาชนหน้ารถและกระจกหน้ารถขณะที่ขับรถอยู่ ซึ่งแมลงเหล่านี้มักจะเกิดคราบเกาะแน่นติดกับสีรถ หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้สีรถซีดจาง ทั้งนี้เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบเช็ดออกด้วยครีมกำจัดคราบเอนกประสงค์ และเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ 

หลายคนอาจมองข้ามการ ล้างรถหน้าฝน เพราะคิดว่าน้ำในจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออกไปจากรถได้ แต่ความจริงแล้วน้ำฝน คือ ศัตรูตัวร้ายที่ทำลายทั้งสีผิวรถ เกิดคราบด่างสีขาวตามผิวรถและกระจก และทำให้สิ่งสกปรกเกาะติดตามซอกมุมรถได้ง่าย และหากปล่อยทิ้งไว้จะล้างออกได้ยาก อย่างน้อยแนะนำว่าหลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว ฉีดน้ำล้างรถด้วยน้ำสะอาด เพื่อให้คราบสกปรกที่เกาะมาตามรถ และเช็ดด้วยผ้าเช็ดรถก็เพียงพอแล้ว และเมื่อถึงวันหยุดควรนำรถไปล้างรถยนต์ตามปกติ เพราะในช่วงหน้าฝนหากคุณนำรถไปล้างคาร์แคร์ ทางร้านมักจะมีโปรโมชั่นเจอฝนกลับมาล้างรถฟรี ทำให้การล้างรถหน้าฝนจึงไม่ใช่เรื่องยาก และเป็นเรื่องปกติที่ควรทำ อย่างน้อยก็เป็นการดูแลบำรุงรักษารถที่คุณสามารถเองได้ง่าย ๆ อีกด้วยค่ะ  

เปลี่ยนรถคู่ใจเป็นเงินก้อนพร้อมใช้ ด้วยสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงิน เงินมีใช้ รถยังมีขับ ผ่อนสบายนานสุด 84 เดือน* สนใจขอสินเชื่อ คลิกปุ่มสมัครเลย 

สมัครสินเชื่อ