การรู้จัก กฎหมายจราจร เบื้องต้น เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องให้ความสำคัญและเข้าใจ เพื่อสามารถนำปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามกฎจราจร โดยวันนี้เราจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎจราจรเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่ควรรู้ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข และช่วยให้คุณใช้รถใช้ถนนได้อย่างถูกกฎหมายจราจรมากยิ่งขึ้น

กฎหมายจราจร ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามได้แก่อะไรบ้าง

การรู้จักกฎหมายจราจรเบื้องต้น เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องให้ความสำคัญและเข้าใจ เพื่อสามารถนำปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายจราจร ที่กำหนดไว้ เพราะกฎหมาย เป็นสิ่งที่สร้างออกมาเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ควบคุมการกระทำไม่ให้สร้างความเสียหายกับผู้อื่น นอกจากนี้ความรู้เรื่องกฎหมายจราจร ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสอบทำใบขับขี่ที่ผู้ต้องการทำใบขับขี่จะต้องสอบให้ผ่านทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย สำหรับกฎหมายจราจรเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้จะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

กฎหมายจราจร 10 ข้อมีอะไรบ้าง     

สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนจำเป็นจะต้องรู้กฎหมายจราจร หากฝ่าฝืนจะถูกจับและปรับ นอกจากนี้ก็ยังเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางอีกด้วย สำหรับกฎหมายจราจร 10 ข้อมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

1.พกใบอนุญาตขับรถและเอกสารสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ

ผู้ขับขี่จะต้องพกใบอนุญาตขับรถ หรือใบขับขี่ หากผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือสามารถแสดงใบขับขี่รถยนต์อิเล็กทรอนิกส์แทนใบขับขี่ตัวจริง ให้แก่เจ้าหน้าที่เมื่อถูกขอเรียกดูได้ รวมไปถึงเอกสารสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถติดรถไว้ หากไม่มีจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

2.เมาไม่ขับ

กฎหมายบังคับให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกินระดับถือว่าเมามีโทษปรับตามกฎหมาย โดยผู้ที่เมาแล้วขับจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.รัดเข็มขัดทุกคน

รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง รถแท็กซี่ รถตู้ รถกระบะ ยกเว้นรถสองแถว รถกระบะมีแคปและรถสามล้อเครื่อง จะต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและต้องคาดเข็มขัดทุกคน หากฝ่าฝืน รถเก๋ง รถแท็กซี่ รถกระบะ ปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนรถบรรทุกสินค้า รถตู้ รถทัวร์ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

4.ห้ามนั่งกระบะหลัง

เนื่องจากกระบะหลังไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัย กฎหมายจึงมีการบังคับไม่ให้นั่งกระบะท้าย หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

5.ห้ามใส่หลังคา Sunroof/Moonroof

รถที่มีการติดตั้งมาจากโรงงานแล้วไม่มีปัญหา แต่ถ้านำมาติดตั้งเองภายหลังถือเป็นการดัดแปลง มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

6.ไฟเบรกสีแดงเท่านั้น

รถทุกคันจะต้องมีไฟหยุดหรือที่เรียกกันว่าไฟเบรก โดยจะต้องมีสีแดงเท่านั้น ห้ามใช้สีอื่น หรือดัดแปลงเป็นไฟกระพริบ เพราะอาจจะสร้างความเข้าใจผิดกับผู้ขับขี่คนอื่นได้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

7.ห้ามล้อยางเกินนอกบังโคลน

ล้อรถด้านท้ายยื่นออกมาได้ไม่เกิน 15 ช.ม. ส่วนขอบยางด้านนอกสุดห้ามยื่นออกมาเกินตัวถังรถ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

8.ห้ามท่อไอเสียดัง

รถที่นำมาใช้ขับขี่บนท้องถนนจะต้องมีความดังไม่เกิน 95 เดซิเบล เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายและรบกวนผู้อื่น หากถูกปรับจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

9.ห้ามไฟหน้าหลายสี

ไฟหน้าจะต้องเป็นสีขาวหรือสีเหลือง กำลังไฟไม่เกิน 10 วัตต์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

10.ไฟตัดหมอกใช้เมื่อจำเป็น

หากฝนตกหนัก หมอกลงจัด ขับผ่านกลุ่มควัน สามารถใช้ไฟตัดหมอกได้ หากใช้นอกเหนือเหตุจำเป็นดังกล่าวมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

การขับขี่ตาม กฎหมายจราจร

กฎหมายจราจรมีความสำคัญกับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน รวมไปถึงคนเดินเท้าก็ต้องปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน กฎหมายจราจรเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายหลัก ในการบังคับควบคุมการจราจรให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยกฎหมายจราจรที่ประเทศไทยใช้เป็นหลักก็คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ. จราจร ซึ่งการขับขี่ตามกฎหมายจราจรมีข้อควรรู้ดังนี้

