รูปแบบใหม่ของการจับจ่ายที่ไม่ง้อบัตรเครดิต ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ( buy now pay later ) : BNPL ที่กำลังเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ ถือเป็นสินเชื่อประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าได้ก่อนค่อยนำเงินมาจ่ายทีหลังได้ หรือแบ่งจ่ายเป็นงวดได้เช่นเดียวกับบัตรเครดิต แต่ที่สำคัญมีความง่าย สะดวกกว่าบัตรเครดิต เราจะพาไปรู้จักกับ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” (buy now pay later)

ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) คืออะไร?

เมื่อพูดถึงการ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) : BNPL ความหมายของคำนี้ก็เรียกได้ว่าแปลตามตัว ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ก่อน ค่อยจ่ายเงินในภายหลังได้ เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกเราเลยเชื่อว่าในชีวิตประจำวันของใครหลายคนมีการจับจ่ายด้วยวิธีการ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later)  : BNPL โดยพฤติกรรมการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) : BNPL ของเราที่คุ้นชินกันบ่อย เช่น ให้เพื่อนออกเงินซื้อของให้ก่อน การซื้อของแบบลงบัญชีไว้ก่อนค่อยเอาเงินมาจ่ายทีหลัง หรือที่บางคนเรียกกันติดปากว่า “แปะเงิน” นั่นเอง กลับมาที่การซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) : BNPL ที่เรากำลังจะนำมาหยิบยกพูดกันในวันนี้ เรียกได้ว่าตอนนี้พูดที่ไหนใครก็รู้จักหลายคนนิยมเลือกวิธีซื้อก่อนจ่ายทีหลัง buy now pay later : BNPL มาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น โดยออกแบบมาในรูปแบบของแพลตฟอร์มการให้บริการทางการเงิน โดยบริการการเงินที่จุดขาย (Point of Sale Financing: POS) โดยจะอนุมัติให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าได้ก่อน นำสินค้าไปใช้ได้ แล้วจึงค่อยจ่ายเงินทีหลัง โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดเต็มจำนวน สามารถนำเงินมาจ่ายทีหลังหรือผ่อนจ่ายรายเดือนได้ นอกจากนี้ผลการสำรวจจาก Research and Markets ระบุว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง buy now pay later: BNPL ในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโต  92.1% 1,715.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 60,000 ล้านบาทเลย และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

จุดเริ่มต้นของ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later)

Buy Now Pay Later เป็น FinTech ที่เปิดตัวครั้งแรกโดย Afterpay ในปี 2558 ในตอนนั้นกำหนดให้มีการแบ่งชำระเงินเป็น 4 งวดโดยไม่มีดอกเบี้ยหรือการตรวจสอบเครดิตขั้นต่ำ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Afterpay ได้ให้บริการทั่วออสเตรเลีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ หลังจากนั้นก็มีบริการเดียวกันจาก Klarna ขึ้นในยุโรป และ Affirm เกิดขึ้นในสหรัฐฯ จนถึงตอนนี้ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดการชำระเงินอย่าง PayPal, Square ก็มีบริการ BNPL หรือแม้แต่บริษัท Mastercard ยังเปิดตัว Mastercard Installments แพลตฟอร์มที่อนุญาตให้ธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่อต่างๆ สามารถเสนอ BNPL ให้กับลูกค้าได้

ไทยเริ่มมีกระแสการตอบรับบริการดังกล่าว ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา Buy now pay later หรือ ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง เป็นบริการด้านการเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ยังคงเป็น  Bank และ Non – Bank โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าอุปโภคและบริโภคในรูปแบบของวงเงินหรือสินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงบริการบัตรเครดิต โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มเป้าหมายจะเป็น User ที่ใช้บริการ Mobile banking หรือ e-wallet กว่า 30- 40 ล้านราย* และมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ในช่วง Millennials ไปจนถึง Gen Z  ในส่วนรูปแบบการชำระเงินการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy now pay later) : BNPL จะมีการจ่ายเงินเป็นรายเดือนคล้ายกับการจ่ายบัตรเครดิต โดยที่ผู้ซื้อสามารถนำสินค้าหรือรับบริการก่อน จากนั้นจะมีการเรียกเก็บเงินในภายหลังตามจำนวนงวดที่ผู้ซื้อเลือกก่อนที่จะทำการกดซื้อสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย หรือ ดอกเบี้ย% นาน….เดือน โดยมีตัวอย่างดังนี้

น้องเฮงกำลังจะตัดสินใจซื้อเตาอบไมโครเวฟแบรนด์ E ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee ที่เราคุ้นเคยกัน ในราคา 4,500 บาท พบว่าสามารถชำระเงินโดยการ ซื้อการจ่ายทีหลัง (Buy now pay later) : BNPL ได้ โดยไม่คิดดอกเบี้ยนาน 6 เดือน เนื่องจากแบรนด์ E ได้ดีลโปรโมชั่นกับช้อปปี้ไว้ จึงทำให้ผู้ที่จะซื้อสินค้าแบรนด์ E สามารถผ่อนชำระได้ 6 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทำให้น้องเฮงสามารถผ่อนจ่ายทีหลังได้เดือนละ 750 บาท จำนวน 6 งวด ส่วนเตาอบไมโครเวฟแบรนด์ T ก็สามารถซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้ แต่ไม่มีดอกเบี้ย 0% เนื่องจากแบรนด์ T ไม่ได้ดีลโปรโมชั่นกับช้อปปี้ไว้ จึงทำให้มีดอกเบี้ยในการผ่อนชำระ แต่จะไม่เกิน 15% ต่อปีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้น้องเฮงตัดสินใจเลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟแบรนด์ E เพราะสามารถซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้โดยไม่มีดอกเบี้ยนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างผู้ให้บริการ BNPL ในไทย มีใครบ้าง?

Buy now pay later ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง มีรูปแบบการให้บริการเป็นวงเงินหมุนเวียนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค เน้นการทำธุรกรรมบน Digital Platform หรือ Mobile Application ที่เรามีความคุ้นเคยและรู้จักกัน โดยตัวอย่างของผู้ให้บริการ BNPL ในไทย เช่น

Shopee: Spaylater

แอปพลิเคชันที่เรียกได้ว่ามีติดมือถือแทบทุกเครื่อง หลายคนสั่งสินค้าอุปโภคบริโภคผ่าน shopee ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ ของใช้ภายในบ้าน น้ำยาซักผ้า อาหาร และอีกหลายต่อหลายอย่าง โดยมีบริการ BNPL ที่เรียกว่า Spaylater ให้บริการโดยบริษัท ซีมันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด ซึ่งให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 30,000 บาท โดยวงเงินที่ได้รับใช้ชำระค่าสินค้าสำหรับร้านค้าบน Application Shopee เท่านั้น สามารถชำระสูงสุด 6 งวด และ 12 งวดสำหรับลูกค้าเดิม

K-plus: Kpaylater

แอปพลิเคชันนี้ให้บริการโดยธนาคารกสิกรไทยเป็นสินเชื่อบุคคลดิจิตอลให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 20,000 บาท เป็นสินเชื่อบุคคลหมุนเวียนแบบไม่มีหลักประกันและสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ โดยผู้สมัครจะต้องมีบัญชีธนาคารกสิกรไทย หรือ K-eSaving สามารถผ่อนชำระสูงสุด  5 งวดและสามารถใช้วงเงินได้กับร้านค้าพันธมิตร และร้านค้าชั้นนำที่มีเครื่อง EDC ของกสิกรไทยซึ่งค่อนข้างมีร้านค้าชั้นนำหลากหลาย

True Money Wallet: True Pay next

แอปพลิเคชันนี้คนส่วนใหญ่ใช้สำหรับซื้อสินค้าที่ 7-Eleven นอกจากจะเป็น  E-Wallet แล้วยังให้บริการ BNPL โดยบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด  ให้เงินอนุมัติสูงสุด 30,000 บาท สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทสินเชื่อหมุนเวียนอเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกัน  สามารถผ่อนชำระสูงสุด  36 งวด สำหรับซื้อสินค้าหรือบริการในเครือทรูหรือร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 3,000 ร้านค้า และจุดบริการกว่า 2 แสนจุด

ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy now pay later) มีข้อดี-ข้อควรระวังอย่างไร?

แม้ว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง buy now pay later: BNPL ช่วยให้คุณสามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวก แต่ก็ยังมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังของการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง buy now pay later : BNPL ที่ควรพิจารณาประกอบก่อนตัดสินใจกดสั่งซื้อสินค้าอีกด้วย โดยเบื้องต้นผู้ซื้อจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการชำระเงิน เงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การยกเลิกรายการสั่งซื้อที่จ่ายผ่านซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) : BNPL เป็นต้น

ข้อดีของซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL

1.ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน

2.สมัครง่าย อนุมัติผ่านรับวงเงินใช้ได้เลย

3.ไม่มีค่าธรรมเนียม

4.ผ่อนชำระ 0% ตามเงื่อนไขที่กำหนดได้

5.ใช้แทนบัตรเครดิตได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อบัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่นได้

6.เพิ่มช่องทางในการจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวกขึ้น

ข้อควรระวังของซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL

1.หากไม่มีการชำระตามกำหนดหรือผิดนัดชำระ จะมีค่าปรับตามเงื่อนไขของแต่ละแห่ง

2.หากใช้จ่ายไม่ระวังอาจทำให้หนี้เกินตัวได้

3.ไม่มีการสะสมแต้มเพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าเหมือนกับบัตรเครดิต

ซื้อก่อนจ่ายทีหลังกับสินเชื่อบุคคลประเภทอื่นแตกต่างกันอย่างไร

แม้ว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลังกับบัตรเครดิต ดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับสินเชื่อบางประเภท เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล แต่ยังมีจุดอื่นที่มีความแตกต่างกันทั้งเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน วงเงินที่ได้รับการอนุมัติ เงื่อนไขการใช้งานและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ดังนี้ 

  ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล
1.ระยะเวลาอนุมัติ อนุมัติไวภายใน 5-15 นาที 7-15 วันทำการ 3 – 7 วันทำการ
2.เอกสารการสมัคร เบอร์โทรศัพท์+ยืนยันใบหน้า บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน สเตทเมนต์ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน สเตทเมนต์ 
3.วงเงินอนุมัติ พิจารณาจากประวัติการใช้จ่ายในแพลตฟอร์มนั้น ๆ ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนและเงื่อนไขสินเชื่อ ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนและเงื่อนไขสินเชื่อ
4.ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย มีระยะผ่อนชำระ 0% ตามที่กำหนด 45 วัน ไม่มี
5.ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ใช้งานได้เฉพาะร้านค้าที่เป็นพันธมิตร บัตรเครดิตผ่านเครื่อง EDC เงินก้อนโอนเข้าบัญชี
6.สิทธิพิเศษ ไม่มีสิทธิพิเศษ มีสิทธิพิเศษ เช่น สะสมแต้ม แลกพอยท์ ไม่มีสิทธิพิเศษ
7.ค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มี มีค่าธรรมเนียมรายปี ตามเงื่อนไข ไม่มี
8.การชำระคืน ชำระคืนเท่ากันทุกงวดตามระยะที่ผู้ใช้กำหนด ชำระคืนขั้นต่ำ 3-5% ของวงเงินที่ใช้ ชำระคืนเฉลี่ยเท่ากันทุกงวดตามสัญญา
9.ดอกเบี้ย 15-25% / ปี (EIR) 18-25% / ปี (EIR) 22-25% / ปี (EIR)
10.วงเงินอนุมัติ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการ* 1.5 เท่าของเงินเดือน 1.5 เท่าของเงินเดือน

จากตารางเราจะเห็นว่าการซื้อการจ่ายทีหลัง Buy now pay later: BNPL เหมาะสำหรับคนที่ได้ทำบัตรเครดิตหรือไม่สามารถเข้าถึงการขอสินเชื่อประเภทบัตรเครดิตได้ และมีประวัติการสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่มีช่องทางการชำระเงินแบบ BNPL เช่น Shopee ,True money wallet, K-plus อยู่บ่อยครั้ง เป็นต้น

*ในส่วนของวงเงินที่ได้รับอนุมัติของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจะได้ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล

ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง Buy now pay later เหมาะกับใครบ้าง

การใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เหมาะสำหรับนักศึกษา คนทำงานหรือผู้ที่เริ่มต้นทำงานประจำที่ยังไม่สามารถสมัครขอบัตรเครดิตได้ คนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ประเภทอื่นได้ เพราะการขอสินเชื่อประเภทบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต รวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคล จะต้องใช้เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน สเตทเมนต์/รายการเดินบัญชีย้อนหลังในการขออนุมัติสินเชื่อ ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก หรือสำหรับบางอาชีพก็ไม่มีเอกสารเหล่านี้ เช่น อาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่คิดว่าการทำบัตรเครดิตเป็นเรื่องยาก เสียเวลา ทั้งเรื่องการเตรียมเอกสารและระยะเวลาการรออนุมัติ Buy now pay later จึงเป็นรูปแบบการชำระเงินที่มีความสะดวก ง่าย สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ง่าย รวดเร็วในการซื้อสินค้า ไม่ต้องการความยุ่งยาก ไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคารก็สามารถใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง Buy now pay later ได้ เรียกได้ว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการโดยไม่ต้องทำบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อให้ยุ่งยากได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

อนาคตการเติบโตของ Buy now pay later: BNPL ในประเทศไทย

ในปัจจุบันประเทศไทยมีการให้บริการลักษณะดังกล่าวอยู่ 3 ลักษณะ ได้แก่ บริการในรูปแบบเช่าซื้อสินค้าภายในร้านค้า (Leasing) เน้นกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือการเกษตรเป็นหลัก โดยจะเป็นให้วงเงินผ่อนสินค้าตายตัวและเป็นสินค้าภายในร้านของผู้ให้บริการเท่านั้น ตัวอย่างร้าน Go power ศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Powerbuy ให้บริการสินเชื่อสำหรับผ่อนสินค้าภายในร้าน  โดยจับมือกับผู้ให้บริการด้านสินเชื่อหลายแห่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถสินค้าเงินผ่อนได้โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต ต่อมาเป็นบริการสินเชื่อสำหรับใช้ซื้อสินค้าทั่วไป (Loan) เป็นการให้บริการในรูปแบบให้สินเชื่อ Term loan เป็นสัญญาที่มีระยะเวลาผ่อนชำระคืนที่แน่นอน ตั้งแต่ 6 – 60 งวด โดยตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนำไปซื้อสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หรือเครื่องมือเพื่อการเกษตร โดยวงเงินสินเชื่อจะไม่เกินราคาขายจริงของสินค้า และประวัติของลูกค้า ตัวอย่าง “สินเชื่อเพย์เลเทอร์” ของบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และสุดท้ายบริการในรูปแบบ Digital Platform ซึ่งเราคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่าง SPaylater, Kpaylater หรือ True Pay next และจากการคาดการณ์โดย Research and Markets ระบุว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) : BNPL ในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโต  92.1% 1,715.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 60,000 ล้านบาทเลย และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย 

เราจะเห็นว่าในตลาดบ้านเรามีการแข่งขันการให้บริการ ซื้อการจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL หลากหลายผู้ให้บริการ อาทิเช่น Shopee ให้บริการ SPaylater สามารถผ่อนสินค้าใน Shopee ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หรือผ่อนสินค้าแบบมีดอกเบี้ยแต่ไม่เกิน15 % ต่อปี , K-plus ให้บริการ K pay later สามารถใช้สแกนเติมน้ำมันรถ PTT ทุกสาขา เลือกผ่อนชำระได้เป็นงวด หรือสแกนชำระสินค้าผ่าน  K plus shop ยิงปิ๊บจ่ายปั๊บ ซึ่งจะมีเฉพาะร้านค้าที่มี QR Code ที่มีสัญลักษณ์แมวกวักสีขาว True Money Wallet ให้บริการ True Pay Next เงินติดมือพร้อมใช้ ที่สามารถใช้งานได้ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Pay Next เช่น 7-Eleven , Lotus , Makro , KFC , Major Cineplex เป็นต้น จากตัวอย่างเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่า ซื้อการจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL ช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยของคนทั่วไปที่มีสมาร์ทโฟนมีความง่าย ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องรอขออนุมัติวงเงินทำบัตรเครดิตให้ยุ่งยาก ไม่ต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะ แถมยังสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน และไม่ใช่คนทำงานประจำก็สามารถสมัครใช้งานได้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคนที่ชอบการซื้อสินค้าออนไลน์ ถือเป็นการกระตุ้นการใช้เงินให้กับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต หรือยังมีเงินก้อนไม่เพียงพอสำหรับการซื้อสินค้า แต่สามารถผ่อนชำระสินค้าเป็นงวดในระยะสั้นได้หรือชำระเงินเต็มจำนวนได้ในภายหลัง ในส่วนของผู้ขายหรือร้านค้า การมีบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL ก็ช่วยให้การขายสินค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้น เพราะลูกค้าเองไม่ต้องกังวลในเรื่องการชำระเงิน เพราะสามารถแบ่งชำระหรือจ่ายเต็มจำนวนในภายหลังได้เลย ทำให้สินค้าสามารถขายออกได้ง่าย รายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ปัจจุบันการซื้อสินค้าจับจ่ายใช้สอยผ่านแพลตฟอร์ม e-commerce  ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จึงทำให้การซื้อการจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อสินค้า-บริการ และการชำระเงินผ่าน E-Wallet ,QR Code, Prompt pay ที่สามารถสั่งซื้อและรับสินค้ามาใช้งานได้ก่อน ค่อยจ่ายเงินคืนทีหลังได้ คล้าย ๆ กับการที่เราฝากเพื่อนซื้อให้ของแล้วค่อยมาจ่ายเงินทีหลัง ลงบัญชี ที่นิยมในการซื้อขายสินค้ากับร้านค้าแบบดั้งเดิม หรือร้านโชห่วยที่เราเรียกกัน หรือการแปะเงินที่เราเรียกกันติดปากนั่นเอง  โดยเงื่อนไขการชำระคืนอาจจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ buy now pay later แต่หลักการชำระเงินโดยรวมแล้วไม่ว่าจะผู้ให้บริการรายไหนก็ตาม ผู้ซื้อสินค้าสามารถชำระเงินได้ทั้งแบบเต็มจำนวนภายในเดือนหรือชำระเงินเป็นรายเดือน เดือนละเท่ากัน ตามจำนวนที่เราเลือก เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน หรือการผ่อนชำระรายเดือนนั่นเองค่ะ

แม้ว่าการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจะมีความสะดวก ง่าย ใคร ๆ ก็สามารถสมัครได้ แต่ก็ยังก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้วงเงินที่จำกัดเฉพาะใช้สำหรับการผ่อนสินค้าผ่านแอปเท่านั้น และที่เฮงลิสซิ่งยังไม่มีบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later): BNPL ทั้งนี้หากคุณกำลังต้องการเงินสดก้อนพร้อมใช้  เพื่อนำไปใช้ได้ทุกตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นเก็บเป็นเงินสำรอง จับจ่ายใช้สอยตามต้องการ หรือจุดประสงค์อื่นตามที่คุณต้องการ เราขอแนะนำสินเชื่อส่วนบุคคลเฮงพร้อมใช้ สมัครง่าย รับเงินก้อนพร้อมใช้ ได้วงเงินสูงสุด 1.5 เท่าเงินเดือน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก