หนูกัดสายไฟรถ ปัญหาหนึ่งที่สร้างความกวนใจให้กับคนรักรถ เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับรถแล้ว เจ้าของรถยังจะต้องหาเงินมาซ่อมรถอีก เพราะอะไรหนูถึงชอบกัดสายไฟรถ แล้วจะมีวิธีป้องกันไม่ให้หนูกัดสายไฟรถได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จะพาไปดูสาเหตุและวิธีป้องกันหนูกัดสายไฟรถกันค่ะ

ทำไมหนูกัดสายไฟรถ  

เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเจอปัญหาหนูกัดสายไฟรถ แล้วทำไมหนูชอบกัดสายไฟรถ สายไฟเครื่องใช้ไฟฟ้ากันจังเลยล่ะ?  หนูกัดสายไฟรถ เชื่อว่าปัญหาหนูกัดสายไฟรถ เป็นปัญหาที่หลายคนถึงกับโมโหและอยากจะกำจัดหนูไปเสียทันที ถึงจะกำจัดหนูไปได้แล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหาหนูกัดสายไฟรถอีก หนูกัดสายไฟรถสร้างปัญหาให้ทั้งตัวรถและเจ้าของรถ เพราะการที่หนูกัดสายไฟรถ นอกจากจะทำให้รถเสียหาย ระบบใช้งานไม่ได้แล้ว ยังสร้างความสกปรกภายในรถ ทั้งกลิ่นและเศษขยะต่าง ๆ รวมไปถึงทำให้เครื่องยนต์เสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย จากหนูตัวเล็กกลับสร้างปัญหาใหญ่โตให้กับเจ้าของรถให้เสียทั้งเงินเสียทั้งอารมณ์ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยสาเหตุหลักที่หนูชอบกัดสายไฟรถมีดังนี้

ที่นอนอันอบอุ่น 

ภายในห้องเครื่องรถยนต์ เป็นจุดที่มีความมิดชิด อบอุ่น ปลอดภัย เหมาะสำหรับเป็นที่พักพิงของเหล่าวายร้ายอย่างเจ้าหนูตัวเล็กเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันมาสำรวจแล้วพบว่าภายในห้องเครื่องรถของคุณมีทั้งความอบอุ่น ปลอดภัย พวกมันก็จะพาครอบครัวย้ายบ้านเข้ามาอยู่ภายในห้องเครื่อง  โดยระหว่างทางหนูจะกัดสายไฟรถ เพื่อเป็นการเคลียร์เส้นทางเข้าออกบ้านใหม่ของมันให้เดินเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย จึงเป็นเหตุผลแรกที่ทำไมหนูชอบกัดสายไฟนั่นเอง

เศษขยะภายในรถ

หากใครที่ชอบกินอาหารหรือขนมภายในรถแล้ว แต่ไม่เก็บเศษอาหารหรือเศษถุงขนมต่าง ๆ ออกจากรถให้เรียบร้อย เมื่อหนูได้กลิ่นเศษอาหารหรือเศษขนมเหล่านั้น ก็จะพากันมาหาของกินภายในรถของคุณ ระหว่างทางพบว่ามีสายไฟที่เชื่อมโยงไปยังส่วนอื่นภายในรถ รวมไปถึงเจอพื้นที่สำหรับการสร้างบ้านหลังใหม่ จึงทำให้หนูเหล่านี้นอกจากจะมาหาอาหารแล้ว ยังเจอพื้นที่ใหม่เพื่อตั้งรกรากใหม่ และจัดการสายไฟรถเพื่อให้เดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวกต่อไป

ปลอกสายไฟมีส่วนผสมของ “ถั่วเหลือง”      

ข้อนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าค่ายรถใหญ่ ๆ เริ่มหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกับส่วนประกอบของรถต่าง ๆ รวมไปถึงปลอกหุ้มสายไฟรถยนต์ที่ส่วนประกอบจาก “ถั่วเหลือง” ซึ่งพบในรถรุ่นใหม่ที่ใช้สายไฟที่มีปลอกสายไฟทำจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่กลับชวนให้เจ้าหนูได้กลิ่นและพากันมากัดสายไฟเล่น จึงทำให้สายไฟรถยนต์เกิดความเสียหาย สายไฟรถยนต์ขาด รถยนต์ทำงานผิดปกติและต้องเสียเงินเสียทองไปซ่อมต่อไป

ทั้งหมดนี้คือ 3 สาเหตุหลักที่ทำไมหนูถึงชอบกัดสายไฟรถยนต์ รวมไปถึงสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ อีกด้วย เมื่อทราบถึงสาเหตุหนูกัดสายไฟแล้ว เราจะมีวิธีปราบเหล่าหนูไม่ให้กัดสายไฟรถยนต์ได้อย่างไรนั้นมาดูกันต่อเลยค่ะ

หนูกัดสายไฟ ทำไงดี

 

เมื่อทราบถึงสาเหตุของหนูกัดสายไฟรถแล้ว ถ้าตอนนี้คุณกำลังประสบปัญหาหนูกัดสายไฟรถ จะต้องทำอย่างไร เรามีวิธีปราบเหล่าหนูที่ชอบมากัดสายไฟรถกันค่ะ

ทำความสะอาดห้องเครื่อง

เราจะเห็นว่าสาเหตุหลักของปัญหาหนูกัดสายไฟรถ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เจ้าหนูทั้งหลายได้กลิ่นเศษอาหารที่ตกอยู่ภายในรถ หรือบริเวณใกล้ ๆ รถ จึงออกมาหากินเศษอาหารและลามไปถึงการเข้าไปในห้องเครื่องรถยนต์ และกัดสายไฟรถยนต์ต่อไป ทั้งนี้วิธีแรกในการลดปัญหาหนูกัดสายไฟรถนั่นก็คือ การทำความสะอาดห้องเครื่องอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อไล่สิ่งสกปรกต่าง ๆ ภายในห้องเครื่อง รวมไปถึงเศษอาหารที่อาจกระเด็นติดล้อในระหว่างที่รถวิ่งอยู่บนท้องถนนได้ รวมไปถึงการทำความสะอาดภายในรถทุกสัปดาห์ก็สามารถช่วยให้หนูไม่ค่อยเข้ามาเที่ยวเล่นรถของคุณได้ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเราจะทำความสะอาดห้องเครื่องด้วยตัวเองได้หรือไม่ คำตอบคือ สามารถทำความสะอาดห้องเครื่องด้วยตัวเองได้ แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี โดยมีวิธีการดังนี้

  • รอจนเครื่องเย็นลง ค่อยถอดขั้วแบตเตอรี่ออก 
  • ใช้ฟิล์มถนอมอาหารมาพันในส่วนที่ไม่สามารถโดนน้ำได้ 
  • ฉีดน้ำเบาๆ ทั่วห้องเครื่อง หลีกเลี่ยงส่วนที่หุ้มฟิล์มถนอมอาหารไว้ 
  • ผสมน้ำยาทำความสะอาดกับน้ำเปล่า ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาที่ผสมไว้ เช็ดส่วนที่สกปรกก่อนตามด้วยส่วนอื่น ๆ ในส่วนที่คราบสกปรกติดแน่นมาก พ่นด้วยน้ำยาทิ้งไว้ก่อน จากนั้นค่อยเช็ดทีหลัง ช่วยให้คราบสกปรกหลุดง่ายขึ้น หรือในจุดที่เช็ดไม่ถึง ใช้แปรงขัดแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
  •  หลังจากเช็ดล้างเสร็จแล้ว ใช้เครื่องเป่าลม เป่าจนแห้ง
  • แกะฟิล์มถนอมอาหารออก
  • เคลือบแว็กซ์ส่วนที่เป็นพลาสติกและท่อยาง
  • ฉีดน้ำยาไล่ความชื้นในจุดที่ไม่สามารถโดนน้ำได้
  • ใส่ขั้วแบตเตอรี่  สตาร์ทรถ ตรวจสอบระบบการทำงาน หากพบความผิดปกติให้ใช้น้ำยาไล่ความชื้นฉีดพ่นที่ระบบจุดระเบิดอีกครั้ง

การล้างห้องเครื่องรถยนต์นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่จะต้องทำอย่างถูกวิธี ทั้งนี้หากคุณไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ด้วยตัวเองได้หรือไม่ แนะนำว่าให้นำรถไปล้างที่คาร์แคร์ได้เช่นกันค่ะ

เปิดฝากระโปรงรถให้แดดส่อง

การเปิดฝากระโปรงรถให้แดดสามารถส่องเข้าไปถึงภายในได้ เป็นการช่วยลดกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ และลดกลิ่นที่จะดึงดูดให้หนูเข้ามาภายในห้องเครื่องรถยนต์ของคุณได้ นอกจากนี้การเปิดฝากระโปรงรถให้แดดส่องถึงยังช่วยลดกลิ่นต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นการยืดอายุส่วนที่เป็นพลาสติก รักษาสภาพฉนวนกันความร้อน เป็นส่วนช่วยลดความร้อนของฝากกระโปรงเวลาที่รถตากแดดให้อยู่ได้นานขึ้น

วางลูกเหม็นทิ้งไว้

เนื่องจากหนูเป็นสัตว์ที่ไวต่อกลิ่นและสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย การวางลูกเหม็นที่ห่อด้วยผ้าขาวบาง วางหรือแขวนทิ้งไว้บริเวณรถ ตามจุดต่าง ๆ ภายในรถ ก็เป็นวิธีช่วยไล่หนูไม่ให้เข้ามาวุ่นวาย หรือกัดสายไฟรถยนต์ สร้างความเสียหายให้กับรถของคุณได้เช่นกัน หรือหากกลิ่นลูกเหม็นไม่ค่อยจะพึงประสงค์สำหรับคุณ อาจจะเลือกใช้สเปรย์ดับกลิ่นแทนได้

สเปรย์ไล่หนู

ปัจจุบันนี้มีสเปรย์ไล่หนูแบบสำเร็จขายตามท้องตลาดแล้ว ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาก่อความเสียหายให้กับรถของคุณได้ เพียงพ่นบริเวณโดยรอบของรถหรือบริเวณห้องเครื่องนิดหน่อย ด้วยกลิ่นฉุนของสเปรย์จะช่วยป้องกันหนูได้ หรือหากใครอยากจะใช้วิธีธรรมชาติที่สามารถหาอุปกรณ์ได้ภายในบ้าน ก็สามารถทำสเปรย์พริกไทย โดยนำพริกไทยเม็ด มาบดให้ละเอียด ผสมกับแอลกอฮอล์ 92% และน้ำมันพืช จากนั้นนำไปพรมบริเวณรถแบบเดียวกับสเปรย์ไล่หนูได้เช่นกัน  

หมั่นสตาร์ทรถ 

หากรถของคุณจอดไว้เป็นเวลานาน ไม่ค่อยได้ใช้รถ ไม่เคลื่อนที่ไปไหน จึงเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่หนูจะเข้าใจว่าพื้นที่นี้สามารถย้ายบ้านเข้ามาอยู่ภายในห้องเครื่องได้ เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ นอกจากจะฉีดสเปรย์ไล่หนูแล้ว ควรจะหมั่นสตาร์ทรถสัปดาห์ 1-2 ครั้ง นอกจากจะเป็นการไล่หนูแล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ได้อีกด้วยค่ะ

ทั้งนี้นอกจากหนูมาอาศัยอยู่ในรถของคุณแล้ว ยังมีสัตว์อื่นที่คุณต้องระวังไม่ให้เข้าไปภายในห้องเครื่องรถยนต์ เช่น งู ผึ้ง มด ตัวเงินตัวทอง แมลงสาบ เป็นต้น โดยเฉพาะรถที่จอดทิ้งไว้นาน จะต้องหมั่นไปตรวจสอบดูแลรถว่ามีสัตว์อื่นเข้าไปทำรัง หรือเข้าไปอยู่อาศัยในรถหรือไม่ นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาว จะต้องระมัดระวังบรรดาแมวน้อยใหญ่ ที่ชอบย่องเข้าไปนอนในห้องเครื่องรถยนต์เพื่อความอบอุ่น โดยแนะนำให้เคาะกระโปรงรถก่อนสตาร์ทรถเพื่อไล่น้อง ๆ ออกไปจากรถก่อนออกเดินทางต่อไป 

หนูกัดสายไฟรถ เคลมประกันได้ไหม?

หนูกัดสายไฟรถ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับรถใหม่ หากโดนหนูกัดสายไฟ เจ้าของรถของโมโหมากไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ข่าวดีสำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะหนูกัดสายไฟรถ สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ แต่เฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น เนื่องจากกรณีที่หนูกัดสายไฟรถจนขาด ทางบริษัทประกันจะต้องถือว่านี่ถืออุบัติเหตุชนิดหนึ่ง เพราะไม่ได้เกิดจากการเสื่อมสภาพ หรือการดัดแปลงรถแต่อย่างใด ทำให้คนที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นสามารถเคลมประกันรถยนต์จากการโดนหนูกัดสายไฟรถยนต์ได้ เบื้องต้นถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วติดต่อบริษัทประกันเพื่อดำเนินการขอเคลมประกันรถยนต์ต่อไป

เมื่อรู้สาเหตุของหนูกัดสายไฟรถแล้ว อย่าลืมนำเอาวิธีป้องกันหนูกัดสายไฟรถไปใช้ เพื่อปกป้องดูแลรถของคุณจากเจ้าหนูจอมวายร้ายเหล่านี้ อย่างน้อยหากเรารู้สาเหตุของปัญหาแล้ว จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกจุด และไม่ต้องลำบากใจที่จะต้องจัดการเจ้าหนูเหล่านี้ขั้นเด็ดขาด และไม่ต้องมานั่งเสียเงินซ่อมรถอีก นอกจากนี้สำหรับรถที่ทำประกันภัยชั้น 1 หากเจอปัญหาหนูกัดสายไฟรถ ก็ยังสามารถเคลมประกันได้เช่นกัน แต่เฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้นนะ ส่วนประกันรถยนต์ชั้นอื่นจะไม่คุ้มครองหนูกัดสายไฟรถ แต่หากรถของคุณกำลังมองหาการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ครอบคลุมทั้งกรณีรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม รวมไปถึงหนูกัดสายไฟ ที่สามารถผ่อนจ่ายได้ 0% นานสูงสุด 12 เดือน แนะนำประกันรถยนต์เฮงลิสซิ่ง