เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา บริษัท เฮงลิสซิ่ง ร่วมแจกน้ำดื่มเย็นชื่นใจ และพัด ให้กับผู้ที่มาร่วมงานประเพณีเลี้ยงดง บวงสรวง ปู่แสะ ย่าแสะ ประจำปี 2562  ซึ่งจัดขึ้นโดยเทศบาลตำบลแม่เหียะ ณ บริเวณเชิงวัดพระธาตุดอยคำ (ศาลปู่แสะ – ย่าแสะ) และลานพิธีเลี้ยงดง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและมีผู้เดินทางมาร่วมชมพิธีอันศักดิ์สิทธฺิ์และชมบารมีของปู่แสะ ย่าแสะ เป็นจำนวนมาก

“งานประเพณีเลี้ยงดง” คือ การเซ่นสรวงดวงวิญญาณผีในป่า

“ดง” หมายถึง ป่าไม้หรือป่าดงดิบ

ประเพณีเลี้ยงดงเป็นความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของชาวลัวะ และสืบทอดมานานกว่า 200 ปี โดยถือเอาวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 9 เหนือ หรือ ก่อนฤดูทำนาเป็นวันประกอบพิธี

พิธีนี้เป็นพิธีที่แปลกพิสดาร มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นการล้มควายหนุ่ม นำมาชำแหละ นำส่วนหัวและส่วนหนังมาปูพื้น และให้ร่างทรงดวงวิญญาณของปู่แสะ ย่าแสะ หรือยักษ์ปู่ย่าผู้คอยดูแลปกป้องผืนป่าบริเวณดอยคำ และดอยสุเทพ มากินเครื่องบวงสรวงที่เป็นเนื้อควายและเลือดสดๆ โดยเชื่อกันว่าการเลี้ยงดงด้วยเครื่องเซ่นไหว้ จะทำให้เกิดความร่มเย็น ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ฝนตกตามฤดูกาล ประชาชนไม่เจ็บไข้มีสุขภาพดี และหากใครเป็นที่ผู้ทำลายป่าก็จะต้องมีอันเป็นไป

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “คนกับป่าไม้” อยู่คู่กันมาตลอด ป่าไม้เป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรทางธรรมชาติ และคนอาศัยป่าในการดำรงชีวิตอยู่ ประเพณีนี้จึงยังคงอนุรักษ์ไว้และถือปฏิบัติตามรูปแบบดั้งเดิมเป็นประจำทุกปี ภายใต้การสนับสนุนของเทศบาลเมืองแม่เหียะ และสภาวัฒนธรรมตำบลแม่เหียะ โดยไม่เพียงแต่เป็นการคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ความเชื่อนี้ยังเป็นการปกป้องรักษาป่าในบริเวณดอยคำและดอยสุเทพ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าบุกรุกทำลายป่าและช่วยกันดูแลผืนป่าแห่งนี้ด้วย

ทั้งนี้สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้บันทึกประวัติความเป็นมาของประเพณีนี้ว่า ในสมัยก่อนบ้านเมืองแถบนี้เป็นของชาวลัวะ ที่ชื่อว่า “บุรพนคร” ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงและดอยอ้อยช้าง อยู่มาวันหนึ่ง มียักษ์ 3 ตนพ่อ แม่ ลูก มาจับชาวเมืองไปกิน ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับรู้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน พระองค์และสาวกจึงเสด็จมาประทับที่ดอยใต้ โดยมีชาวลัวะ 4 คนเข้าเฝ้า และถวายอาหารด้วยความเลื่อมใส พระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรมโปรดชาวลัวะทั้ง 4 และชาวลัวะได้ขอบวชเป็นพระภิกษุ

หลังจากนั้น พระพุทธองค์ ได้ทรงทำนายว่า เมืองแห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองชีใหม่ (แล้วจึงเพี้ยนมาเป็นเมืองเชียงใหม่) เมื่อพระพุทธองค์ ได้สนทนากับพระชาวลัวะทั้ง 4 รูป ก็ทำให้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของชาวลัวะ พระพุทธองค์ จึงสั่งให้ตามยักษ์ทั้ง 3 ตนมาพบ พร้อมกับทรงแสดงอภินิหารและแสดงธรรม จนยักษ์ทั้ง 3 ตนเกิดความเลื่อมใส พร้อมกับสมาทานศีล 5 แต่ยักษ์กลับนึกได้ว่า ตนจำเป็นต้องกินเนื้อ ยักษ์จึงต่อรองขอกินควายวันละตัว พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต ยักษ์จึงขอกินควายเดือนละตัว พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุญาต จากนั้นยักษ์จึงขอกินควายปีละตัว พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบ ยักษ์จึงหันไปขอกับเจ้าเมือง และเจ้าเมืองจึงตอบตกลงให้ยักษ์สามารถกินควายได้ปีละตัว จนเกิดเป็นความเชื่อและประเพณีดังกล่าว และจัดขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน