รถทุกคันต้องมี เล่มรถ หรือ ใบคู่มือจดทะเบียน เปรียบเสมือนเอกสารประจำตัวรถ เหมือนกับบัตรประชาชนของเราและที่สำคัญคือเป็นหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง เพราะจะมีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ระบุภายในเล่มรถ นอกจากนี้เล่มรถมีความสำคัญอย่างไร เราได้รวบรวม 6 ข้อที่คนมีรถต้องรู้เกี่ยวกับเล่มรถกันค่ะ

เล่มรถ หรือ เล่มทะเบียนรถ มีความสำคัญอย่างไร

รถทุกคันจะต้องมีเล่มรถ หรือที่เรียกว่าเล่มทะเบียนรถ หรือใบคู่มือจดทะเบียน เช่น ประวัติการครอบครองรถ,เลขตัวถัง,ประวัติการเสียภาษีของเจ้าของรถ เป็นต้น เล่มรถยังสามารถใช้แทนทะเบียนรถได้ หากป้ายทะเบียนรถหายหรือทะเบียนรถชำรุด สามารถพกได้ทั้งเล่มรถตัวจริงหรือสำเนาเล่มรถก็ได้ โดยปกติแล้วเล่มรถแต่ละประเภทจะแบ่งออกเป็น 2 สี ได้แก่ รถยนต์ เล่มรถจะเป็นสีน้ำเงิน ส่วนรถจักรยานยนต์ เล่มรถจะเป็นสีเขียว แต่สำหรับรถบรรทุกก็มีเล่มรถเช่นเดียวกัน แต่จะเรียกว่าหนังสือแสดงการจดทะเบียนนั่นเอง ทั้งนี้หากใครที่ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง หรือเป็นเจ้าของอยู่แล้วแต่อาจจะยังไม่ทราบความสำคัญของเล่มรถ หรือเล่มทะเบียนรถ หรือยังไม่ทราบว่าภายในเล่มรถนั้นมีรายละเอียดอะไร หรือมีความสำคัญอย่าง รวมไปถึงคนที่กำลังมองหารถมือสองสักคัน จะต้องเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดภายเล่มรถอย่างไรบ้าง เราจะมาอธิบายความสำคัญเกี่ยวกับเล่มรถทั้ง 6 ข้อกันค่ะ

เล่มรถ สำคัญอย่างไร

เล่มรถ  เล่มทะเบียนรถ หรือใบคู่มือจดทะเบียนรถ จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ครอบครองรถ ประวัติของรถ การโอนรถ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถที่สำคัญ คือ เลขตัวถัง (Vehicle Identification Number = VIN)  หรือเลขคัสซี ถือเป็นเลขประจำตัวของรถ คล้ายกับเลขบัตรประชาชนของเรานั่นเอง ในการต่อภาษี หรือการเคลมประกันรถยนต์ เลขตัวถังจะสำคัญมาก  เพราะจะต้องตรงกับเล่มทะเบียนและตามที่ได้แจ้งในกรมธรรม์นั่นเอง นอกจากนี้เล่มรถ หรือเล่มทะเบียนรถไม่ว่าจะเป็นเล่มรถจักรยานยนต์ หรือเล่มรถยนต์ ก็ยังสามารถนำมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อทะเบียนรถได้ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับเจ้าของรถได้อีกด้วย  

เล่มรถ บอกอะไรบ้าง

เล่มรถ เปรียบเสมือนเอกสารประจำตัวของรถ เหมือนกับบัตรประจำตัวประชาชนของเรา ทั้งนี้เล่มรถจะมีรายละเอียดที่สำคัญที่เกี่ยวกับตัวรถ ไม่ว่าจะเลขตัวถังซึ่งมีความสำคัญมาก  ประวัติของรถที่ผ่านมาว่าเคยมีการตัดต่อ ดัดแปลงมาหรือไม่ ประวัติการครอบครองรถ หรือประวัติของเจ้าของรถที่ผ่านมา และสามารถดูได้ว่าคนขายรถคือคนเดียวกับเจ้าของรถหรือไม่ แต่หากมีการมอบอำนาจมาเพื่อทำการซื้อขายแทนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากชื่อคนขายคนละคนกับเจ้าของรถหรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของรถ อาจสงสัยไว้ก่อนว่ารถคันนี้อาจจะได้มาไม่ถูกต้องและเสี่ยงรับซื้อของโจร 

การต่อทะเบียนรถ

การต่อทะเบียนรถ หรือการต่อภาษีรถเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถที่เจ้าของรถต้องเสียทุกปี โดยการต่อทะเบียนรถนั้นจะต้องมีการต่อพ.ร.บ.รถ นำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ. แต่สำหรับรถที่อายุไม่เกิน 7 ปี ไม่ต้องตรวจสภาพรถ  ที่ตรอ.นี้สามารถนำรถไปตรวจสภาพ ซื้อพ.ร.บ.และฝากต่อภาษีรถได้เลย หรือหากเจ้าของจะซื้อพ.ร.บ.หรือต่อภาษีเองก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยช่องทางต่อภาษีมีหลายหลายช่องทาง เช่น สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก หรือ แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax  เลื่อนล้อต่อภาษี เป็นต้น ยังมีช่องทางอื่นนอกเหนือจากนี้ อ่านต่อคลิก

นอกจากนี้รถแต่ละประเภทจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น รุ่นรถ ประเภทรถ ขนาดเครื่องยนต์ ซี.ซี.รถ อายุรถ น้ำหนักรถ เป็นต้น โดยมีรายละเอียดอัตราต่อภาษีรถ2566 ดังนี้

อัตราภาษีรถแต่ละประเภท ปี 2566

1.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือดำ (ป้ายดำ) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

เครื่องยนต์ขนาด 1-600 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 50 สตางค์

เครื่องยนต์ขนาด 601-1,800 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 1.50 บาท

เครื่องยนต์ขนาด 1,801 ซีซี ขึ้นไป คิดเป็น ซีซี ละ 4 บาท

ในกรณีเมื่อรถมีการใช้งานเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป การต่อภาษีรถ2566 จะเสียภาษีรถยนต์ลดลงตามสัดส่วนดังนี้

รถยนต์อายุเกิน 6 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 10%

รถยนต์อายุเกิน 7 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 20%

รถยนต์อายุเกิน 8 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 30%

รถยนต์อายุเกิน 9 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 40%

รถยนต์อายุเกิน 10 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 50%

2.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว (ป้ายเขียว) รถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง  

น้ำหนักรถ 501- 750 กิโลกรัม อัตราภาษี 450 บาท 

น้ำหนักรถ 751 – 1,000 กิโลกรัม อัตราภาษี 600 บาท

น้ำหนักรถ 1,001 – 1,250 กิโลกรัม อัตราภาษี 750 บาท

น้ำหนักรถ 1,251 – 1,500 กิโลกรัม อัตราภาษี 900 บาท

น้ำหนักรถ 1,501 – 1,750 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,050 บาท

น้ำหนักรถ 1,751 – 2,000 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,350 บาท

น้ำหนักรถ 2,001 – 2,500 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,650 บาท

3.รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือน้ำเงิน (ป้ายน้ำเงิน) รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง  

น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,300 บาท

น้ำหนักรถเกิน 1,800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,600 บาท

การตรวจสภาพรถ

รถที่มีอายุเกิน 7 ปี จะต้องมีการตรวจสภาพรถก่อนยื่นต่อทะเบียนรถหรือยื่นต่อภาษีรถประจำปีที่ ตรอ.ใกล้บ้าน แต่หากรถคันนั้นมีการขาดต่อภาษีรถ จะต้องนำรถไปตรวจสภาพที่ขนส่งเท่านั้น ทั้งนี้การตรวจสภาพรถก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่น และสภาพแวดล้อมด้วย ซึ่งรถที่นำมาใช้บนท้องถนน ต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยการตรวจสภาพรถนั้นจะมีการตรวจสภาพรถตามรายการดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบเล่มทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนรถยนต์ก่อน ว่ามีความถูกต้องตรงกับรถยนต์ของคุณหรือไม่ 
  2. ตรวจสภาพรถยนต์ภายนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานได้ปกติหรือไม่  
  3. ตรวจสภาพรถยนต์ภายใน อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานได้ปกติหรือไม่  
  4. ตรวจสภาพใต้ท้องรถ
  5. ตรวจค่าไอเสีย-วัดเสียงท่อไอเสีย
  6. การตรวจวัดควันดำ
  7. การรายงานผลการตรวจสภาพรถ

กรณีไม่ผ่านการตรวจสภาพรถ เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการตรวจสภาพและข้อบกพร่องให้ผู้ที่นำรถเข้ารับการตรวจสภาพรับทราบ พร้อมทั้งมอบเอกสารส่วนที่ 2 ให้เจ้าของรถเพื่อให้เป็นหลักฐานในการตรวจสภาพรถอีกครั้งภายหลังจากแก้ไขข้อบกพร่องแล้ว โดยมีรายละเอียดการตรวจสภาพรถใหม่ ดังนี้

  1. กรณีตรวจสภาพรถยนต์ใหม่ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพครั้งแรก ให้ตรวจเฉพาะรายการข้อบกพร่องที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพ
  2. กรณีตรวจสภาพรถใหม่เกิน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพครั้งแรกให้ตรวจสภาพรถยนต์ใหม่ทุกรายการ

นอกจากนี้ยังมีรถที่ไม่สามารถนำไปตรวจสภาพรถยนต์ที่ตรอ.ได้ ต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น คือรถที่ดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้ ดังนี้

  1. รถที่เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ ยกตัวอย่างเช่น รถเคยยกเครื่องแล้วเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใส่แทน เปลี่ยนลักษณะรถผิดไปจากเดิม เป็นต้น
  2. รถที่ไม่สามารถตรวจสอบเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ได้ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขเลข ขูด ลบ หรือไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
  3. รถที่เจ้าของแจ้งไม่ใช่รถชั่วคราว หรือไม่ใช้ตลอดไปไว้
  4. รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001,กทจ-0001 จึงต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่เมื่อนำมาเสียภาษีประจำปี
  5. รถที่มีปัญหาเคยถูกขโมยแล้วได้คืน
  6. รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี คันละ 200 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 บาท กิโลกรัม คันละ 300 บาท

เล่มหาย

เรารู้แล้วว่าเล่มรถ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากตกอยู่ในมือของมิจฉาชีพย่อมไม่ดีแน่นอน หากพบว่าเล่มรถหายไปจริง ๆ เจ้าของรถจะต้องรีบดำเนินการดังนี้

1.การแจ้งความเมื่อ เล่มทะเบียนรถยนต์หาย

เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยแจ้งว่าทะเบียนรถยนต์หาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกใบแจ้งความ เพื่อให้คุณนำใบแจ้งความนี้ไปยื่นขอเล่มทะเบียนรถยนต์ใหม่ที่สำนักงานขนส่ง

2.การยื่นเรื่องขอเล่มทะเบียนรถยนต์ใหม่ที่สำนักงานขนส่ง

1.นำใบแจ้งความไปยื่นขอเล่มทะเบียนรถยนต์ใหม่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดที่คุณจดทะเบียนไว้

2.ไปที่แผนกทะเบียน แจ้งว่าต้องการขอเล่มทะเบียนใหม่ จากนั้นกรอกแบบฟอร์มคำขอให้เรียบร้อยพร้อมกับยื่นเอกสารได้แก่ ใบแจ้งความ บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ (ตัวจริง) หนังสือมอบอำนาจ (กรณีเข้าของรถไม่สะดวกมาเอง) กรณีจดทะเบียนแบบนิติบุคคล เตรียมหนังสือรับรองการจดทะเบียนพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม

3.รับบัตรคิวรอรับเล่มทะเบียนรถยนต์เล่มใหม่ โดยเล่มทะเบียนจะประทับคำว่า “ออกแทนเล่มที่สูญหาย” กำกับไว้

2.เอกสารที่ใช้สำหรับขอเล่มทะเบียนรถยนต์ใหม่

1.ใบสำคัญแจ้งความ (รับได้ที่สถานีตำรวจ)

2.บัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริงของเจ้าของรถ

3.หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่เจ้าของรถไม่สะดวกไปแจ้งความเอง)

4.กรณีจดทะเบียนแบบนิติบุคคล ให้นำหนังสือรับรองการจดทะเบียน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม

เปลี่ยนเล่มรถเป็นเงิน

นอกจากเล่มรถจะมีความสำคัญในเรื่องของการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถสามารถทำได้ คือการเปลี่ยนเล่มรถเป็นเงิน หรือที่เรียกว่าสินเชื่อทะเบียนรถ เป็นการนำเล่มทะเบียนรถมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เพื่อนำเงินไปใช้ในการต่อยอดอาชีพ แก้ไขปัญหาสภาพคล่อง โดยวงเงินที่ได้รับจะมาจากการประเมินจากตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อ รุ่นรถ อายุการใช้งาน สภาพรถ การติดแก๊สหรือการดัดแปลงมาหรือไม่ เป็นต้น 

4 จุดเช็กเล่มทะเบียนจริงหรือปลอม

เล่มรถเป็นสิ่งสำคัญต่อการเป็นเจ้าของรถ การทำธุรกรรมเกี่ยวกับรถ ทั้งนี้เล่มรถยังมีการทำของปลอมขึ้นมา เพื่อเป็นการปลอมเอกสารในการซื้อขายรถที่ผิดกฎหมาย รถย้อมแมวขาย หรือรถที่ถูกขโมยมา เราจึงได้แนะนำวิธีการดูเล่มรถ เล่มรถไหนของจริง เล่มรถไหนหลอก มาฝากกันค่ะ 

  1. รายการจดทะเบียน (หน้า 4)

วันเดือนปีที่จดทะเบียน เลขเครื่องยนต์ และเลขตัวถัง ในเล่ม ต้องตรงกับเลขที่ถูกปั๊มไว้ที่เครื่องยนต์

  1. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ (หน้า 5 หรือหน้าเลขคี่)

ผู้ถือสิทธิ์ครอบครองรถจะต้องเป็นชื่อเดียวกับผู้โอนสิทธิ์

  1. รายการภาษี (หน้า 16)

เช็กความต่อเนื่องในการต่อภาษีรถยนต์ ควรมีอัพเดตทุกปี หากไม่มีให้เอาเล่มรถตรวจสอบที่ขนส่งทันที

  1. รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ (หน้า 18)

เช็กประวัติการโอน การนำเข้า ปรับเปลี่ยน ยกเลิกหรือระงับการใช้งานของรถยนต์ 

แต่ในกรณีที่เล่มรถมีการประทับตราว่า “ออกแทนเล่มสูญหาย” ในทางไฟแนนซ์บางแห่งอาจจะไม่รับจัดไฟแนนซ์ เพราะป้องกันปัญหานำรถที่ติดไฟแนนซ์จากที่หนึ่ง เอามาจัดไฟแนนซ์ใหม่กับอีกแห่งหนึ่ง โดยที่เล่มยังอยู่กับไฟแนนซ์เดิม แต่ทั้งนี้ลองสอบถามสาเหตุหรือเช็กประวัติการโอนรถที่ขนส่งก่อนได้ หรือหากรถคันนั้นมีประวัติการโอนปกติ หรือมีประวัติการเอารถเข้าไฟแนนซ์ก็สบายใจได้ 

สินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงิน 

ก่อนที่หลายคนจะตัดสินใจซื้อรถสักคัน คงต้องมีการคิดมาก่อนแล้วว่าจะเลือกซื้อรถด้วยเงินสด หรือเงินผ่อนดี แต่สำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อรถด้วยเงินสดก่อน แล้วจะนำรถมาเข้าไฟแนนซ์ ขอสินเชื่อทะเบียนรถในภายหลัง เพื่อนำเงินกลับไปใช้จ่ายหมุนเวียน แล้วผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้สามารถมีเงินก้อนกลับมาติดกระเป๋า นำมาใช้จ่ายหมุนเวียน แถมยังมีรถเพิ่มขึ้นมาอีกคัน แต่หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาว่า ไฟแนนซ์มักจะดูว่าคุณถือกรรมสิทธิ์รถคันนั้นมาแล้วกี่วัน หลายแห่งใช้เวลาในการครอบครองรถนาน 2- 3 เดือน ทำให้ไม่สะดวกกับผู้ที่ต้องการเงินก้อนกลับมาใช้ หรือสำรองเงินไว้ในภายหลัง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเมื่อมาที่เฮงลิสซิ่ง

เพียงคุณโอนรถเป็นชื่อคุณแล้ว สามารถเอารถเข้าไฟแนนซ์ ขอสินเชื่อทะเบียนรถที่เฮงลิสซิ่งได้เลย ไม่ต้องรอครอบครองรถนานเป็นเดือน ก็มีเงินก้อนกลับมาใช้ แถมรถยังมีใช้งานเหมือนเดิม รับหลากหลายอาชีพ สมัครง่าย รู้ผลไว ให้วงเงินสูง รถปีเก่าปีใหม่กู้ได้ ผ่อนสูงสุด 84 งวด

เล่มรถ หรือ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เป็นหลักฐานที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์รถคันนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังช่วยให้ทราบประวัติของรถที่ผ่านมาเพื่อใช้ประกอบตัดสินใจในการซื้อขายรถ เพราะภายในเล่มรถจะมีรายละเอียดตัวรถทั้งหมด ไม่ว่าจะรายละเอียดเครื่องยนต์ การต่อภาษี การดัดแปลงรถ การทำสี การโอนเล่ม เป็นต้น นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสักก้อน ก็ยังสามารถนำรถพร้อมเล่มรถ มาขอสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงินที่เฮงลิสซิ่งได้ เงินมีใช้ รถมีขับ รับเงินก้อนพร้อมใช้ ไม่ต้องโอนเล่ม และสำหรับใครที่เพิ่งครอบครองกรรมสิทธิ์รถ ก็สามารถนำรถพร้อมเล่มมาขอสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงินได้เลย ไม่ต้องรอระยะเวลาการครอบครองเล่มแต่อย่างใด สนใจสอบถามหรือสมัครสินเชื่อออนไลน์ คลิก