การขับรถยนต์ถือเป็นทักษะพื้นฐานของการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนเลือกที่จะเรียนรู้ วิธีขับรถเกียร์ออโต้ หรือ รถเกียร์อัตโนมัติ ( AT ) เพราะรถยนต์เกียร์ออโต้มีความสะดวก ไม่ซับซ้อน และง่ายต่อการเรียนรู้สำหรับมือใหม่หัดขับ วันนี้เราจะแนะนำวิธีขับรถเกียร์ออโต้ หรือรถเกียร์อัตโนมัติสำหรับมือใหม่หัดขับที่ต้องรู้ค่ะ

วิธีขับรถเกียร์ออโต้ ต้องทำอย่างไร?

ทักษะพื้นฐานในการขับขี่รถยนต์ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีกันแต่อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเลือกเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาหรือเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ออโต้ เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ออโต้มากกว่าที่จะเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดา หรือบางคนที่ขับรถเกียร์ธรรมดาเป็นอยู่แล้ว อาจจะเลือกใช้รถเกียร์ออโต้เพราะคำนึงถึงเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่รถยนต์เกียร์ออโต้ ที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องการเหยียบแป้นคลัทช์เพื่อเข้าแต่ละเกียร์ เพราะการขับรถยนต์เกียร์ออโต้ ผู้ขับขี่จะไม่ต้องมานั่งเข้าเกียร์เพื่อเดินหน้าแต่อย่างใด สามารถใส่เกียร์ D เพื่อออกตัวรถได้เลย โดยวิธีขับรถเกียร์ออโต้ ผู้ขับขี่จะต้องเข้าใจการทำงานของเกียร์ในแต่ละเกียร์

การใช้เกียร์ D หรือ Drive

ในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดาจะต้องมีการเหยียบแป้นคลัทช์ก่อนเข้าเกียร์ 1 และเหยียบแป้นคลัทช์ก่อนที่จะเข้าเกียร์ 2 3 4 5 ตามลำดับ หรือแม้กระทั่งการถอนเกียร์จะต้องเหยียบแป้นคลัทช์เพื่อใส่เกียร์ R หรือ Reverse แต่วิธีขับรถเกียร์ออโต้ เพียงผู้ขับขี่เหยียบเบรคก่อนเพื่อเข้าเกียร์ D หรือ Drive จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยเบรคเพื่อให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าจากนั้นแตะคันเร่งเพื่อให้รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ต้องเพียงเท่านี้ก็ทำให้รถแล่นไปได้ ซึ่หากใครเรียนรู้วิธีขับรถเกียร์ออโต้ จะรู้ว่าเกียร์ D ไม่ได้มีเพียงเกียร์เดียว เพราะยังมีเกียร์ D3 D2  ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันดังนี้

1.เกียร์ D1,1 และ L – หรือ เกียร์ต่ำ ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันมาก เช่น ทางที่เป็นเนิน สะพาน หรือภูเขาสูง เพราะเกียร์ 1 จะช่วยฉุดให้เครื่องยนต์เบรคไว้เพื่อให้รถเคลื่นตัวช้าลง เป็นการรักษาผ้าเบรคหมดเร็วอีกด้วย

2.เกียร์ D2 หรือ 2 – มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับเกียร์ D1 หรือ 1 ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันไม่มากนัก เช่น ทางขึ้นลานจอดห้างสรรพสินค้า

3.เกียร์ D3 ใช้สำหรับถนนหนทางที่ไม่ชันมาก เช่น ทางขึ้นสะพาน เป็นต้น

การใช้เกียร์ P หรือ Parking

เชื่อว่ามือใหม่หัดขับอาจจะกำลังสงสัยว่าระหว่างเกียร์ P และ เกียร์ N มีความแตกต่างกันอย่างไร และในการเรียนรู้วิธีชับรถเกียร์ออโต้ เกียร์ P จะใช้สำหรับจอดรถให้นิ่งสนิท เป็นการล็อคระบบกระปุกเกียร์ไม่ให้เคลื่อนที่ จึงใช้ในการจอดรถตามชื่อ Parking นั่นเองจึงทำให้รถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเข็นรถได้ ส่วน เกียร์ N หรือ Neutral เกียร์ว่าง นั่นหมายความว่าเกียร์นี้จะไม่มีการส่งกำลังใด ๆ รถสามารถขยับเคลื่อนที่ไปได้ เข็นได้ จึงใช้สำหรับจอดรถชั่วคราวในพื้นราบปกติ

ตำแหน่งเกียร์ออโต้แต่ละตัว ทำหน้าที่อะไรบ้าง?

รถยนต์ระบบเกียร์ออโต้ เป็นรถที่หลายคนนิยมเลือกใช้งาน เพราะใช้งานที่ง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นขับขี่รถยนต์ เนื่องจากไม่ต้องเข้าเกียร์ ไม่ต้องเหยียบแป้นคลัทช์ โดยผู้ขับขี่ที่เรียนรู้วิธีการขับรถเกียร์ออโต้ จะต้องเข้าใจการใช้งานของตำแหน่งระบบเกียร์ออโต้แต่ละตัว โดยมีตัวอักษรแสดงตำแหน่งและการใช้งานดังนี้

ตำแหน่ง P

ตำแหน่งที่อยู่ด้านบนสุดของเกียร์ ใช้สำหรับจอดรถในที่จอดรถ จอดในบริเวณที่ลาดชัน หรือต้องการจอดแบบล็อกล้อรถไม่ให้เคลื่อนที่ได้ หากจะเปลี่ยนเกียร์มาที่เกียร์ P จะต้องทำตอนที่รถหยุดนิ่ง

ตำแหน่ง R

เกียร์ R หรือเกียร์ถอยหลัง รถจะเคลื่อนตัวถอยหลังอย่างช้า ๆ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งและก่อนถอยรถควรใช้ความระมัดระวังอย่างดี เท้าควรคอยแตะเบรกไว้ด้วยป้องกันรถถอยหลังเอง

ตำแหน่ง N

เกียร์ N เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้สำหรับจอดรถไว้ชั่วคราว เช่น จอดติดไฟแดง หรือจอดในห้างสรรพสินค้า เพราะสามารถเข็นรถได้นั่นเอง

ตำแหน่ง D

เกียร์ D เป็นตำแหน่งสำหรับให้รถเคลื่อนตัวไปด้านหน้า เมื่อทำการเหยียบคันเร่ง เกียร์จะเปลี่ยนให้เอง เป็นเกียร์ที่เราไว้สำหรับเดินรถไปข้างหน้า

ตำแหน่ง L

เกียร์ L เหมาะสำหรับการขับรถขึ้น-ลงทางที่สูงชัน โดยเฉพาะตอนลงเขา ต้องใช้ความเร็วต่ำมากจะเป็นการใช้เครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก แต่ไม่ควรเปลี่ยนเกียร์ L กะทันหันทันทีที่ในขณะที่ขับรถมาเร็ว

ตำแหน่ง S

เกียร์ S พบในรถยนต์ระบบเกียร์ออโต้รุ่นใหม่  ช่วยเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ช้าลง เครื่องยนต์ลากรอบมากกว่าปกติ รถจะมีกำลังมากขึ้นในยามจำเป็น เหมาะสำหรับการเร่งแซง

ตำแหน่ง B

เกียร์ B พบในรถยนต์เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ มีการทำงานคล้ายเกียร์ L ในการขับขึ้นลงทางชัน ช่วยเบรกในระบบการทำงานด้วยเกียร์

ข้อควรระวังในการเรียนรู้ วิธีขับรถเกียร์ออโต้

แม้ว่าจะรถยนต์เกียร์ออโต้จะมีความสะดวกและง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นขับรถใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อควรระวังในการขับรถยนต์เกียร์ออโต้ที่มือใหม่หัดขับจำเป็นต้องทำความเข้าใจ เพราะบ่อยครั้งที่อุบัติเหตุทางรถยนต์มักเกิดจากการเข้าเกียร์ออโต้ผิดตำแหน่ง โดยข้อควรระวังที่ผู้ขับขี่ควรรู้มีดังต่อไปนี้

1.ผู้ขับขี่ต้องเหยียบเบรครถทุกครั้งก่อนเข้าเกียร์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเปลี่ยนเกียร์นั่นเอง

2.ก่อนออกตัวและหลังหยุดรถ ผู้ขับขี่จะต้องดูตำแหน่งเกียร์ของรถและเข้าเกียร์ให้ถูกต้องเสมอ เมื่อจอดติดไฟแดง ผู้ขับขี่จะต้องเข้าเกียร์ N เพื่อความปลอดภัย และใช้เบรคช่วยหากจอดบนถนนที่มีเนินหรือถนนต่างระดับ แล้วลองปล่อยเบรค ถ้ารถไม่ไหลก็ไม่จำเป็นต้องกดเบรค

3.ในการออกตัวรถ ไม่ควรออกรถแบบกระชาก

4.ในขณะที่รถกำลังแล่น ไม่ควรเข้าเกียร์ว่างเด็ดขาด

5.ไม่ควรเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดเพื่อเร่งแซงรถคันอื่นบ่อย ๆ  หรือที่เรียกว่า การคิกดาวน์ เพราะหากมีการเร่งเครื่องยนต์โดยไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับอัตราเร่ง จะส่งผลเสียต่อชุดเกียร์ ทำให้เกียร์เสื่อมเร็วกว่าปกติ

มารยาทในการขับรถยนต์ให้ปลอดภัย

นอกจากเรียนรู้วิธีหัดขับรถเกียร์ออโต้แล้ว ผู้ขับขี่จะต้องเรียนรู้มารยาทในการขับรถยนต์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมทางทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทในการขับขี่รถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัย มีดังต่อไปนี้

1.หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลาย

เราจะพบว่ามีข่าวรถชนคนข้ามถนน โดยเฉพาะข้ามบนทางม้าลายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถ หากพบว่ามีคนอยู่บนทางเท้าและกำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย ผู้ขับควรชะลอ แตะเบรก และให้สัญญาณไฟขอทาง เพื่อให้คนข้ามทางม้าลายให้เรียบร้อยก่อนจึงจะขับรถออกไปได้ ซึ่งที่ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

2.ไม่ขับรถแช่ขวา

เลนทางขวาเป็นเลนสำหรับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าคุณขับรถตามความเร็วที่กฎหมายจราจรกำหนด แต่หากคุณวิ่งรถด้วยความเร็วคงที่ ก็ไม่ควรจะขับรถแช่ชวา เพราะจะทำให้การจราจรติดขัด รถคันหลังไม่สามารถไปก่อนได้ คุณจะสังเกตได้ว่าหากคุณขับรถแช่ขวาแล้วมีรถคันหลังขับจี้ท้ายคุณ คุณจะต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้คันหลังที่มาด้วยความเร็วกว่าไปก่อน

3.รักษาระยะห่างจากคันหน้า

หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วปกติ ควรจะเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ประมาณ 100 เมตร ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. และ 80 เมตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.เพื่อให้คุณมีระยะเบรกรถได้ทัน เป็นการป้องกันหากรถคันข้างหน้าของคุณเบรกกะทันหันไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม

4.ระวังการใช้ไฟสูง

ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถสวนรถคันอื่น เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคนอื่น

5.ให้สัญญาณไฟก่อนแซง

หากต้องการแซงรถ ควรให้สัญญาณไฟ ใช้ความเร็วที่จะแซงอย่างเหมาะสม และเว้นระยะการแซงรถเพื่อที่จะกลับเข้าเลนปกติ ไม่อยู่ในระยะประชิดจนเป็นการปาดหน้ารถ นอกจากนี้ไม่ควรแซงขวาเข้าไปในเลนรถสวนทาง

6.ไม่ขับรถตัดหน้าคันอื่น

หากจะต้องทำการเปลี่ยนเลนรถ  ควรจะต้องมองกระจกหลัง ให้สัญญาณไฟ รอให้รถคันอื่นไปแล้ว จึงจะสามารถเลี้ยวรถ หรือเปลี่ยนเลนรถได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นการขับรถตัดหน้าคันอื่น จนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

หลายคนเลือกเรียน วิธีขับรถเกียร์ออโต้ เพื่อการขับขี่ที่ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน มากกว่าที่จะเลือกใช้รถระบบเกียร์ธรรมดา แต่ทั้งนี้แม้ว่าระบบเกียร์ออโต้จะขับค่อนข้างง่าย  แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผู้ฝึกขับรถระบบเกียร์ออโต้ควรให้ความสำคัญและทำความเข้าใจ เช่น ระบบเกียร์ การทำงานของเกียร์ออโต้ที่เลือกใช้ ตำแหน่งเกียร์ ซึ่งแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่ในการทำงานที่แตกต่างกัน ใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันการฝึกหัดขับรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีโรงเรียนสอนขับรถให้เลือกเรียนหลายแห่ง สามารถเลือกเรียนได้ทั้งรถระบบเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาอีกด้วย สำหรับมือใหม่หัดขับนอกจากจะเรียนรู้เรื่องการหัดขับรถแล้ว การทำประกันติดรถไว้สักแผน จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถของคุณ เลือกทำประกันรถยนต์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ คลิกที่นี่