เนื้อหาของบทความ
พวงมาลัยรถ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางของรถยนต์ได้ตามใจ แต่หากวันใดวันหนึ่งเรารู้สึกว่าการใช้งานพวงมาลัยเปลี่ยนไปจากเดิม พวงมาลัยรถ สั่นบ้าง พวงมาลัยรถหนักบ้าง นั่นเป็นสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับพวงมาลัยรถของคุณ นอกจากนี้ยังมีอาการใดบ้างที่บอกความผิดปกติของพวงมาลัยรถ เรามาดูกันค่ะ
สัญญาณเตือน พวงมาลัยรถ พัง
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของพวงมาลัยรถยนต์กันก่อน หากรถยนต์ไม่มีพวงมาลัย ก็ไม่สามารถขับรถออกไปไหนได้ เพราะพวงมาลัยรถยนต์มีหน้าที่หลักคือควบคุมทิศทางการขับขี่ ต้องไม่เลี้ยวไปเลี้ยวมา ไม่ลื่นไปลื่นมา หรือส่ายไปส่ายมา ในขณะขับ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านข้าง การประกอบรถยนต์ที่ดีจะต้องพยายามทำให้แรงกระแทกระหว่างยางกับถนนส่งผ่านไปยังพวงมาลัยให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ระบบพวงมาลัยรถยนต์ มีส่วนประกอบกสำคัญ คือ พวงมาลัยรถ ขายึดแกนพวงมาลัยรถ แกนพวงมาลัยรถ หน้าแปลนพวงมาลัยรถ ยางข้อต่อ กระปุกพวงมาลัยรถ แขนเกียร์พวงมาลัยรถ คันชักคันส่งกลาง คันชักคันส่งข้าง แขนดึงกลับ และกระปุกพวงมาลัยรถนั่นเอง โดยรูปแบบของระบบพวงมาลัยรถยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่
1.แรคแอนด์พีเนียน เป็นระบบการบังคับเลี้ยวชนิดหนึ่ง เป็นแบบสะพานมีเฟือง กับเฟืองหมุนขนาดกะทัดรัด ใช้พื้นที่การติดตั้งในห้องเครื่องน้อย ตอบสนองการขับขี่ไวและต้นทุนไม่แพง
2.บอลล์แอนด์นัท นิยมใช้ในรถกระบะบางรุ่น รถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ จะมีชุดวาล์วควบคุมทิศทางน้ำมันไฮดรอลิกส์แบบโรตารี่ ควบคุมการทำงานด้วยแรงหมุนพวงมาลัยจากผู้ขับ ร่วมกับความฝืดของยางรถยนต์กับพื้นถนน อาศัยการบิดตัวของทอร์ชันบาร์สปริง พวงมาลัยรถแบบนี้จะทนมากกว่าแบบแรก
3.แบบเพาเวอร์ หรือที่เราเรียกว่า พวงมาลัยเพาเวอร์ ปัจจุบันมี 3 แบบ ได้แก่ แบบใช้น้ำมันอย่างเดียวเรียกว่าแบบไฮดรอลิกส์ แบบไฮดรอลิกส์ร่วมกับไฟฟ้า และแบบไฟฟ้าใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวไม่มีน้ำมันเพาเวอร์ สายพานหรือปั๊มเพาเวอร์คอยดึงกำลังจากเครื่องยนต์มาช่วย แต่จะเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเข้ามาช่วยในการเลี้ยวและหมุนพวงมาลัยได้สะดวก ยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากกว่า ลดภาระเครื่องยนต์ ไม่ต้องบำรุงรักษาตามระยะ แต่เมื่อเสียค่าซ่อมจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง
ทั้งนี้หากคุณขับรถอยู่แล้วพบว่าพวงมาลัยรถที่ใช้งานอยู่นั้นมีความผิดปกติบางอย่าง รู้สึกมีการใช้งานที่แปลกไปจากเดิม เรามาดูกันว่าสัญญาณที่พวงมาลัยรถของคุณผิดปกติเสี่ยงใกล้พังมีอะไรบ้าง
พวงมาลัยรถ สั่น
หากพวงมาลัยรถสั่น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ ยางรถยนต์เสื่อมสภาพจนบิดเบี้ยวผิดรูป หน้ายางบวม ผิวยางขรุขระ เมื่อขับรถจึงเกิดอาการล้อสะดุดจนส่งผลให้เกิดอาการสั่นเป็นระยะส่งผลให้พวงมาลัยรถสั่นตาม ลูกปืนดุมล้อเสื่อมสภาพ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่สมดุลจะทำให้เวลาที่ล้อหมุนจะมีอาการเหวี่ยงไปมาทำให้พวงมาลัยรถสั่น จานเบรกคด พวงมาลัยหนักเกินไป และพวงมาลัยไม่ตรงเนื่องจากแกนพวงมาลัยรถเสื่อม
พวงมาลัยรถหนัก
หากคุณต้องออกแรงหมุนพวงมาลัยรถมากกว่าเดิม อาการพวงมาลัยหนัก เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น แรงดันลมยางต่ำกว่าปกติ หน้ายางสัมผัสกับถนนมากจนทำให้เกิดความฝืดเพราะระบบน้ำมันหล่อลื่นพวงมาลัยหมด ตั้งศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง ใช้ยางใหญ่กว่ามาตรฐาน ปริมาณน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์รั่วไหลออก หรือข้อต่ออ่อนแกนพวงมาลัยชำรุด
พวงมาลัยรถมีเสียงดัง
โดยปกติแล้วเมื่อหมุนพวงมาลัยจะต้องไม่มีเสียงดังระหว่างหมุน แต่หากมีเสียงดังเกิดขึ้นในขณะกำลังหมุนพวงมาลัย ให้สันนิษฐานว่าชิ้นส่วนภายในบางอย่างหรือแร็คพวงมาลัย มีการสึกหรอจนทำให้เกิดเสียงดัง
พวงมาลัยรถไม่คืน พวงมาลัยรถคืนตัวยาก
ปกติแล้วหลังจากที่คุณเลี้ยวรถแล้ว พวงมาลัยรถจะต้องคืนกลับมาที่ตำแหน่งเดิม แต่หากพวงมาลัยรถไม่ยอมคืนกลับมาที่ตำแหน่งเดิม พวงมาลัยรถคืนตัวยาก ต้องใช้มือช่วยหมุนกลับคืนมา แสดงว่าพวงมาลัยรถเกิดความผิดปกติที่ศูนย์ล้อมาไม่ตรง หรือเกิดจากความเสียหายของระบบตั้งศูนย์ล้อ จะต้องตั้งศูนย์ล้อหน้าใหม่ หรือการดัดแปลงช่วงล่างที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือความดันลมยางรถยนต์ต่ำกว่าข้อกำหนด
พวงมาลัยรถหลวม
หากพวงมาลัยรถของคุณควบคุมทิศทางยากหรือที่เรียกกันว่าพวงมาลัยฟรี อาจเกิดจากพวงมาลัยรถเองที่สามารถปรับแต่งได้ในบางรุ่น หรืออาจเกิดจากลูกหมากปลายแร็คหรือข้อต่อพวงมาลัยมีปัญหา
หากพบว่าพวงมาลัยรถของคุณใช้งานผิดปกติไปจากเดิมหรือเกิดอาการผิดปกติตามที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แนะนำให้นำไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อทำการตรวจเช็ค ซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ใหม่เพื่อให้พวงมาลัยรถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ ทั้งนี้เมื่อพูดถึงเกี่ยวกับพวงมาลัยรถแล้ว เราอยากจะมาแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจับพวงมาลัยรถอย่างถูกต้อง
การจับพวงมาลัยรถอย่างถูกต้อง
เราอาจจะเคยสังเกตว่าหลายคนมีการจับพวงมาลัยรถแตกต่างกันไป ซึ่งการจับพวงมาลัยรถนั้นไม่มีถูกผิด ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน แต่ทั้งนี้การจับพวงมาลัยรถควรจะคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่เป็นสำคัญ โดยการจับพวงมาลัยรถให้ขับขี่ปลอดภัยนั้น มีดังนี้
1.จับพวงมาลัยรถด้วยมือทั้งสองข้าง
