ปัจจุบันนี้การต่ออายุใบขับขี่มีความสะดวกคนที่กำลังจะต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี สงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า หากคุณจะต้อง ต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี 2566 จะต้องอบรมใหม่หรือไม่ มีขั้นตอนอย่างไร มีค่าใช้จ่ายกี่บาท บทความนี้มีคำตอบสำหรับผู้ที่เตรียมตัวจะต่อใบขับขี่มาฝาก

ต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต้องอบรมไหม?

ใบขับขี่เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องพกติดตัว เพื่อแสดงว่าบุคคลนั้นผ่านการทดสอบและมีคุณสมบัติในการขับขี่รถแล้ว โดยมือใหม่ที่เพิ่งมีใบขับขี่จะได้รับใบขับขี่ชนิดชั่วคราว อายุการใช้งาน 2 ปี เมื่อหมดอายุแล้วจะเปลี่ยนเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี ซึ่งการต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี เป็นการเปลี่ยนจากใบขับขี่ชั่วคราวเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี หลังจากผ่านไปแล้ว 5 ปี ก็จะสามารถต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต่อไป หลายคนอาจจะสงสัยว่าการต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต้องอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ด้วยไหม? คำตอบคือ ไม่ต้องอบรมต่ออายุใบขับขี่ ยกเว้นในกรณีขาดต่อใบขับขี่เกิน 1 ปี ต้องอบรม 5 ชั่วโมงและทดสอบข้อเขียนใหม่ ทั้งนี้ขั้นตอนในการต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อความสะดวกในการต่อใบขับขี่ แนะนำว่าให้ จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์  และเมื่อทำการจองคิวต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปสำนักงานขนส่งตามวันที่และเวลาจองเอาไว้  โดยที่ไม่ต้องผ่านการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ แต่จะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง) ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบสายตาทางกว้าง และทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ เมื่อผ่านการทดสอบแล้วก็รอถ่ายรูปติดใบขับขี่เป็นอันเสร็จการต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี 

เอกสารต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี มีอะไรบ้าง?

  • ใบขับขี่เดิม
  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)

ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี

รถยนต์ : ต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี ค่าใบขับขี่ 500 บาท ค่าคำขอ 5 บาท ทั้งหมด 505 บาท

รถจักรยานยนต์ : ต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี ค่าใบขับขี่ 250 บาท ค่าคำขอ 5 บาท ทั้งหมด 255 บาท

ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่ 2566 

ก่อนที่คุณจะไปทำการต่ออายุใบขับขี่นั้น จะต้องมีการเข้าไปอบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning เพื่อทำการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้เลย โดยก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning เป็นระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถ โดยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ COVID -19 และเพิ่มความสะดวกในการต่อใบขับขี่ที่ไม่ต้องเดินทางมาขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพขับรถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะให้สามารถเข้ารับการอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์หลักสูตรการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถสามล้อสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถจักรยานยนต์สาธารณะ รวมไปถึงการอบรมหลักสูตรการขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถ ผ่านระบบ DLT e-learning ได้  โดยการอบรมเพื่อต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ผ่านระบบ DLT e-learning สามารถเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ โดยจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนั่นเอง

สิ่งต้องเตรียมในการอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ มีอะไรบ้าง

ก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งคู่ แต่สำคัญคือต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมเอกสารเพื่อใช้สำหรับกรอกข้อมูลลงในระบบดังนี้

1.เตรียมข้อมูลให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิด สำหรับลงทะเบียนในระบบ DLT e-learning

2.เตรียมเวลาให้ว่าง ในการอบรมเพื่อต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ แม้ว่าจะสามารถนั่งอบรมที่ไหนก็ได้ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาในการอบรมไม่ต่างจากการไปอบรมที่ขนส่ง เพราะฉะนั้นคุณจำเป็นต้องหาเวลาที่ว่าง สะดวก และไม่มีธุระ เพื่อนั่งอบรมใบขับขี่ออนไลน์นี้ ประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ใบขับขี่แต่ละประเภทจะใช้เวลาในการอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์แตกต่างกัน

ต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ล่วงหน้าได้หรือไม่?

