การเรียนรู้ วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะสอนเกี่ยวกับพื้นฐานการขับขี่และเปิดโอกาสให้คุณประหยัดเงินในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อรถของคุณเอง การเรียนรู้ว่าเกียร์ธรรมดาทำงานอย่างไร จะช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจว่ารถประเภทใดจะเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา ต้องทำอย่างไร?

เชื่อว่ารถคันแรกของคุณมักจะเป็นเกียร์ธรรมดา อย่างน้อยก็เป็นรถสำหรับฝึกหัดขับรถสำหรับมือใหม่ การเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา  เป็นเกียร์รถยนต์ประเภทหนึ่งที่ใช้เกียร์ ซึ่งทำงานโดยการขยับก้านหรือคันโยกแทนที่จะกดแป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียวเหมือนกับรถยนต์เกียร์ออโต้ แต่ในการเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา สำหรับบางคนถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจใน วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา ได้อย่างง่ายดายนัก แท้จริงแล้วการเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาถือเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้การขับขี่รถยนต์ หลายคนเชื่อว่าการวิธีขับรถเกียร์ธรรมดาเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเพิ่งสตาร์ท อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือประโยชน์ของการวิธีขับรถเกียร์ธรรมดานั้นมีมากกว่าความยาก และจะช่วยให้คุณเป็นคนขับที่ดีขึ้น รถยนต์เกียร์ธรรมดา มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่าและมีโอกาสแตกหักน้อยกว่ารถยนต์อัตโนมัติ และยังเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เพราะต้องการการบำรุงรักษาถูกกว่ารถยนต์เกียร์อัตโนมัติ วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความรู้ และทักษะของผู้ขับขี่ ดังนี้

การควบคุมรถ

 การควบคุมรถยนต์เกียร์ธรรมดามือใหม่หัดขับหลายคนอาจจะมองว่ามีความยาก ซับซ้อน กว่ารถยนต์เกียร์ออโต้มากพอสมควร แต่สำหรับใครที่ต้องการขับรถสนุก ขับมันส์  ควบคุมความเร็วได้ดั่งใจ การเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา จึงเป็นตัวเลือกที่ใช่ที่สุด โดยในการควบคุมรถเกียร์ธรรมดา จะต้องรู้จักกับ 2 สิ่งนี้

1.คลัตช์

คลัตช์ ทำหน้าที่ควบคุมการประสานงานระหว่างเครื่องยนต์กับกระปุกเกียร์รถ ทำหน้าที่ในการตัดต่อการถ่ายทอดกำลังงาน จากเครื่องยนต์ไปยังระบบเกียร์ ซึ่งในขณะที่เหยียบคลัตช์ รถของคุณจะอยู่ในสภาพเดียวกับเกียร์ว่าง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ ถ้ารถเกียร์ธรรมดาไม่มีคลัตช์ ผู้ขับขี่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้

2.คันเกียร์

คันเกียร์ แท่งเกียร์ หรือคานเกียร์ เป็นคันโยกเพื่อใช้สำหรับในการเข้าเกียร์เพื่อเดินหน้าหรือถอยหลังรถ โดยเกียร์ธรรมดาจะต้องมีเกียร์ N หรือเกียร์ว่างอยู่เป็นหลักเหมือนกันหมด และตามด้วยเกียร์ 1-5 หรือ 1-6 แล้วแต่รุ่น สุดท้ายก็คือเกียร์ถอยหรือ R โดยการเข้าเกียร์จะต้องมีการเหยียบคลัตช์ก่อน จากนั้นเลื่อนคันเกียร์ ค่อย ๆ ปล่อยคลัตช์และแตะคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์เพื่อให้รถเดินหน้าหรือถอยหลังตามเกียร์ที่ผู้ขับขี่ต้องการ

การสตาร์ทรถ

ในการสตาร์ทเครื่องรถยนต์เกียร์ธรรมดาบางรุ่นจะต้องมีการเหยียบคลัตช์ก่อนจึงจะสามารถสตาร์ทรถได้ หลังจากที่สตาร์ทรถแล้ว ให้เหยียบเบรกและปลดเบรกมือ หากต้องการเดินหน้ารถ ก็ให้เหยียบคลัตช์ก่อน จากนั้นเลื่อนคันเกียร์ไปที่ 1 จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยคลัตช์ เหยียบคันเร่งไปพร้อมกัน หากต้องการถอยหลังก็ทำแบบเดียวกันนี้แต่เลื่อนคันเกียร์ไปที่ R

การเปลี่ยนเกียร์และเพิ่มความเร็ว

หากต้องการเดินหน้ารถ ก็ให้เหยียบคลัตช์ก่อน จากนั้นเลื่อนคันเกียร์ไปที่ 1 จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยคลัตช์ เหยียบคันเร่งไปพร้อมกัน หากต้องการถอยหลังก็ทำแบบเดียวกันนี้แต่เลื่อนคันเกียร์ไปที่ R จะเห็นว่าเมื่อทำการเปลี่ยนเกียร์เท้าซ้ายที่เหยียบคลัตช์และเท้าขวาที่เหยียบคันเร่งจะมีการเหยียบที่สอดรับกัน เมื่อเท้าซ้ายเหยียบลง เท้าขวาจะยกขึ้น แต่เมื่อเท้าซ้ายเริ่มยกขึ้น เท้าขวาจะกดลง โดยในการเปลี่ยนเกียร์ รถแต่ละคันจะมีช่วงความเร็วของแต่ละเกียร์อยู่ ผู้ขับขี่บางท่านจะใช้การฟังเสียงเครื่องยนต์เพื่อกำหนดจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์ต่อไปได้ ส่วนหากต้องการเบรกรถ ให้เหยียบคลัตช์และเข้าเกียร์ว่างในขณะที่รถเบรก

การจอดรถ

หากผู้ขับขี่ต้องการจอดรถให้ใช้เกียร์ถอยหรือเกียร์หนึ่ง หลังจากที่ในช่องจอดเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการใส่เกียร์ว่างและดึงเบรกมือเอาไว้เพื่อไม่ให้รถไหลได้

ข้อควรระวังในการเรียนรู้ วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา

แม้ว่าหลายคนจะคิดว่าการขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาจะมีความยากกว่า ซับซ้อนมากกว่าเกียร์ออโต้ แต่การเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาก็ยังเป็นพื้นฐานของการขับรถอื่น ๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ยังมีข้อควรระวังที่ผู้ขับขี่ควรรู้มีดังต่อไปนี้

1.ก่อนเปลี่ยนเกียร์จะต้องมีการเหยียบแป้นคลัตช์ก่อนทุกครั้ง

2.ใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วของรถ

3.ไม่ควรเหยียบคลัตช์ค้างไว้เมื่อเหยียบคันเร่ง เพราะจะทำให้ผ้าคลัตช์ไหม้ได้

4.ขณะขับรถลงทางลาดชัน ห้ามใช้เกียร์ว่างเด็ดขาด เพราะเครื่องยนต์จะไม่มีแรงหน่วงช่วยเบรกรถได้

5.ต้องให้รถยนต์จอดสนิทก่อน จึงจะสามารถใช้เกียร์ถอยหลังได้

6.หากรถติดบนทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใส่เกียร์ว่างพร้อมกับการดึงเบรกมือ จากนั้นก่อนออกตัวให้เหยียบแป้นคลัตช์ เบรก และเปลี่ยนเกียร์ และทำการปลดเบรกมือลงแล้วจึงเหยียบคันเร่งเพื่อเดินหน้าต่อ

จองคิวทำใบขับขี่ ต้องทำอย่างไร?

หลังจากที่มีการเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาและวิธีขับรถเกียร์ออโต้แล้ว  เราจะมาแนะนำในส่วนของการจองคิวทำใบขับขี่ที่ง่ายขึ้น เพราะสามารถจองคิวรับใบขับขี่ ออนไลน์ เพื่อจองเวลาที่จะเข้าไปทำเรื่องที่ขนส่ง ซึ่งสามารถจองคิวรับใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถโหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพื่อจองคิวทำใบขับขี่ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวรับใบขับขี่

2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปจองคิวรับใบขับขี่

3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต”

4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง

5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ

6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียมเป็นอันเสร็จ

สำหรับคนที่ทำการจองคิวรับใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องทำการอบรมผ่าน คลิก โดยมีขั้นตอนการลงทะเบียนดังนี้

ขั้นตอนการอบรมทำใบขับขี่ออนไลน์

เมื่อการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโควิด-19 นอกจากการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนการไปทำเรื่องที่ขนส่งแล้ว สำหรับผู้ที่ใบขับขี่กำลังจะใกล้หมดอายุ หรือเพิ่งหมดอายุไป แต่ไม่สามารถไปที่ขนส่งได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่ดีขึ้น ก็ยังสามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการต่อใบขับขี่ออนไลน์ แม้ว่าจะยังมีขั้นตอนของการไปขนส่งเพื่อทดสอบสมรรถภาพและรับใบขับขี่ใหม่ แต่คุณก็ยังต้องจองคิวออนไลน์ เลือกเวลาที่คุณเข้าไปที่ขนส่งได้ โดยไม่ต้องไปนั่งรอคิวแต่เช้าที่ขนส่งเหมือนเมื่อก่อน  โดยขั้นตอนการต่อใบขับขี่ออนไลน์นั้นไม่ยุ่งยาก เริ่มต้นดังนี้

1.เริ่มต้นต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่ง คลิก  

2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน”