การจับพวงมาลัยรถด้วยมือทั้งสองข้าง เมื่อเทียบกับหน้าปัดนาฬิกาแล้ว มือซ้ายจะต้องจับพวงมาลัยรถอยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาอยู่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาทุกครั้ง เพราะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการควบคุมรถ เนื่องจากอยู่ตรงกลางของวงพวงมาลัยรถพอดี โดยให้อุ้งนิ้วโป้งวางอยู่บนก้านพวงมาลัยรถ ทิ้งน้ำหนักแขนลง โดยการจับพวงมาลัยรถแบบนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้พวงมาลัยรถสะบัดได้ และยังช่วยให้เราเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขวาได้ง่ายขึ้น
2.ไม่จับพวงมาลัยรถแบบกำแน่นเกินไป
เพราะเป็นการเกร็งมือมากเกินไปจนทำให้ฝ่ามือและข้อมือมีความเหนื่อยล้า แต่เมื่อใดที่จำเป็นต้องขับรถโดยใช้ความเร็วมากขึ้น หรือขับรถในฝนตก ควรเพิ่มน้ำหนักในการจับพวงมาลัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความมั่นคงในการบังคับพวงมาลัย และควรฝึกหมุนพวงมาลัยจากตำแหน่งล้อตรง ด้วยการหมุนพวงมาลัยมาครึ่งรอบ โดยไม่ให้มือไม่หลุดจากพวงมาลัย
3.ไม่ควรขับรถมือเดียวเป็นอันขาด
เพราะอาจทำให้รถเสียการควบคุมเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และหากมีเศษหินกระเด็นใส่ ทางข้างหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อหรือมีสิ่งกีดขวางกลางทาง ดังนั้นจึงควรจับพวงมาลัยพร้อมกันทั้งสองมือตลอดเวลาตามคำแนะนำข้างต้น
4.ไม่ควรจับพวงมาลัยแบบหงายมือ
บางคนขับรถโดยจับพวงมาลัยแบบหงายมือเพราะรู้สึกว่าสบายมือกว่า ซึ่งการจับที่อันตรายก็การขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะพวงมาลัยรถอาจจะตีกลับมาแรง และอาจทำให้รถยนต์ของคุณอาจเสียหลักได้ รวมไปถึงหากเกิดอุบัติเหตุจะไม่สามารถควบคุมรถได้และเสียหลักได้ง่ายเช่นกัน
เทคนิคการหมุนพวงมาลัยรถเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
นอกจากการจับพวงมาลัยรถที่ถูกต้องแล้ว การหมุนพวงมาลัยรถที่ถูกต้องมีส่วนให้การขับขี่รถยนต์มีความปลอดภัย โดยการหมุนพวงมาลัยรถมีอยู่ 2 แบบระบบสากลและเป็นแบบที่ถูกต้อง เพราะทั้งสองแบบนี้ช่วยให้การขับขี่มีความคล่องตัวและสามารถควบคุมทิศทางของรถได้ดีอีกด้วย
การหมุนพวงมาลัยแบบ ดึง-ดัน (pull-push steering)
การหมุนพวงมาลัยแบบดึง-ดัน ถือเป็นการหมุนพวงมาลัยรถที่ควบคุมทิศทางรถได้ดีที่สุด เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่เลี้ยวรถ ควบคุมทิศทางรถได้อย่างนุ่มนวลและมั่นใจ โดยการหมุนพวงมาลัยแบบ ดึง-ดัน มือทั้งสองจะต้องอยู่บนพวงมาลัยตลอดเวลา มือทั้งสองข้างจะทำหน้าที่สลับกันระหว่างการดึงและการดัน
1.เมื่อจะเลี้ยวขวา ให้เลื่อนมือรูดผ่านวงพวงมาลัยขึ้นมาหาตำแหน่งประมาณ 12.30-13.00 นาฬิกา จากนั้นมือขวาก็ดึงพวงมาลัยมาสู่ตำแหน่ง 18 นาฬิกา และพบกับมือขวาที่ตำแหน่ง 18 นาฬิกา โดยที่การควบคุมรถนั้นไม่ควรปล่อยพวงมาลัยรถฟรีแบบตีกลับ
2.การคืนพวงมาลัย จะทำกลับทางจากข้อแรกเพียงแต่สลับหน้าที่ของมือจากขวาดึง ซ้ายดัน มาเป็น ซ้ายดึง ขวาดันแทน
การหมุนพวงมาลัยแบบคล่อมแขน (hand-over-hand)
การหมุนพวงมาลัยแบบคล่อมแขน เหมาะสำหรับการกลับรถแบบยูเทิร์น วงเลี้ยวค่อนข้างแคบ โดยการหมุนพวงมาลัยรถแบบคล่อมแขนนั้น
1.มือข้างใดข้างหนึ่ง ดันพวงมาลัยให้ผ่านจุด 12 นาฬิกา ไปจนถึงตำแหน่ง 9 หรือ 14 นาฬิกา จากนั้นใช้มืออีกข้างข้ามไปจับพวงมาลัยอีกด้าน ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา หรือ 14 นาฬิกา และหมุนตามไปในทิศทางเดียวกัน
2.การคืนพวงมาลัย ก็ทำในลักษณะเดียวกันแต่กลับทิศทางกัน
การหมุนพวงมาลัยรถด้วยวิธีนี้มีข้อดีตรงที่ช่วยให้เลี้ยวรถได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียก็มีหลายข้อ เช่น ควบคุมรถได้ยากหากเกิดเหตุฉุกเฉิน บางช่วงต้องขับรถด้วยมือเดียว หรือมีความขัดแย้งกับการหมุนพวงมาลัยรถแบบดึง-ดัน เป็นต้น
การหมุนพวงมาลัยรถเพื่อถอยหลังรถ
การหมุนพวงมาลัยรถเพื่อถอยหลัง อาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่มีกล้องมองหลังหรือกล้องรอบทิศทาง หรือระบบถอยจอดอัตโนมัติ แต่หากคุณต้องถอยหลังรถด้วยตัวเองอาจจะต้องมองข้ามไหล่ ยึดพนักเบาะซ้ายเพื่อให้ตัวตรง มองเห็นหลังรถได้ชัดเจน ขณะถอยรถควรค่อย ๆ ให้รถไหลไปช้า ๆ ขยับพวงมาลัยรถไปตามทิศทาง
พวงมาลัยรถมีความสำคัญต่อการขับรถเป็นอย่างมาก เพราะหน้าที่หลักคือการควบคุมทิศทางของรถให้เป็นไปตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ทั้งนี้เมื่อพบว่าการใช้งานพวงมาลัยรถมีความผิดปกติ แตกต่างไปจากเดิม อาทิเช่น พวงมาลัยรถสั่น พวงมาลัยรถหนัก พวงมาลัยรถมีเสียงดัง พวงมาลัยรถหลวม หรือพวงมาลัยรถคืนตัวยาก อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้เกิดขึ้นนาน ควรรีบนำไปรถของคุณไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจเช็ค ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหม่ต่อไป เพราะหากปล่อยให้เกิดอาการดังกล่าวอาจจะเป็นอันตรายต่อการเดินทางของคุณได้ และอย่าลืมนำคำแนะนำในการขับขี่รถไม่ว่าจะเป็นการจับพวงมาลัยรถหรือการหมุนพวงมาลัยรถนำมาปรับใช้ในการขับขี่ของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้การขับขี่รถที่ปลอดภัย นอกจากผู้ขับขี่ขับรถอย่างถูกต้อง ไม่ประมาทแล้ว ควรจะมีการทำประกันรถยนต์เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทางของคุณและครอบครัว เพราะประกันรถยนต์ช่วยคุ้มครองคุณและรถจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เพิ่มเติมมาจากกการทำพ.ร.บ.อีกด้วย แนะนำประกันรถยนต์ผ่อน 0% ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ ผ่อนสบายสูงสุด 12 เดือน ซื้อปุ๊บรับความคุ้มครองปั๊บ ซึ่งมีให้เลือกหลายแผนตามความเหมาะสม งบประมาณและการใช้งานรถของคุณด้วย สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก