เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว ช่วงนี้ฝนเริ่มตกชุกขึ้นทุกวัน ทำให้หลายคนจำเป็นต้องตากฝนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่มาพร้อมกับหน้าฝน ซึ่งโรคที่มากับสายฝนเย็นฉ่ำนี้ มักเป็นโรคติดต่อ ที่แพร่กระจายไปสู่คนรอบข้างได้ เพราะในน้ำฝนมักมีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคแบคทีเรียบางอย่างที่จะทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยแถมยังแพร่เชื้อไปได้ง่ายๆ จึงกลายมาเป็น 6 โรคยอดฮิตที่ต้องระวังจะเกิดขึ้นกับตนเอง จะมีโรคอะไรบ้างไปดูกัน

 

1. โรคที่เกิดขึ้นจากไวรัส 

เชื้อไวรัสทำให้เป็นหวัดคัดจมูกและเกิดอาการไข้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มทารก ต้องระวังการถูกฝนให้มาก เพราะอาจเจ็บป่วยไม่สบาย จนถึงขั้นหลอดลมฝอยอักเสบ รวมทั้งโรคไข้หวัดใหญ่

2. คอติดเชื้อ 

สังเกตได้จากจะเริ่มมีอาการเจ็บคอเป็นหลัก จากนั้นจะมีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามมา บางรายมีน้ำมูกร่วมด้วย เกิดจากการเผลอกลืนน้ำฝนปนเปื้อนลงคอไปจนทำให้คออักเสบ

3.ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ

เนื่องจากอาหารสดตามตลาดอาจได้รับเชื้ออีโคไลจากน้ำฝนที่ปนเปื้อน ซึ่งเชื้ออีโคไลนี้เป็นเชื้อที่ทำให้ลำไส้อักเสบติดเชื้อ จึงทำให้เกิดความผิดปกติในระบบย่อยอาหารตามมา

4. ผิวหนังอักเสบ 

น้ำฝนที่ขังตามพื้นถนนนาน ๆ เข้าจะกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หากกระเซ็นมาโดนตัวเราก็มีโอกาสเสี่ยงต่อผิวหนังอักเสบได้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำสกปรกยังอาจทำให้แผลติดเชื้อ เกิดเชื้อรา คัน เกิดตุ่มหนองและฝีได้ ดังนั้น แนะนำให้ล้างมือล้างเท้าบ่อย ๆ หลังจากกลับเข้าบ้าน

5. โรคฉี่หนู

เป็นอีกโรคหนึ่งที่ระบาดในช่วงฤดูฝนนี้ แพร่ระบาดได้ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ทุ่งนา ส่วนในเมือง หากฝนตกทำให้น้ำขังบนถนนออกมาผสมกับท่อระบายน้ำก็มีโอกาสติดเชื้อโรคดังกล่าวได้ แม้ในรายที่รื้อบ้านแล้วมีมูลหนูปนออกมาจนเผลอไปเหยียบเข้าผ่านจากผิวหนังที่เป็นแผลก็จะทำให้ป่วยด้วยโรคนี้ได้ โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดตามตัวโดยเฉพาะน่อง และเบื่ออาหาร

6. ไข้เลือดออก

โรคร้ายที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงลายจะเพาะพันธุ์ได้ดีมากในหน้าฝนที่มีฝนตกลงมาท่วมขัง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ติดต่อกัน 2 – 7 วัน  ปวดศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เซื่องซึม อาเจียน จากนั้นจะมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออกก็ได้

อาหารต้านหวัด เพิ่มภูมิคุ้มกันในหน้าฝน

ขิง : ขิงเหมือนยาสามัญประจำครัว ที่ช่วยขับเหงื่อ ลดไข้ ให้คุณได้ แถมยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ไม่สบายตัว และข้ออักเสบได้อีกด้วย ยิ่งแก่ยิ่งดี ยิ่งสดยิ่งได้ผลชะงัด

แครอท ฟักทอง ผักโขม และผักใบเขียว : อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ เช่น เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรงฟื้นตัวจากอาการ หวัด ได้ดีขึ้น

ส้ม ฝรั่ง กล้วย : วิตามินซีสามารถช่วยต้านหวัดได้ดี คุณจึงควรทานผลไม้อย่าง ส้ม ฝรั่ง กล้วย ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ร่างกายต้องการ เพื่อต้านทานหวัดตัวร้ายให้หายไวยิ่งขึ้น

น้ำเปล่า : การดื่มน้ำให้พอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยระบายความร้อนภายในร่างกายออกมาผ่านทางเหงื่อและของเสียต่าง ๆ การดื่มน้ำเยอะ ๆ จึงเป็นวิธีการลดไข้ที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งและทุกคนก็สามารถทำได้ง่ายๆ

 

สภาพอากาศและความชื้นที่เปลี่ยนแปลง ทั้งอากาศที่เปียกชื้น รวมถึงน้ำที่ท่วมขัง ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นได้ ส่งผลกระทบต่อการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ ได้ ในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ ทุกท่านจึงควรใส่ใจสุขภาพอย่างเข้มงวดมากขึ้น ตรวจเช็กสุขภาพ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้มากๆ รักษาสุขอนามัย พักผ่อนให้เพียงพอ หรือป้องกันการติดต่อ โดยการสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง ที่มีโอากาสทำให้เกิดโรคได้ ดังนั้น นอกจากดูแลตัวเองให้ดี ไม่ให้ป่วยด้วย โรคหน้าฝน แล้ว ก็อย่าลืมดูแลคนรอบข้าง ไม่ให้เป็นโรคติดต่อหน้าฝนที่กล่าวไปด้วย