3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด

4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง

4.เลือกข้อ1.แบบทดสอบก่อนอบรม

5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม ซึ่งจะมี 3 ข้อ

6.ดูวิดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล

7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ

8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม

ใบขับขี่ที่สามารถจองคิวออนไลน์ได้

ใบขับขี่ส่วนบุคคลแบบ 5 ปีเป็น 5 ปี (ต่อล่วงหน้าได้ 3 เดือน) อบรม 1 ชั่วโมง

ใบขับขี่ พรบ.ขนส่ง (ต่อล่วงหน้าได้ 6 เดือน) อบรม 2 ชั่วโมง

ใบขับขี่สาธารณะ (ต่อล่วงหน้าได้ 3 เดือน) อบรม 3 ชั่วโมง

*ผลการอบรมการต่ออายุใบอนุญาตขับรถมีอายุ 90 วันนับจากวันที่ผ่านการอบรมเท่านั้น

มารยาทในการขับรถยนต์ให้ปลอดภัย

นอกจากเรียนรู้วิธีหัดขับรถเกียร์ออโต้แล้ว ผู้ขับขี่จะต้องเรียนรู้มารยาทในการขับรถยนต์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมทางทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทในการขับขี่รถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัย มีดังต่อไปนี้

1.หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลาย

เราจะพบว่ามีข่าวรถชนคนข้ามถนน โดยเฉพาะข้ามบนทางม้าลายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถ หากพบว่ามีคนอยู่บนทางเท้าและกำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย ผู้ขับควรชะลอ แตะเบรก และให้สัญญาณไฟขอทาง เพื่อให้คนข้ามทางม้าลายให้เรียบร้อยก่อนจึงจะขับรถออกไปได้ ซึ่งที่ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

2.ไม่ขับรถแช่ขวา

เลนทางขวาเป็นเลนสำหรับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าคุณขับรถตามความเร็วที่กฎหมายจราจรกำหนด แต่หากคุณวิ่งรถด้วยความเร็วคงที่ ก็ไม่ควรจะขับรถแช่ชวา เพราะจะทำให้การจราจรติดขัด รถคันหลังไม่สามารถไปก่อนได้ คุณจะสังเกตได้ว่าหากคุณขับรถแช่ขวาแล้วมีรถคันหลังขับจี้ท้ายคุณ คุณจะต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้คันหลังที่มาด้วยความเร็วกว่าไปก่อน

3.รักษาระยะห่างจากคันหน้า

หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วปกติ ควรจะเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ประมาณ 100 เมตร ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. และ 80 เมตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.เพื่อให้คุณมีระยะเบรกรถได้ทัน เป็นการป้องกันหากรถคันข้างหน้าของคุณเบรกกะทันหันไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม

4.ระวังการใช้ไฟสูง

ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถสวนรถคันอื่น เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคนอื่น

5.ให้สัญญาณไฟก่อนแซง

หากต้องการแซงรถ ควรให้สัญญาณไฟ ใช้ความเร็วที่จะแซงอย่างเหมาะสม และเว้นระยะการแซงรถเพื่อที่จะกลับเข้าเลนปกติ ไม่อยู่ในระยะประชิดจนเป็นการปาดหน้ารถ นอกจากนี้ไม่ควรแซงขวาเข้าไปในเลนรถสวนทาง

6.ไม่ขับรถตัดหน้าคันอื่น

หากจะต้องทำการเปลี่ยนเลนรถ  ควรจะต้องมองกระจกหลัง ให้สัญญาณไฟ รอให้รถคันอื่นไปแล้ว จึงจะสามารถเลี้ยวรถ หรือเปลี่ยนรถได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นการขับรถตัดหน้าคันอื่น จนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

แม้ว่าหลายคนจะคิดว่าการเรียนรู้ วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา จะมีความยากและซับซ้อนกว่าเกียร์ออโต้ แต่การฝึกขับรถเกียร์รรมดาก็เป็นพื้นฐานของการเริ่มต้นขับรถของใครหลายคนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้การเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา ผู้ขับขี่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมรถด้วยองค์ประกอบหลัก 2 อย่างได้แก่ คลัตช์และคันเกียร์ เพราะหากผู้ขับขี่เข้าใจหลักการทำงานของทั้งสองสิ่งนี้ จะทำให้เข้าใจการควบคุมรถเกียร์ธรรมดาและสามารถฝึกหัดขับรถเกียร์ธรรมดาได้ง่ายและไม่ซับซ้อนนั่นเอง นอกจากนี้การฝึกหัดขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีโรงเรียนสอนขับรถให้เลือกเรียนหลายแห่ง สามารถเลือกเรียนได้ทั้งรถระบบเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาอีกด้วย สำหรับมือใหม่หัดขับนอกจากจะเรียนรู้เรื่องการหัดขับรถแล้ว การทำประกันติดรถไว้สักแผน จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถของคุณ เลือกทำประกันรถยนต์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ คลิกที่นี่