เนื้อหาของบทความ

นอกจากการตรวจสภาพรถให้เรียบร้อยก่อนการซื้อขายรถมือสองแล้ว การโอนรถยนต์จากชื่อเจ้าของรถคนเก่ามาเป็นชื่อเจ้าของรถคนใหม่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยในการโอนรถยนต์ไม่ว่าจะซื้อต่อจากคนอื่น หรือโอนรถให้กันภายในครอบครัวมีขั้นตอนอย่างไรและมี ค่าโอนรถยนต์ กี่บาท บทความนี้ได้รวบรวมคำตอบเหล่านี้ไว้แล้วค่ะ

ค่าโอนรถยนต์ ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายกี่บาท

นอกจากจะต้องเตรียมเงินก้อนหนึ่งสำหรับซื้อรถมือสองสักคันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คิดเผื่อไว้ล่วงหน้านอกจากการซื้อรถแล้วนั่นก็คือ ค่าโอนรถยนต์  ซึ่งผู้ที่กำลังจะซื้อรถต้องเตรียมเงินในส่วนนี้เพื่อเป็นค่าโอนรถยนต์  โดยค่าโอนรถยนต์มีค่าใช้จ่ายแยกย่อยดังนี้

ค่าโอนรถยนต์

1.ค่าคำขอ  5 บาท

2.ค่าธรรมเนียมค่าโอนรถยนต์  100 บาท

3.ค่าอากรแสตมป์  500 บาทต่อราคาประเมินทุก 100,000 บาท

4.ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน  200 บาท  (ในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการเปลี่ยนป้ายทะเบียนใหม่)

5.ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน  100 บาท  (ในกรณีที่เล่มทะเบียนเก่าหรือชำรุด)

นอกจากนี้ค่าโอนรถยนต์ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก นอกเหนือจากค่าโอนรถยนต์แล้ว จะต้องมีการเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการโอนรถยนต์ดังนี้

เอกสารที่ต้องใช้ในการโอนรถยนต์

1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ

2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผุ้มีอำนาจลงนาม

3.สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี

4.แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว

5.หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอง กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง

ขั้นตอนการโอนรถยนต์มีขั้นตอนอย่างไร

1.นำรถเข้ารับการตรวจสอบที่งานตรวจสภาพรถยนต์ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)

2.ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียม ที่งานทะเบียนรถ

3.รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน

4.รับใบเสร็จรับเงิน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้าย ทะเบียนรถ

เดินทางโอนรถได้ที่ไหน

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขา ที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎอยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้

โอนรถกรณีเจ้าของเสียชีวิต

“พ่อซึ่งเป็นเจ้าของรถตัวจริงได้เสียชีวิต แต่ลูกต้องการโอนกรรมสิทธิ์นั้นเป็นชื่อของตัวเอง จะสามารถโอนรถได้หรือไม่” กรณีเจ้าของตัวจริงได้เสียชีวิตลงแต่ก่อนหน้านั้น ไม่ได้ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินต่าง ๆ ไปให้คนในครอบครัว กรณีโอนรถของพ่อหรือแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วมาเป็นชื่อลูกเกิดขึ้นมาแล้วหลายเคส กรณีนี้จำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดก มาทำการโอนรถแทนเจ้าของรถที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยการโอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง มีดังต่อไปนี้

หลักฐานประกอบการโอนรถกรณีเจ้าของเสียชีวิต

1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ

2.แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งบันทึกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว

3.ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม

4.หลักฐานการได้มาของตัวรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี สัญญาซื้อขาย (ถ้ามี)

5.กรณีโอนรับมรดก แนบสำเนาใบมรณบัตรเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือเอกสารของทางราชการที่ระบุชื่อผู้รับมรดก/ผู้จัดการมรดก

6.หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ

เดินทางไปโอนรถได้ที่ไหน

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขา ที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎอยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้

ขั้นตอนการโอนรถกรณีเจ้าของเสียชีวิต

1.นำรถเข้ารับการตรวจสอบ ที่ฝ่ายตรวจสภาพรถ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)

2.ยื่นตรวจสอบคำขอพร้อมหลักฐาน และผลการตรวจสอบรถ (ถ้ามี)

3.ชำระเงินค่าธรรมเนียม

4.รอรับเอกสารคืน

หมายเหตุ การโอนกรรมสิทธิ์รถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันโอน (หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท)

การโอนรถโดยศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

หากเจ้าของรถเสียชีวิตและได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกจากศาลเรียบร้อย  แล้วในกรณีนี้ผู้รับโอนคือผู้จัดการมรดก ก็สามารถเตรียมเอกสารหลักฐาน เพื่อนำไปโอนรถได้ที่สำนักงานขนส่งดังต่อไปนี้

หลักฐานประกอบการโอนรถโดยศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ

2.สำเนาหรือภาพถ่ายใบมรณะบัตรของเจ้ามรดก

3.สำเนาคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

4.หลักฐานประจำตัวผู้จัดการมรดกในฐานะผู้โอนและของผู้รับโอน

4.1 ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน

4.2 ภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน

4.3 หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)

เดินทางไปโอนรถได้ที่ไหน

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขาที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎอยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้

ขั้นตอนการโอนรถโดยศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

1.ใช้แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งมีการกรอกข้อความและลงนามในคำขอแล้ว ยื่นคำร้องขอโอนทะเบียนเปลี่ยนเจ้าของพร้อมหลักฐาน

2.นำรถเข้ารับการตรวจสอบ

3.ชำระค่าธรรมเนียม

4.รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน

หมายเหตุ

การดำเนินการโอนทะเบียนเปลี่ยนเจ้าของรถหากผู้โอนหรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเองจะต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่ผู้ดำเนินการแทน และผู้ดำเนินการแทนต้องนำบัตรประชาชนมาแสดง และการดำเนินการโอนทะเบียนเปลี่ยนเจ้าของจะต้องไปดำเนินการที่หน่วยงาน ของกรมการขนส่งทางบกที่รับผิดชอบพื้นที่จดทะเบียนไว้

การโอนลอยรถ คืออะไร

การโอนลอยรถ เป็นการโอนกรรมสิทธิ์แบบหนึ่งที่หลายคนนิยมทำ โดยเฉพาะการซื้อขายรถมือสอง สำหรับการ โอนลอยรถ คือ การที่เจ้าของรถหรือผู้ขายรถ ได้ขายรถให้กับผู้ซื้อ โดยทำการเซ็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโอนรถให้แก่ผู้ซื้อ แล้วให้ผู้ซื้อไปดำเนินการเองที่สำนักงานขนส่งทางบก แต่ผู้ขายไม่ได้ไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์รถที่สำนักงานขนส่ง การที่ผู้ขายได้เซ็นเอกสารทั้งหมดให้ผู้ซื้อ รวมไปถึงเอกสารโอนลอย เพื่อให้ผู้ซื้อไปดำเนินการโอนรถเองที่สำนักงานขนส่ง จึงเป็นการ โอนลอยรถ นั่นเอง โดยวิธีการ โอนลอยรถนี้ มักจะใช้ในการซื้อขายรถมือสองเป็นส่วนใหญ่ ผู้ขายจะทำการเซ็นเอกสารสำหรับการโอนลอยรถรอไว้ก่อน แม้ว่าจะมีผู้ซื้อหรือยังไม่มีผู้ซื้อรถคันนั้นก็ตาม เมื่อใดมีผู้สนใจและซื้อรถคันนั้น ผู้ซื้อก็สามารถนำเอกสาร โอนลอยรถที่ผู้ขายได้เซ็นไว้แล้ว นำไปโอนรถที่สำนักงานขนส่งได้เลย ผู้ขายไม่ต้องไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ให้เสียเวลา แต่ก็มีข้อควรระวังตรงที่ หากผู้ซื้อไม่นำเอกสารโอนลอยรถ ไปดำเนินการโอนรถที่ขนส่งให้เสร็จเรียบร้อย แต่กลับนำรถไปใช้ในทางที่ไม่ดี หรือทำผิดกฎจราจร จะทำให้ผู้ขายอาจได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องเก็บหลักฐานการซื้อขายรถไว้ให้ดี ศึกษารายละเอียดการโอนลอยรถเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก 

โอนรถแล้วกี่วัน ถึงเอาเข้าไฟแนนซ์ได้?

ก่อนที่หลายคนจะตัดสินใจซื้อรถสักคันไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ก็ตาม คงต้องมีการคิดมาก่อนแล้วว่าจะเลือกซื้อรถด้วยเงินสดหรือเงินผ่อนดี แต่สำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อรถด้วยเงินสดก่อน แล้วจะนำรถมาเข้าไฟแนนซ์ ขอสินเชื่อทะเบียนรถในภายหลัง เพื่อนำเงินกลับไปใช้จ่ายหมุนเวียน แล้วผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้สามารถมีเงินก้อนกลับมาติดกระเป๋า นำมาใช้จ่ายหมุนเวียน แถมยังมีรถใช้งานเพิ่มขึ้นมาอีกคัน แต่หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาว่า ไฟแนนซ์รถมักจะดูว่าคุณถือกรรมสิทธิ์รถคันนั้นมาแล้วกี่วัน หลายแห่งใช้เวลาในการครอบครองเป็นเจ้าของนาน 2- 3 เดือน ทำให้ไม่สะดวกกับผู้ที่ต้องการเงินก้อนกลับมาใช้หรือสำรองไว้อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเมื่อมาที่เฮงลิสซิ่ง

5 วิธีดูรถมือสอง เลือกอย่างไรไม่โดนย้อมแมว?

สำหรับคนที่กำลังสนใจจะซื้อรถมือสองสักคัน เรามีคำแนะนำในการเลือกรถยนต์มือสองอยากซื้อรถมือสองสักคันที่สภาพดีทั้งภายนอกและภายใน แต่หลายคนที่อาจจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง รถ มากนัก อาจจำเป็นที่จะต้องพาช่างซ่อมรถ หรือคนที่มีความรู้ด้านรถ ไปดูรถมือสองที่คุณกำลังสนใจ เพื่อให้ช่วยดูสภาพรถต่าง ๆ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ไม่ถูกย้อมแมวขายมาหรือไม่ ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อรถมือสองคันนั้นได้ง่ายขึ้น แล้วจุดสังเกตหลัก ๆ ที่ต้องดูเกี่ยวกับตัวรถ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคันจะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

เลือกแหล่งซื้อรถที่น่าเชื่อถือ

เดี๋ยวนี้เราสามารถหาซื้อ รถมือสอง ได้หลากหลายช่องทาง ทั้งการบอกต่อ เต็นท์รถ งานประมูลรถ หรือกลุ่มซื้อขายรถในโลกออนไลน์ โดยเลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะดูได้จากหน้าร้าน ประวัติการขาย เจ้าของร้าน หรือหากดูผ่านช่องทางออนไลน์ ก็จากความสม่ำเสมอในการอัพเดตข้อมูล ประวัติการขาย การรีวิวของลูกค้า และไปที่หน้าร้านจริง

เช็คดูสภาพตัวรถภายนอก

1.ตัวรถภายนอก เป็นจุดที่เราสามารถเห็นได้ง่ายมากที่สุดและเป็นจุดที่ดึงดูดให้เราชอบ รถ คันนั้นก่อนเป็นอันดับแรก ยิ่งรถดูใหม่ สวย สภาพดี เงามัน ยิ่งดูแล้วน่าสนใจ อย่าเพิ่งตัดสินที่ความสะอาด สวยงามของภายนอกรถ จุดสังเกตที่เราควรดูก่อนนั่นก็คือ

2.ทรงรถ ในขณะที่รถจอดนิ่ง ลองดูก่อนว่ารถเอียงไปทางไหนหรือไม่ หากรู้สึกว่าเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง อาจสันนิษฐานเบื้องต้น ไว้ก่อนว่า รถคันนี้อาจจะมีปัญหาช่วงล่างหรืออาจเคยเกิดอุบัติเหตุหนักมาก่อน

3.สีรถ โดยปกติรถที่ออกจากโรงงาน สีรถจะมีความสม่ำเสมอ เรียบเนียน ไม่มี แต่หากสีมีความเข้มอ่อนไม่สม่ำเสมอกันตามจุดต่าง ๆ อาจสันนิษฐานได้ว่า รถถูกทำสีมาใหม่ อาจจะเป็นเพราะเจ้าของเดิมอาจต้องการเปลี่ยนสี หรืออาจเคยชนหนักจึงต้องมีการซ่อมแซม และทำสีรถใหม่

4.จุดยึดน็อต เป็นจุดหนึ่งที่สามารถสังเกตได้ไม่ยากนัก หากไม่มีรอยหมุนออก แสดงว่ารถคันนั้นไม่เคยมีการถูกถอดชิ้นส่วนออกมาเพื่อซ่อมแซมหรือทำสี เป็นของเดิมออกจากโรงงาน แต่หากมีร่องรอยการขันน็อต อาจสันนิษฐานว่ารถอาจเคยชนหนักมาก่อน

5.รอยอาร์ค คือรอยที่เกิดจากการเชื่อมประกอบชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์เข้าด้วยกัน มีลักษณะเป็นรอยนูน บุ๋มกลม ๆ อยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันทั้งฝั่งซ้ายขวาของรถ ซึ่งจะมีทั้งในห้องเครื่อง ภายในกระโปรงหลัง และด้านข้างรถ บริเวณขอบยางประตูทั้ง 4 ฝั่ง หากจุดไหนไม่มีรอยบุ๋มกลมๆ แสดงว่าฝั่งนั้นเคยถูกชนมาก่อน

เช็คดูสภาพตัวรถภายใน

1.เลขตัวถังรถ เลขตัวถังรถจะต้องชัดเจน ไม่มีร่องรอยการแก้ไข เลขตัวถังและเลขเครื่องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ และจะต้องตรงกับเลขในเล่มทะเบียนรถ หากไม่ตรงกันสันนิษฐานว่าเป็นรถที่มีการดัดแปลงเครื่องมาอย่างไม่ถูกกฎหมาย

2.เครื่องยนต์ ในส่วนนี้อาจจำเป็นต้องให้ผู้ที่มีความรู้ด้านรถเข้ามาช่วยดูเป็นพิเศษ เพื่อช่วยฟังเสียงเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่ แต่เบื้องต้นคุณสามารถฟังเสียงรถขณะสตาร์ทว่ามีเสียงวี้ด ๆ จี๊ด ๆ ของสายพาน ขณะติดเครื่องรถสั่นทั้งคันอย่างแรง รอบเครื่องเดินเบามีอาการจะเบาดับหรือเหมือนรถจะดับ หรือมีไฟรูปเครื่องโชว์บนหน้าปัด หากมีอาการเหล่านี้เบื้องต้นรถอาจจะมีปัญหา ไม่ควรเลือกซื้อเพื่อนำมาใช้งาน

3.ห้องโดยสาร ลองสำรวจภายในรถดูทั้งแผงคอนโซล เบาะ ขอบยางประตู พวงมาลัย อยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีรอยคราบน้ำ คราบน้ำมัน คราบสนิมตรงจุดไหนบ้าง นอกจากจะดูสภาพรวม ๆ แล้ว ลองไปดูที่เลขไมล์ของรถ ซึ่งแสดงถึงอายุงานการใช้งานของรถ โดยส่วนใหญ่แล้ว ระยะทางในการใช้งานต่อปีอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 30,000 กิโลเมตร หากรถที่คุณกำลังจะซื้อมีเลขไมล์ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสภาพรถ อายุรถ หรือรถอายุ 5 ปี เลขไมล์แค่ 40,000 กม อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการตั้งเลขไมล์ใหม่ ทำให้รถดูแล้วใช้งานน้อยมาก จึงได้ราคาขายดี เป็นต้น

ดูเล่มทะเบียนรถ

ใบคู่มือจดทะเบียน หรือ เล่มทะเบียนรถ เป็นหลักฐานที่แสดงประวัติของตัวรถตั้งแต่จดทะเบียน รายละเอียดรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ ผ่านการครอบครองมาแล้วกี่คน เคยมีการเปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ ติดแก๊ส หรือทำอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวรถ ก็จะถูกจดบันทึกลงในเล่มทะเบียนรถนี้ สำหรับรถคันไหนที่แจ้งในเล่มว่า “ออกแทนเล่มที่สูญหาย” อาจจะสันนิษฐานได้ว่ารถคันนี้อาจจะเป็นรถที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้รถบางคันที่เคยมีประวัติเอาเข้าไฟแนนซ์ ก็พอจะสบายใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการโอนอีกด้วย

ทดลองขับจริง

การทดลองขับจะช่วยให้คุณสังเกตข้อบกพร่องของรถได้ เพื่อเป็นข้อสังเกตก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง ทั้งการขับขี่ การเลี้ยว การเบรก ระบบไฟใช้งานได้ปกติมั้ย การเข้าเกียร์ได้ตามรอบหรือไม่ รถวิ่งเป๋ไปมาหรือไม่ โช๊คแข็งเกินไป หรือรับแรงกระแทกได้ดี มีเสียงแปลกเกิดขึ้นขณะขับรถหรือไม่ รวมไปถึงทัศนวิสัยในการขับขี่เป็นอย่างไร เหมาะกับคุณหรือไม่

การเลือกรถสักคัน โดยเฉพาะการซื้อรถมือสอง เรียกได้ว่าจะต้องมีการจับผิดตัวรถพอสมควร เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่ารถคันนั้น ๆ ผ่านอะไรมาบ้าง หากไม่รู้จักสังเกตตัวรถตามจุดสำคัญ รวมไปถึงตรวจสอบประวัติของรถซึ่งระบุไว้ในเล่มทะเบียนรถ เพื่อที่คุณจะได้ซื้อและใช้งานได้อย่างสบายใจ คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ไม่เสี่ยงได้รถย้อมแมว รถชนหนัก หรือรถผิดกฎหมาย หรือหากเป็นไปได้ควรหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ หรือช่างซ่อมรถประจำ ช่วยดูรถให้คุณ จะได้ไม่เสี่ยงได้รถย้อมแมวขาย จนต้องมานั่งปวดหัวในภายหลัง

ไม่ว่าจะโอนรถให้กันเองในครอบครัวหรือซื้อรถต่อจากคนอื่น จะต้องเตรียม ค่าโอนรถยนต์ เอาไว้ก้อนหนึ่งให้พร้อมเช่นเดียวกับการเตรียมเอกสารจะต้องเตรียมให้ครบถ้วน เซ็นเอกสารให้ครบทุกจุดเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในการโอนรถยนต์ในภายหลัง  นอกจากนี้ในกรณีที่มีการซื้อต่อรถจากคนอื่นจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการตรวจสภาพรถยนต์ทั้งภายนอกและภายใน โดยบทความนี้ยังได้แนะนำวิธีการดูรถมือสองเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ในการดูรถมือสองว่าต้องดูจุดไหนอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เมื่อคุณซื้อรถมือสองมาใช้งานแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถซื้อประกันรถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถได้อีกด้วย หากคุณยังไม่แน่ใจว่าประกันรถยนต์ประเภทไหนที่เหมาะกับรถของคุณสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ คลิก