เนื้อหาของบทความ
หากพูดถึงป้ายวงกลม คนสมัยนี้อาจจะไม่ค่อยพูดถึงมากนัก หรืออาจจะไม่รู้จัก แต่หากเรียกว่าป้ายภาษี เชื่อว่าหลายคนรู้จักแน่นอนว่าป้ายสี่เหลี่ยมสีชมพูสีฟ้าที่แปะอยู่หน้ากระจกรถเป็นหลักฐานที่แสดงการเสียภาษีรถประจำปีของรถคันนั้นนั่นเอง ทั้งป้ายวงกลมและป้ายภาษีมีความหมายเดียวกัน แต่ทำไมเรียกชื่อต่างกันเรามีคำตอบมาฝาก
ป้ายวงกลม หรือ ป้ายภาษีสำคัญอย่างไร?
ป้ายภาษี หรือ ป้ายวงกลมที่เรารู้จักกันนั้น คือ ป้ายที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าของรถได้ชำระภาษีประจำปีแล้ว โดยวันเดือนปีที่อยู่บนป้ายวงกลมหรือป้ายภาษี จะเป็นวันสิ้นสุดอายุของภาษี โดยบางคนยังเรียกป้ายภาษีว่าป้ายวงกลม เพราะ สมัยก่อนป้ายภาษีมีลักษณะเป็นวงกลม ภายหลังแม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นป้ายสี่เหลี่ยมแล้วก็ยังคงมีการเรียกกันติดปากว่าป้ายวงกลมนั่นเอง
ต่อภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม) ต้องทำอย่างไร?
กรมการขนส่งทางบก เพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของรถมากขึ้นโดยไม่ต้องไปทำเรื่องต่อภาษีรถยนต์ที่ขนส่ง ด้วยช่องทางเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th โดยมีเงื่อนไขของรถสำหรับการยื่นต่อภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม) ดังนี้
เงื่อนไขรถสำหรับการยื่นต่อภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม)
- เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1), รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) และรถจักรยานยนต์ (รย.12) ที่จดทะเบียนทุกจังหวัด
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถประเภท , รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ,รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีนับจากวันจดทะเบียนครั้งแรก และรถจักรยานยนต์ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี นับจากวัน
- จดทะเบียนครั้งแรก ต้องผ่านการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ก่อนชำระภาษี
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถประเภท , รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ,รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม หรือที่ไม่ต้องขอรับความเห็นชอบก่อนชำระค่าภาษีประจำปี
- รถที่ค้างชำระค่าภาษีประจำปี เกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.)ก่อนชำระภาษี
- ไม่ใช่รถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (แก๊ส) ทุกชนิดเป็นเชื้อเพลิง
- เป็นรถที่มีสถานะทางทะเบียน หรือไม่ถูกระงับทะเบียนเนื่องจากค้างชำระภาษีประจำปี ติดต่อกันครบ 3 ปี
- ไม่ใช่รถที่ได้รับการยกเว้นค่าภาษีประจำปี
- ไม่ใช่รถที่ถูกอายัดทะเบียน
- ชำระภาษีประจำปีล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระภาษี
คำนวณภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม)
รถแต่ละรุ่น มีอัตราการจ่ายภาษีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น รุ่นรถ ประเภทรถ ขนาดเครื่องยนต์ ซี.ซี.รถ อายุรถ น้ำหนักรถ เป็นต้น โดยมีรายละเอียดภาษีรถยนต์ ดังนี้
1.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือดำ (ป้ายดำ)
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งอย่างเช่นรถเก๋งทั่วไป, รถกระบะ 4 ประตู, รถ SUV ที่มีเบาะนั่งได้ไม่เกิน 7 คน มีการ
คำนวณภาษีรถยนต์ดังนี้
- เครื่องยนต์ขนาด 1-600 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 50 สตางค์
- เครื่องยนต์ขนาด 601-1800 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 1.50 บาท
- เครื่องยนต์ขนาด 1801 ซีซี ขึ้นไป คิดเป็น ซีซี ละ 4 บาท
ในกรณีเมื่อรถมีการใช้งานเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป จะมีการเสียภาษีรถยนต์ลดลงตามสัดส่วนดังนี้
- รถยนต์อายุเกิน 6 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 10%
- รถยนต์อายุเกิน 7 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 20%
- รถยนต์อายุเกิน 8 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 30%
- รถยนต์อายุเกิน 9 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 40%
- รถยนต์อายุเกิน 10 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 50%
ตัวอย่างการคำนวณภาษีรถกระบะ 4 ประตู ขนาดเครื่องยนต์ 2,755 ซี.ซี.