การขับรถสวนทางกัน

1.ให้ขับรถชิดซ้ายโดยถือกึ่งกลางของทางเดินรถเป็นหลักแต่ถ้าได้จัดแบ่งช่องเดินรถไว้ให้ถือเส้นหรือแนวที่แบ่งนั้นเป็นหลัก

2.ในทางเดินรถที่แคบ เมื่อขับรถสวนทางกัน ให้ผู้ขับขี่แต่ละฝ่ายลดความเร็วของรถ เพื่อให้รถสวนทางกันได้โดยปลอดภัย

3.สำหรับทางเดินรถที่แคบซึ่งไม่อาจขับรถสวนกันได้ ผู้ขับรถคันใหญ่กว่าต้องหยุดรถชิดขอบทางเดินรถด้านซ้าย เพื่อให้ผู้ขับรถคันเล็กว่าผ่านไปก่อน

4.เมื่อมีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ให้ลดความเร็วของรถหรือหยุดรถ เพื่อให้รถคันที่สวนมาผ่านไปได้

การขับรถผ่านทางร่วมทางแยก

1.ถ้ามีรถอื่นอยู่ในระหว่างทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถทางร่วมทางแยกนั้นผ่านไปก่อน

2.ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทางดินรถทางเอกตัดผ่านทางรถทางเอกตัดผ่านเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี่ในทางเอกมีสิทธิขับผ่านไปก่อน

3.ถ้าสัญญาณไฟเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทางแยกมีรถหยุดขวางอยู่จนไม่สามารถผ่านไปได้ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถที่หลังเส้นให้รถหยุดจนสามารถเคลื่อนรถผ่านไปได้

การขับรถผ่านวงเวียน

1.ในกรณีมีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้น

2.ถ้าไม่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร ต้องให้สิทธิแก่ผู้ขับขี่ซึ่งขับอยู่ในวงเวียนทางด้านขวาของตนขับผ่านไปก่อน

3.ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรเพื่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร จะให้สัญญาณเป็นอย่างอื่น ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด 

เทคนิคและมารยาทในการขับรถยนต์

ในฐานะที่ต่างคนต่างใช้ถนนหนทางร่วมกัน อย่างน้อยการทำตามกฎหมายจราจรและมีมารยาทให้การขับขี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยและมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางอีกด้วย มารยาทเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่ควรมีขณะใช้รถใช้ถนนมีดังนี้

มารยาทในการขับรถยนต์ให้ปลอดภัย

1.หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลาย

เราจะพบว่ามีข่าวรถชนคนข้ามถนน โดยเฉพาะข้ามบนทางม้าลายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถ หากพบว่ามีคนอยู่บนทางเท้าและกำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย ผู้ขับควรชะลอ แตะเบรก และให้สัญญาณไฟขอทาง เพื่อให้คนข้ามทางม้าลายให้เรียบร้อยก่อนจึงจะขับรถออกไปได้ ซึ่งที่ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

2.ไม่ขับรถแช่ขวา

เลนทางขวาเป็นเลนสำหรับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าคุณขับรถตามความเร็วที่กฎหมายจราจรกำหนด แต่หากคุณวิ่งรถด้วยความเร็วคงที่ ก็ไม่ควรจะขับรถแช่ชวา เพราะจะทำให้การจราจรติดตัด รถคันหลังไม่สามารถไปก่อนได้ คุณจะสังเกตได้ว่าหากคุณขับรถแช่ขวาแล้วมีรถคันหลังขับจี้ท้ายคุณ คุณจะต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้คันหลังที่มาด้วยความเร็วกว่าไปก่อน

3.รักษาระยะห่างจากคันหน้า

หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วปกติ ควรจะเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ประมาณ 100 เมตร ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. และ 80 เมตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.เพื่อให้คุณมีระยะเบรกรถได้ทัน เป็นการป้องกันหากรถคันข้างหน้าของคุณเบรกกระทันหันไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม

4.ระวังการใช้ไฟสูง

ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถสวนกับคันอื่น เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคนอื่น

5.ให้สัญญาณไฟก่อนแซง

หากต้องการแซงรถ ควรให้สัญญาณไฟ ใช้ความเร็วที่จะแซงอย่างเหมาะสม และเว้นระยะการแซงรถเพื่อที่จะกลับเข้าเลนปกติ ไม่อยู่ในระยะประชิดจนเป็นการปาดหน้ารถ นอกจากนี้ไม่ควรแซงขวาเข้าไปในเลนรถสวนทาง

6.ไม่ขับรถตัดหน้าคันอื่น

หากจะต้องทำการเปลี่ยนเลนรถ  ควรจะต้องมองกระจกหลัง ให้สัญญาณไฟ รอให้รถคันอื่นไปแล้ว จึงจะสามารถเลี้ยวรถ หรือเปลี่ยนรถได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นการขับรถตัดหน้าคันอื่น จนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

รวมวิธีขับขี่รถจักรยานยนต์ให้ปลอดภัย

1.เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการขับขี่อย่างปลอดภัยและต้องมีสติไม่ประมาททุกครั้งที่ต้องขับขี่

2.ตรวจสภาพความพร้อมของรถก่อนการเดินทาง ตรวจสอบระบบเบรก ระบบไฟส่องสว่าง สภาพยาง ระบบไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

3.ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่ขับขี่รถเร็ว ไม่ขับรถย้อนศร อย่าขี่รถขึ้นทางเท้าหรือฟุตบาท ไม่แทรกรถไปในช่องทางแคบ หรือช่องว่างระหว่างรถยนต์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย

4.เมาไม่ขับ หากผู้ขับขี่สภาพร่างกายไม่พร้อม ไม่ควรขับขี่เด็ดขาด

5.ไม่ควรขับแซง เปลี่ยนเลนรถกะทันหัน หรือตัดหน้ากระชั้นชิด ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้าทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว เมื่อเห็นว่าปลอดภัยค่อยเปลี่ยนทิศทางของรถ

6.หลีกเลี่ยงการขับขี่เข้าใกล้รถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือเข้าไปอยู่ในพื้นที่จุดบอดในทุกกรณี ได้แก่ บริเวณด้านขวา และด้านหน้า เพราะความสูงใหญ่ของตัวรถทำให้มองไม่เห็นรถเล็กด้านหน้า  ด้านหลังของรถบรรทุก เนื่องจากกระจกมองหลังจะไม่สามารถเห็นด้านหลังของรถได้ และด้านซ้ายของรถบรรทุก ที่มีทัศนวิสัยแคบย่อมมีโอกาสเสี่ยงอันตรายได้

7.สวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายต้องสวมใส่หมวกกันน็อกที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก มอก. และใส่สายรัดคางให้แน่นกระชับพอดี นอกจากนี้ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าที่รัดกุม เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังถลอก หรือเป็นแผลรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

8.ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ล้อและยาง กระจกมองข้าง ท่อไอเสีย ควรเป็นไปตามมาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิต เพราะอุปกรณ์ส่วนควบของรถทุกชิ้นที่ติดตั้งมาจากโรงงานผู้ผลิตผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งาน และช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัยนั่นเองค่ะ

มารยาทในการใช้ความเร็วเท่าไหร่ ตามกฎหมายกำหนด

ข้อกำหนดในการใช้ความเร็วบนทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถแบบจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ดังนี้

1.รถยนต์ วิ่งไม่เกิน 120 กม./ชม.

2.รถเลนขวาสุด วิ่งไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ส่วนรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กก. หรือรถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน วิ่งได้ไม่เกิน 90 กม./ชม.

  1. รถจักรยานยนต์ วิ่งไม่เกิน 80 กม./ชม.
  2. รถจักรยานยนต์ 400 cc (บิ๊กไบค์) ขึ้นไปวิ่งไม่เกิน 110 กม./ชม.
  3. รถโรงเรียน วิ่งไม่เกิน 80 กม./ชม.
  4. รถโดยสาร 7-15 คน วิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม.
  5. รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถใช้งานเกษตรกรรม วิ่งไม่เกิน 45 กม./ชม.
  6. รถลากจูง รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ วิ่งไม่เกิน 65 กม./ชม.

กฎหมายจราจร เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถทุกคนต้องรู้และปฏิบัติตามตามที่กฎหมายกำหนด การฝ่าฝืนกฎหมายจราจรนอกจากจะทำให้มีโทษทั้งจำทั้งปรับแล้ว ยังทำให้คนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณ ได้รับผลกระทบจากความประมาทของคุณอีกด้วย โดย ทั้งนี้ยังมีพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนอีกหลายข้อที่ผู้ขับรถหลายคนมักจะเข้าใจผิด หรือเคยชินกับการกระทำผิดนั้นโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นการเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายจราจร จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและอาจเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้ ทั้งนี้เพื่อความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนน แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ติดรถไว้สักแผน หากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อยบริษัทประกันจะได้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้แทน แนะนำประกันภัยรถยนต์ ผ่อน 0% ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนที่เฮงลิสซิ่ง รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่