ใบขับขี่ 2 ปี เป็นใบขับขี่ชั่วคราว หากมีการต่ออายุใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะกลายเป็น 5 ปี ซึ่งในการต่ออายุใบขับขี่นั้น สามารถต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้

1.รถจักรยานยนต์ ต่ออายุใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท

2.รถยนต์ ต่ออายุใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท

ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66

หากใบขับขี่หมดอายุไปแล้ว จะต้องต่ออายุใบขับขี่ภายในกี่วัน

แม้ว่าการต่อใบขับขี่รถจะสามารถต่อใบขับขี่ได้ล่วงหน้า แต่ก็ยังมีผู้ขับขี่หลายคนลืมหรือละเลยที่จะต่อใบขับขี่รถ ก็ยังนำรถไปใช้งานตามปกติ ทั้งนี้หากคุณกลับมาต่ออายุใบขับขี่ที่หมดอายุไปแล้ว จะต้องทำอย่างไรบ้าง

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไม่เกิน 1 ปี

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแต่ไม่เกิน 1 ปี สามารถต่อใบขับขี่ได้ที่กรมขนส่งทางบก โดยจะมีค่าธรรมเนียมต่ออายุใบขับขี่เท่านั้น

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 3 ปี 

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 3 ปี ผู้ขับขี่จะต้องสอบใบขับขี่ใหม่อีกครั้ง โดยต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 90% หรือตอบถูกมากกว่า 45 ข้อจาก 50 ข้อ 

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป 

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องสอบใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อบรมใบขับขี่ อบรมอายุต่อใบขับขี่ออนไลน์ สอบข้อเขียนและสอบภาคปฏิบัติ เหมือนเริ่มต้นใหม่เลย

เราจะเห็นว่านอกจากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแล้ว จะมีโทษตามกฎหมายเมื่อถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สำหรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้น ยังต้องเสียเวลาไปเดินเรื่องเพื่อขอสอบใบขับขี่ใหม่ รวมไปถึงต้องสอบใหม่ทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย

ใบขับขี่หาย ต้องทำอย่างไร แจ้งความไหม?

ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับขี่ เป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกเป็นใบอนุญาตให้ผู้ขับขี่รถสามารถขับขี่รถได้อย่างถูกกฎหมาย หากผู้ขับขี่ไม่พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หายไม่สามารถนำมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ กฎหมายมีการกำหนดบทลงโทษกรณีไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ได้แก่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ตามมาตรา 64 ความว่า ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากใบขับขี่หาย หากเป็นรถส่วนบุคคลไม่ต้องแจ้งความ  แต่เมื่อรู้ตัวว่าใบขับขี่หายจะต้องมีรีบดำเนินการขอใบขับขี่ใหม่แทนใบขับขี่หาย โดยใบขับขี่หาย สามารถยื่นเรื่องขอใบขับขี่ใหม่ ดังนี้

  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue 
  2. เข้าสู่ระบบโดยใช้บัตรประชาชน
  3. กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนและสร้างรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ
  4. เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการจองคิวทำใบขับขี่
  5. เลือกประเภทงานบริการเป็น งานใบอนุญาต
  6. เลือกประเภทบริการที่ต้องการ เช่น ต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี หรือต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี เป็นต้น
  7. เลือกวันและเวลาที่ต้องการจองคิว จากนั้นยืนยันการจอง
  8. แคปภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐานแสดงแก่เจ้าหน้าที่ที่กรมขนส่งในวันนัดหมาย

เอกสารที่ต้องเตรียมในวันนัดหมาย 

1.บัตรประชาชนฉบับจริง

2.ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน ประทับตราสถานพยาบาลชัดเจน

3.หลักฐานการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน

ขั้นตอนการทำใบขับขี่ใหม่กับกรมการขนส่ง

1.ยื่นเอกสารและหลักฐานการจองคิวผ่านแอป 

2.เขียนใบคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่

3.ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

4.ชำระค่าธรรมเนียม

5.รอรับใบขับขี่ใหม่

ค่าใช้จ่ายในการขอทำใบขับขี่ใหม่ (กรณีสูญหาย)

1.ค่าธรรมเนียมคำขอ ฉบับละ 5 บาท

2.ค่าธรรมเนียมใบแทนกรณีสูญหายหรือชำรุด 100 บาท

3.ค่าบริการถ่ายรูปและพิมพ์ใบอนุญาตขับรถ 100 บาท รวมเป็น 205 บาท

สรุปแล้วการ ต่ออายุใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ไม่ต้องอบรมใบขับขี่แล้ว แต่จะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเสียก่อน ทั้งนี้การพกใบขับขี่เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องมี หากเจอตำรวจเรียกตรวจและไม่มีใบขับขี่แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็น จะ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือขับขี่รถโดยไม่มีใบขับขี่ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั่นเอง  นอกจากการไม่มีหรือไม่พกใบขับขี่อาจจะโดนโทษปรับแล้ว สำหรับรถที่ทำประกันไว้อาจจะทำให้การเคลมประกันยากขึ้นไปบ้าง อย่างไรก็ตามนอกจากใบขับขี่ที่จะต้องมีติดตัวแล้ว การทำประกันรถติดรถไว้สักแผน  จะช่วยเพิ่มความคุ้มครอง และเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง  แนะนำประกันรถยนต์ผ่อน 0% ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ซื้อปั๊บ รับความคุ้มครองทันที* สนใจคลิก