- 600 ซี.ซี. แรก – ซี.ซี. ละ 0.50 บาท วิธีคิด 600 x 0.5 = 300 บาท
- 601 – 1,800 ซี.ซี. – ซี.ซี. ละ 1.50 บาท วิธีคิด (1,800 – 600) = 1200 x 1.50 = 1,800 บาท
- 1,801-2,755 ซี.ซี. – ซี.ซี. ละ วิธีคิด (2,755-1,800) = 955 x 4 = 3,820
นำตัวผลลัพธ์ของแต่ละช่วง ซี.ซี. มาบวกกัน เท่ากับ 300+1,800+3,820 = 5,920 บาท
2.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว (ป้ายเขียว)
เช่น รถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถดังนี้
- น้ำหนักรถ 501- 750 กิโลกรัม อัตราภาษี 450 บาท
- น้ำหนักรถ 751 – 1000 กิโลกรัม อัตราภาษี 600 บาท
- น้ำหนักรถ 1001 – 1250 กิโลกรัม อัตราภาษี 750 บาท
- น้ำหนักรถ 1251 – 1500 กิโลกรัม อัตราภาษี 900 บาท
- น้ำหนักรถ 1501 – 1750 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,050 บาท
- น้ำหนักรถ 1751 – 2000 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,350 บาท
- น้ำหนักรถ 2001 – 2500 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,650 บาท
3.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือน้ำเงิน (ป้ายน้ำเงิน)
รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ แต่จะมีการคิดอัตราภาษีแตกต่างจาก รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว ดังนี้
- น้ำหนักรถไม่เกิน 1800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,300 บาท
- น้ำหนักรถเกิน 1800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,600 บาท
ป้ายวงกลมหาย ต้องทำอย่างไร?
หากป้ายวงกลม หรือป้ายภาษีของรถคุณหาย สามารถยื่นเรื่องขอป้ายวงกลมใหม่ได้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.เอกสารที่ต้องใช้
1.1หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถหรือเล่มทะเบียนรถ ตัวจริงพร้อมสำเนา
1.2บัตรประชาชนเจ้าของรถ ตัวจริงพร้อมสำเนา
1.3หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่มาเป็นตัวแทน (กรณีที่เจ้าของไม่มาด้วยตัวเอง)
1.4สำเนาใบแจ้งความ หรือสำเนาบันทึกประจำวัน โดยจะได้หลังจากที่เราไปแจ้งความว่าป้ายภาษีหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
1.5กรณีที่ป้ายวงกลมชำรุด ให้นำป้ายวงกลมที่ชำรุดไปสำนักงานขนส่งทางบก ไม่ต้องไปแจ้งความ
2.ยื่นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบก
ยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานขนส่งทางบกตามจังหวัดนั้น ๆ ส่วนป้ายของกรุงเทพมหานครให้ไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งจตุจักร ระยะเวลาไม่เกิน 15 วันนับจากป้ายภาษีหาย
3.กรณีรถติดไฟแนนซ์ ถ้าป้ายวงกลมหายต้องทำอย่างไร?
หากป้ายวงกลมหาย ให้ติดต่อกับบริษัทไฟแนนซ์ได้เลย เพื่อให้บริษัทไฟแนนซ์ไปทำเรื่องขอป้ายวงกลมได้
ป้ายวงกลม กับ พ.ร.บ. ไม่เหมือนกัน
เชื่อว่าหลายคนมักเกิดความสับสนและเข้าใจผิด หรือเรียกผิดเรียกถูกระหว่างป้ายภาษีและพ.ร.บ. เพราะทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พ.ร.บ. คือประกันภัยภาคบังคับ ที่รถทุกคันต้องมี หากไม่ต่อพ.ร.บ.ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ เป็นเอกสาร A4 ที่ออกโดยบริษัทประกันภัย
ป้ายวงกลม หรือ ป้ายภาษี คือเอกสารที่ติดบนกระจกรถ แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ได้เสียภาษีเรียบร้อยแล้ว หากขาดต่อภาษีอาจจะทำให้ทะเบียนรถถูกระงับ ในกรณีขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียนเล่มใหม่และเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน
ป้ายวงกลม หรือป้ายภาษี เป็นป้ายที่รถทุกคันต้องติดไว้ที่กระจกหน้ารถเพื่อแสดงว่าได้ชำระภาษีรถประจำปีแล้ว ในสมัยก่อนป้ายภาษีมีลักษณะเป็นวงกลม หลายคนจึงเรียกว่าป้ายวงกลม แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนป้ายจากวงกลมมาเป็นสี่เหลี่ยม ก็ยังคงมีการเรียกว่าป้ายวงกลมเช่นเดิม หากใครที่ทำป้ายวงกลมหายก็สามารถยื่นเรื่องขอทำป้ายวงกลมใหม่ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด ส่วนรถที่ติดไฟแนนซ์อยู่ให้ติดต่อบริษัทไฟแนนซ์เพื่อทำเรื่องขอป้ายวงกลมได้ ทั้งนี้การต่อภาษี ทำพ.ร.บ.เป็นสิ่งที่รถทุกคันต้องทำไว้ นอกจากนี้การทำประกันรถยนต์ติดรถไว้ ยังช่วยให้เพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถ เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถของคุณ แถมยังซื้อง่าย ผ่อนสบาย ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่