เนื้อหาของบทความ

แม้ว่ารถทุกคันที่ต่อพ.ร.บ.จะได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ภาคบังคับอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วพ.ร.บ.จะคุ้มครองแค่คนเท่านั้น ส่วนใครที่ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ จะได้รับความคุ้มครองที่มากขึ้น เพราะคุ้มครองทั้งคน รถ และความเสียหาย ทั้งนี้หากประกันรถยนต์ใกล้หมดอายุหรือหมดอายุไปแล้ว จะต้อง ต่อประกันรถ อย่างไร เรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ

ต่อประกันรถ ใช้อะไรบ้าง

ประกันรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เราเรียกกันว่า พ.ร.บ. “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งมีทั้งประกันชั้น 1,2+,3+,3 และแต่ละกรมธรรม์ก็ให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป สำหรับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตามความสมัครใจ นั่นหมายความว่าเมื่อประกันรถยนต์หมดอายุ ผู้เอาประกันจะต่อประกันรถยนต์หรือไม่ต่อประกันรถยนต์แล้วก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากการต่อพ.ร.บ.ที่เป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับ เพราะบังคับให้รถทุกคนจะต้องต่อประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า พ.ร.บ.เพื่อคุ้มครองสิทธิและดูแลประชาชนทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถให้รับการรักษาพยาบาลทันทีเมื่อเกิดเหตุขึ้นเป็น และยังหลักประกันให้โรงพยาบาลให้ความช่วยเหลือคนเจ็บว่าจะได้รับค่ารักษาอย่างแน่นอน และเป็นสวัสดิการให้กับคนไทยทุกคน หากไม่ยอมต่อประกันรถยนต์ภาคบังคับ ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง ส่วนประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น จะต่อประกันรถยนต์ไปอีกหรือไม่เลือกต่อประกันรถยนต์ ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสมัครใจของคุณ แต่เราแนะนำว่า หากคุณเคยทำประกันรถยนต์อยู่แล้ว ควรจะต่อประกันรถยนต์ต่อไป เพราะจะได้รับความคุ้มครองที่มากกว่าการทำพ.ร.บ.เพียงอย่างเดียวนั่นเอง และยังได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ในการต่อประกันรถยนต์ จะต้องใช้เอกสารในการต่อประกันรถยนต์ดังต่อไปนี้

  1. สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของเจ้าของรถ
  2. สำเนาทะเบียนรถยนต์ (เล่มสีฟ้า) หน้าปัจจุบัน
  3. สำเนาใบขับขี่ของผู้ที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ (ถ้าเลือกแบบระบุชื่อผู้ขับขี่)

ต่อประกันรถ ล่วงหน้าได้กี่เดือน

เราไม่ควรปล่อยให้ประกันรถยนต์หมดอายุ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันแต่ประกันรถหมดอายุ คุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเลย แต่ก็ยังได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ. ซึ่งให้ความคุ้มครองเฉพาะคนเท่านั้น แต่ความเสียหายเกี่ยวกับรถและทรัพย์สินจะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย เพราะพ.ร.บ.คุ้มครองคนไม่คุ้มครองรถ นั่นหมายความว่า คุณอาจจะต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมดโดยเฉพาะถ้าหากคุณเป็นฝ่ายผิด และยิ่งสำหรับคนที่ขี้ลืม หรือทุกวันต้องมีภารกิจต่าง ๆ มากมายจนอาจจะไม่มีเวลาต่อประกันรถยนต์เลย เรายิ่งแนะนำให้คุณต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าไว้ เพราะจะช่วยให้คุณไม่ลืมต่อประกันรถยนต์ มีเวลาที่เหมาะสมในการศึกษาข้อมูลการต่อประกันรถยนต์แต่ละแห่งเพื่อจะได้ทำประกันรถยนต์ที่ถูกใจและอาจมีโปรโมชั่นดี ๆ รอคุณอยู่ นอกจากจะหมดปัญหาเรื่องประกันรถยนต์ขาดแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถวางแผนทางการเงิน เพื่อเตรียมค่าใช้จ่ายในการต่อประกันรถยนต์ได้อีกด้วย ทั้งนี้หากประกันรถยนต์ใกล้หมดอายุ คุณสามารถต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าได้ ได้ตั้งแต่ 6 เดือน 3 เดือน 1 เดือน หรือแม้กระทั่ง 1 วันก่อนความคุ้มครองตามกรมธรรม์สิ้นสุดลง โดยสามารถเลือกได้ตามความสะดวกของคุณดังนี้ 

ต่อประกันรถ ล่วงหน้า 3 เดือน

การต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาในการต่อประกันรถยนต์ที่ไม่ช้าหรือไม่เร็วเกินไป เพราะในช่วงเวลา 3 เดือนนี้จะทำให้คุณมีเวลาในการศึกษาแผนประกันรถยนต์ของบริษัทต่าง ๆ ได้อย่างดี สามารถมองหาโปรโมชั่นของประกันรถยนต์ได้หลายที่ และยังสามารถต่อประกันรถยนต์พร้อมต่อพ.ร.บ.พร้อมต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้พร้อมกันอีกด้วย ช่วยให้คุณไม่ลืมต่ออายุพ.ร.บ. ภาษีรถยนต์ หรือต่อประกันรถยนต์ด้วย

ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 1 เดือน

การต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 1 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาที่แคบเข้ามาสักหน่อย แต่ก็ยังทำให้คุณพอมีเวลาในการเลือกต่อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันรถยนต์ แต่จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบแผนประกันรถยนต์แต่ละที่ให้ดี เพราะคุณพอมีเวลาในการศึกษาและต่อประกันรถยนต์ในระยะเวลาอันสั้น

ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 7 วัน

การต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 7 วัน ถือเป็นช่วงเวลาที่กระชั้นชิดมาก อาจจะไม่มีเวลาพอในการศึกษาแผนประกันรถยนต์เพื่อเลือกต่อประกันรถยนต์กับแผนประกันรถยนต์ที่ถูกใจมากนัก หรืออาจจะได้แผนประกันรถยนต์ที่อาจไม่เป็นไปตามต้องการของคุณ 

ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 1 วัน

การต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 1 วัน เป็นช่วงเวลาที่เส้นยาแดงผ่าแปดมาก เพราะคุณจะไม่มีโอกาสที่จะเลือกต่อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันที่ถูกใจคุณเท่าใดนัก และมันจะเข้าใกล้เวลาที่กรมธรรม์ฉบับเก่าของคุณหมดอายุอีกด้วย 

ทั้งนี้เราแนะนำให้คุณต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือน หรือ ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 1 เดือน เนื่องจากจะทำให้คุณมีเวลาในการพิจารณา เปรียบเทียบ และเลือกแผนประกันรถยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นอกจากนี้ยังได้ความคุ้มครองต่อเนื่องหลังจากที่กรมธรรม์ฉบับเก่าหมดอายุไปแล้ว

ประกันรถยนต์หมดอายุกี่โมง?

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าประกันรถยนต์นั้นจะหมดอายุตอนเที่ยงคืนของวันที่หมดอายุของประกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เพราะสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ออกข้อกำหนดเอาไว้ว่า ประกันรถยนต์จะสิ้นสุดเวลา 16.30 น. ของวันครบกำหนดกรมธรรม์​ 

หมายความว่า หากเกิดอุบัติเหตุรถชนก่อน 16.30 น. ในวันที่ประกันรถหมดอายุสามารถขอเคลมประกันได้ แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุรถชนหลัง 16.30 น. ทุกอย่าง เท่ากับว่าประกันรถยนต์หมดอายุไปแล้ว ทำให้ประกันรถยนต์ของคุณขาด ไม่สามารถเคลมประกันได้นั่นเอง จึงแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ล่วงหน้าเพื่อจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องนั่นเองค่ะ

ประกันรถยนต์ขาดได้กี่วัน?

แม้ว่าประกันรถยนต์จะไม่ได้มีการบังคับให้ทำ เป็นความสมัครใจที่จะทำประกันรถยนต์เอง ไม่เหมือนกับการทำพ.ร.บ.ที่กฎหมายบังคับให้ทำเพราะจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้และยังเป็นสิทธิ์คุ้มครองขั้นพื้นฐานในการดูแลรักษาพยาบาล เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หรือเงินชดเชยที่รถทุกคันต้องมี แต่ทั้งนี้เราแนะนำว่าอย่าปล่อยให้ประกันรถยนต์ขาด เพราะหากประกันรถยนต์ขาดเท่ากับว่าคุณจะหมดความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ทันที และหากเกิดความเสียหายตามมา จากอุบัติเหตุรถชน แม้ว่าจะมีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บาดเจ็บอยู่แล้ว แต่ความเสียหายของรถและทรัพย์สินต่าง ๆ คุณอาจจะต้องรับภาระใหญ่ เพราะไม่สามารถขอเคลมประกันรถยนต์ได้แล้วนั่นเอง 

ประกันรถยนต์ขาด = หมดความคุ้มครอง 

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ แต่ละแบบแตกต่างอย่างไร

ก่อนที่คุณจะเลือกแผนประกันรถว่าจะเลือกทำแผนไหน ควรที่จะเลือกจากหลายแห่งแล้วนำมาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ทั้งเรื่องเงื่อนไข ความคุ้มครอง เบี้ยประกัน ความคุ้มครองเพิ่มเติม การเคลมประกันและอื่น ๆ เพื่อให้เหมาะกับรถและคุณมากที่สุด แต่ทั้งนี้เราควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนประกันรถยนต์แต่ละชั้นเสียก่อนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ให้ความคุ้มครองแก่ตัวรถของผู้เอาประกัน สามารถเคลมได้แม้ไม่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม

เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุด รถใหม่สภาพดีอายุไม่เกิน 7 ปี

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ให้ความคุ้มครองแก่ตัวรถของผู้เอาประกัน สามารถเคลมได้ในกรณีที่มีคู่กรณี รถชนรถ / รถหาย /ไฟไหม้ เมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับชั้น 1 แล้ว ไม่แตกต่างกันมากนัก

เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการทำประกันเพื่อป้องกันกรณีรถชน ป้องกันรถหาย ไฟไหม้ หรือรถที่มีความเสี่ยงไฟไหม้ เช่น รถติดแก๊ส นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะอายุรถเกิน 7 ปี หรือมูลค่ารถไม่ถึงเกณฑ์ที่บริษัทประกันกำหนด

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคันอื่น ไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้

เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไหม้หรือการโจรกรรมต่ำ เช่น รถไม่ติดแก๊ส รถจอดภายในบ้าน เป็นต้น

ประกันรถยนต์ชั้น 3

ให้ความคุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณี ไม่มีวงเงินซ่อมรถของผู้เอาประกัน

เหมาะสำหรับ ป้องกันความเสียหายจากการขับรถไปชนคันอื่น โดยผู้เอาประกันพร้อมรับผิดชอบค่าซ่อมของรถตัวเองได้หากจำเป็น

การทำประกันภัยรถยนต์ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความอุ่นใจในการใช้รถของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถเก่า ก็ควรได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุทั้งผู้เอาประกันเองและคู่กรณี รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่าง ไฟไหม้ รถหาย หรือน้ำท่วม ทั้งนี้การเลือกซื้อประกันรถยนต์ ควรมีการเปรียบเทียบประกันรถยนต์และเลือกตามความเหมาะสมของแต่ละคน

ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหน เหมาะสมกับรถของคุณ

การทำประกันรถยนต์ ให้เหมาะสมกับแต่ละคน ควรพิจารณาจากพฤติกรรมหรือประวัติความเสี่ยงในการขับขี่รถมากน้อยแตกต่างกันไป รวมไปถึงอายุของรถประกอบกัน

ประกันรถยนต์ชั้น 1

เหมาะสำหรับผู้ที่ซื้อรถใหม่หรือซื้อรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี เพราะสามารถคุ้มครองได้มากที่สุด ทั้งกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถถอยชนต้นไม้ ขับรถเฉี่ยวเสา เป็นต้น และมีคู่กรณีทั้งผู้เอาประกัน คู่กรณี ตัวรถและทรัพย์สิน รวมไปถึง กรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

เหมาะสำหรับผู้ต้องการประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองมาก แต่ไม่สามารถซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ เช่น รถที่มีอายุเกิน 7 ปี ก็สามารถพิจารณาเลือกทำประกันรถยนต์ 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีความเสี่ยงในระหว่างการขับขี่รถและยังไม่จำกัดอายุของรถ แต่ยังต้องการความคุ้มครองในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองกับรถฝ่ายคู่กรณีเท่านั้น เช่น ค่าซ่อมรถของคู่กรณี เราก็ไม่ต้องจ่ายเงินในส่วนนี้ โดยให้บริษัทประกันรถยนต์เป็นผู้รับผิดชอบเอง

ซื้อรถมือสอง ต่อประกันรถยนต์ได้ไหม?

บางคนกล่าวว่าการซื้อรถมือสองตาดีได้ตาร้ายเสีย เพราะฉะนั้นในขั้นตอนการเลือกซื้อรถมือสองจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว คำถามต่อมาคือ “ซื้อรถมือสองมาแล้ว จำเป็นต้องทำประกันรถยนต์ด้วยหรือไม่” เราขอแนะนำแบบนี้ค่ะ ไม่ว่าจะรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง เมื่อเราใช้งานบนท้องถนนย่อมเกิดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ไม่คาดฝันได้ เพราะต่างคนต่างใช้ถนนร่วมกัน รวมไปถึงรถมือสองมีโอกาสที่จะเกิดปัญหารถเสียกลางทางหากเจ้าของเดิมไม่ได้รับการดูแลก่อนที่จะถึงมือเราเท่าที่ควร ทั้งนี้เราจึงแนะนำสำหรับคนที่ซื้อรถมือสองมาควรจะทำประกันรถยนต์ติดเราไว้ด้วย เพราะไม่ว่าเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง ประกันรถยนต์ก็ให้ความคุ้มครองเหมือนกัน

1.ประกันรถยนต์ชั้น 1

หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุรถไม่เกิน 10 ปี การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังคงได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมหลายเรื่อง และยิ่งสำหรับพวกมือใหม่เพิ่งขับรถและได้ขับรถปีใหม่หน่อย ควรจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อย่างมาก เพราะมือใหม่มักจะขับรถเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวาง ถอยชนเสา หรือมีรอยขีดข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ด้วย

2.ประกันรถยนต์ชั้น 2

หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุเกิน 10 ปี หรือเบี้ยประกันของประกันรถยนต์ชั้น 1 มีราคาสูงเกินไป การทำประกันรถยนต์ชั้น 2 ก็ตอบโจทย์สำหรับรถคุณเช่นกัน เพราะให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ต่างกันตรงที่คุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น

3.ประกันรถยนต์ชั้น 3

หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุค่อนข้างเยอะหรือรถเก่า ก็ยังสามารถทำประกันรถยนต์ได้เช่นเดียวกัน แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 3 โดยคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น

รวมช่องทาง เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง

หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาลืมว่าทำประกันรถยนต์ไว้ที่ไหนและต้องการเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง หรืออาจทำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นหลักฐานในการทำประกันหายไปต้องการเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง จะสามารถทำได้อย่างไร ไม่ต้องกังวลเพราะวันนี้เราได้รวบรวมช่องทางเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง เช็คเองได้ที่บ้านไม่ต้องเดินทางไปไหน ก็สามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเองได้ เพราะเดิมทีเราสามารถเช็คประกันรถยนต์ของเราว่าทำที่ไหน หมดอายุเมื่อไหร่ รายละเอียดรถที่เอาประกันเป็นอย่างไร ให้ความคุ้มครองอะไรบ้างในกรมธรรม์รถยนต์ แต่เมื่อกรมธรรม์รถยนต์ของเราหายไป ไม่รู้ว่าเราเก็บไว้ที่ไหน หรือเราจำไม่ได้ว่าเราทำประกันรถไว้ที่ไหน เราสามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเองได้ ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช็คประกันรถยนต์ตัวเองบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่เราทำไว้หากเราจำบริษัทประกันที่เราทำไว้ได้ เช็คประกันรถยนต์ตัวเองระบบฐานข้อมูลกลางประกันภัยประกันวินาศภัยไทย หรือเช็คประกันรถยนต์ตัวเองผ่านโบรกเกอร์ประกันภัยที่เราซื้อประกันรถยนต์เอาไว้  เพราะโบรกเกอร์ประกันภัยที่เราซื้อประกันไว้ จะสามารถให้ข้อมูลประกันรถยนต์ สำเนากรมธรรม์ หรือแจ้งเคลมประกันได้ผ่านโบรกเกอร์ประกันภัยของคุณได้เช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดการเช็คประกันรถยนต์ตัวเองผ่านช่องทางต่าง ๆ มีดังนี้

เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ คปภ.

เราสามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ คปภ.หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้  ซึ่งเป็นหน่วยงาน ของรัฐทำหน้าที่ในการกำกับดูแลส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ด้านการประกันภัยแก่ประชาชน เราสามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ คปภ.โดยมีช่องทางการติดต่อ ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186, กลุ่มงานคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เบอร์โทรศัพท์ 02-515-3999 ต่อ 5360 ,5362 ,5304 หรือสามารถยื่นเรื่องเพื่อขอเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง ได้ที่สำนักงาน คปภ.ประจำเขตพื้นที่ หรือ คปภ.ประจำจังหวัดในวันและเวลาราชการ

เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ บริษัทประกันภัยรถยนต์

หากลืมข้อมูลกรมธรรม์รถยนต์ที่เคยซื้อไว้ อาจลองเริ่มต้นด้วยการติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของบริษัทประกันภัยที่คาดว่าเคยทำไว้ เพื่อให้ลองเช็คข้อมูลกรมธรรม์รถยนต์ เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง โดยขอตรวจสอบข้อมูลด้วยชื่อ-สกุล เลขบัตรประชาชน ข้อมูลเลขทะเบียนรถ และหมายเลขตัวถังรถ

เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ ระบบฐานข้อมูลกลางประกันภัยประกันวินาศภัยไทย

บริษัทที่รวบรวมฐานข้อมูลกลางด้านการรับประกันวินาศภัยทุกประเภท เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ทำประกันภัยและกลุ่มธุรกิจประกันภัย ทั้งประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ประกันภัยอัคคีภัยและทรัพย์สิน ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เราสามารถ เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง ว่าทำที่ไหน หรือแม้แต่กรมธรรม์รถยนต์หาย ก็ยังสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ฐานข้อมูลกลางวินาศภัย www.insure.co.th, เบอร์โทรศัพท์ 02-108-8388 ต่อ 4308-4312

เช็คประกันรถยนต์ตัวเอง กับ โบรกเกอร์ประกันรถยนต์

การเลือกซื้อประกันกับโบรกเกอร์ประกันภัยมีข้อดีตรงที่ คุณสามารถเลือกเปรียบเทียบประกันจากหลายบริษัทได้อย่างไม่ยุ่งยาก เปรียบเทียบทั้งในเรื่องเบี้ยประกัน ความคุ้มครองความเสียหาย ส่วนลดเบี้ยประกันต่าง ๆ เพื่อเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับคุณมากที่สุด ทั้งนี้หากคุณเลือกซื้อประกันภัยกับโบรกเกอร์หรือตัวแทนประกันภัยคุณ ก็สามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเองได้ไม่ยากเลย เพราะโบรกเกอร์ประกันภัยของคุณ จะสามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับประกันรถยนต์ของคุณได้ จะมีแจ้งเตือนการต่ออายุกรมธรรม์ให้คุณล่วงหน้า นอกจากนี้เรายังสามารถขอสำเนากรมธรรม์ของคุณ แจ้งเคลมประกันผ่านโบรกเกอร์หากเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ได้และยังสามารถเช็คประกันรถยนต์ตัวเอง เลขกรมธรรม์ได้อีกด้วย  

เทคนิคเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้คุ้มค่า

เนื่องจากประกันรถยนต์มีเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูงในสายตาของหลายคน แต่เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่จะได้รับถือว่ามีความคุ้มค่ามากทีเดียว ทั้งนี้ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อหรือต่อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันรถยนต์กับที่ไหนสักแห่ง จำเป็นจะต้องเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด เพื่อคุ้มค่ากับเงินที่คุณเสียไปนั่นเอง โดยนำเอาเทคนิคการเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่เรามาแนะนำดังนี้

1.พฤติกรรมการใช้รถ

พฤติกรรมการใช้รถ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกซื้อประกันรถยนต์ บางคนเป็นมือใหม่หัดขับ บางคนขับรถมานาน ก็อาจจะเลือกทำประกันรถยนต์ที่แตกต่างกัน มือใหม่หัดขับ อาจจะมีความเสี่ยงในการขับขี่ค่อนข้างสูง อาจจะขับรถเฉี่ยวชนสิ่งของ เกิดรอยขีดข่วนบ้าง ถอยรถชนเสาบ้าง หรืออาจจะบังเอิญไปเฉี่ยวชนเพื่อนร่วมทางคันอื่น การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับมือใหม่หัดขับที่ใช้รถปีใหม่ อายุไม่เกิน 7 ปี ก็จะช่วยคุ้มครองในเรื่องความเสียหายของรถ และคุ้มครองคนอีกด้วย หรือหากเป็นมือใหม่หัดขับแต่ใช้รถอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป อาจจะแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ เพื่อคุ้มครองได้ใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 นอกจากนี้ความถี่ในการใช้รถ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ บางคนใช้รถเป็นประจำทุกวัน การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ขึ้นไปก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากบางคนไม่ค่อยได้ใช้รถสักเท่าไหร่ ขับแค่ใกล้ ๆ บ้าน หรือใช้รถเฉพาะวันหยุด อาจจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 แทน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อประกันรถยนต์เช่นกัน

2.อายุของรถที่ใช้

เราจะเห็นว่าในการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับรถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี หากคุณเป็นรถเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปี แต่รถก็ยังไม่เก่ามากนัก แต่ก็อยากได้รับความคุ้มครองที่ไม่ต่างจากประกันชั้น 1   จึงแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ 2+ แทน จะเห็นว่าอายุของรถมีผลต่อการเลือกซื้อประกันรถยนต์ แม้ว่าจะเป็นรถปีเก่าก็ยังสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์ เพื่อเพิ่มความคุ้มครองในการใช้รถใช้ถนน แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเท่ากับรถใหม่หรือการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ตาม แต่อย่างน้อยการเลือกซื้อประกันรถยนต์ติดไว้สักแผน ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความคุ้มครองที่นอกเหนือไปจากการทำพ.ร.บ.เพียงอย่างเดียว

3.เลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะซื้อสินค้าหรือจะใช้บริการอะไรก็ตาม เรามักจะมีการค้นหารีวิวคนที่เคยทำใช้บริการบริษัทประกันแต่ละแห่งในอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามคนข้างเคียง เพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับประสบการณ์การซื้อหรือเคลมประกัน แต่ทางที่ดีเลือกซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทที่คุ้นหู น่าเชื่อถือ เพราะการเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้คุณได้รับการบริการที่เป็นมาตรฐาน ถูกกฎหมาย นอกจากนี้การเลือกบริษัทประกันที่มีอู่ซ่อมรถครอบคลุมหลายแห่งที่ได้รับมาตรฐาน รวมไปถึงอู่ซ่อมรถประจำของคุณเองอยู่ในเครือของบริษัทประกันรถที่คุณด้วยแล้ว ก็จะช่วยให้คุณลดความกังวลในการนำรถไปส่งซ่อม และได้รับมาตรฐานในการซ่อมอีกด้วย

4.เบี้ยประกันรถยนต์

การเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์และข้อเสนอของแต่ละแห่ง ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้ง่ายขึ้น เลือกที่ให้ความคุ้มค่าว่าที่ไหนให้ความคุ้มครองมากกว่า เบี้ยประกันถูกกว่ากัน รวมไปถึงรูปแบบในการซื้อประกันรถยนต์ว่าสามารถแบ่งจ่ายได้หรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละชั้น มีราคาค่อนข้างสูงในสายตาของหลายคน เพราะฉะนั้นหากสามารถเลือกทำประกันรถยนต์ผ่อนชำระ 0% ได้นาน 6 เดือน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้การซื้อประกันรถยนต์ของคุณ ซื้อง่ายสบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น

ทำประกันรถยนต์แบบสบายกระเป๋าที่เฮงลิสซิ่ง

แม้ว่าราคาของประกันรถยนต์แต่ละแผนจะต้องจ่ายจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อแลกกับความคุ้มครองในการขับขี่รถได้อย่างสบายใจเป็นสิ่งที่คุ้มค่าไม่น้อยเลย แต่จะดีกว่าถ้าได้เลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในคราวเดียว สามารถเลือกแบ่งจ่ายได้นานถึง 12 งวด ไม่มีดอกเบี้ย คุ้มครองทันที ยิ่งคนที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนจ่ายได้เช่นเดียวกัน แนะนำซื้อประกันรถยนต์ผ่อน 0% ที่เฮงลิสซิ่งทุกสาขาใกล้บ้าน หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

แม้ว่าการต่อประกันรถยนต์จะไม่ได้บังคับให้เหมือนการต่อพ.ร.บ. แต่หากปล่อยให้ประกันรถยนต์ขาด เท่ากับว่าคุณจะหมดความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ทันที และไม่สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ และยิ่งหากคุณเป็นฝ่ายผิดคุณจะต้องรับภาระใหญ่ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ชดใช้ค่าเสียหายของรถและทรัพย์สินเองอีกด้วย ซึ่งรวมแล้วคุณจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมาเลยทีเดียว ทั้งนี้หากกลัวประกันรถยนต์ขาด ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุการลืมต่อประกันรถยนต์บ้าง หรือไม่มีเวลาไปต่อประกันรถยนต์บ้าง คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าโดยช่วงเวลาที่แนะนำให้ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าคือ 3 เดือน หรือ 1 เดือน เพราะช่วงเวลานี้จะทำให้คุณมีเวลาเลือกเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์ ความคุ้มครอง  เงื่อนไขและโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้มากขึ้นเพื่อช่วยให้คุณได้ต่อประกัยรถยนต์ที่คุ้มค่ากับเงินที่คุณเสียไปมากที่สุดนั่นเอง ทั้งนี้หากสนใจทำประกันรถยนต์หรือต่อประกันรถยนต์ แนะนำประกันรถยนต์จากเฮงลิสซิ่ง มีให้เลือกหลายหลายแผนตามความต้องการของคุณ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก