เนื้อหาของบทความ

ทำยังไงดีเมื่อใบขับขี่หมดอายุแต่ลืมไปต่อ ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี มีค่าปรับหรือไม่ หรือต้องอบรมทำใบขับขี่ใหม่อีกหรือเปล่า วันนี้เราจะมาอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี จะต้องทำอย่างไร รวมไปถึงการต่ออายุใบขับขี่ที่หมดเกิน 1 ปี ขึ้นไป จะต้องทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาฝากค่ะ

ต่ออายุ ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี 2566 ต้องอบรมไหม?

ผู้ขับขี่หลายคนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของใบขับขี่ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนลืมดูใบขับขี่ของตนว่าหมดอายุไปเสียแล้ว สำหรับใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ต้องต่ออายุภายในกี่วันนั้น หากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี สามารถยื่นคำขอต่อใบขับขี่ได้เลย นอกเหนือจากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องมีการสอบข้อเขียนใหม่ ส่วนใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป จะต้องผ่านการอบรมใบขับขี่ใหม่ และจะต้องมีการทดสอบการขับขี่ใหม่ เหมือนกับการทำใบขับขี่ใหม่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ต้องรีบไปต่อใหม่ทันที แม้ว่าใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี จะไม่ต้องอบรมใหม่แต่หากเจอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจก็อาจจะมีโทษตามกฎหมายเนื่องจากใบขับขี่หมดอายุนั่นเอง  สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี มีดังนี้   

  1. ใบขับขี่ใบเดิมที่หมดอายุไปแล้ว
  2. บัตรประชาชน
  3. ใบรับรองแพทย์

เมื่อเตรียมเอกสารเพื่อต่อใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ก็ไปทำเรื่องที่สำนักงานขนส่งตามวันและเวลาที่จองคิวออนไลน์ไว้ได้เลย สำหรับขั้นตอนการจองคิวออนไลน์เพื่อทำใบขับขี่มีดังนี้

1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่ ทั้ง android และ ios

2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปต่อใบขับขี่

3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต” และเลือกการต่ออายุรถตามประเภทของรถ

4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง

5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ

6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียมเป็นอันเสร็จ

**สำหรับผู้ที่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ผู้ที่มีใบขับขี่แต่หมดอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ไม่เกิน 90 วัน**

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่เพิ่มเติม คลิก

ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ต้องทำอย่างไร?

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ไม่ต้องอบรมใหม่สามารถนำเอกสาร ยื่นเรื่องที่สำนักงานขนส่งได้เลย แต่หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป จะต้องทำอย่างไรบ้าง เราขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ 

กรณีใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี  ต้องดำเนินการสอบข้อเขียนใหม่ โดยต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 90% หรือตอบถูกมากกว่า 45 ข้อจาก 50 ข้อ

กรณีใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ต้องดำเนินการอบรมใบขับขี่และทดสอบการขับขี่ใหม่ทั้งหมด แบบเดียวกับที่จะขอทำใบขับขี่ใหม่นั่นเอง นอกจากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแล้ว จะมีโทษตามกฎหมายเมื่อถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สำหรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้น ยังต้องเสียเวลาไปเดินเรื่องเพื่อขอสอบใบขับขี่ใหม่ รวมไปถึงต้องสอบใหม่ทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย

ส่วนการอบรมใบขับขี่ออนไลน์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำผ่านระบบ DLT e-learning โดยมีวิธีการเข้าอบรมใบขับขี่ออนไลน์ดังนี้

การอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์

1.เริ่มต้นต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ DLT e-learning 

2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน” สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้าใช้งาน

3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด

4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง

4.เลือกข้อ1.แบบทดสอบก่อนอบรม

5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม 

6.ดูวิดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล

7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ

8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม เมื่อผ่านการอบรมใบขับขี่ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการจองคิวออนไลน์เพื่อจองวันและเวลาเพื่อเข้ามายื่นเรื่องทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งต่อไปค่ะ

ใบขับขี่หมดอายุ พ.ร.บ.คุ้มครองหรือไม่?

แม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่ แต่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็ยังสามารถได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.รถได้โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก เพราะถือเป็นหลักประกันเบื้องต้นให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คู่กรณี หรือบุคคลอื่นที่ประสบอุบัติเหตุ จะได้รับความคุ้มครองเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยต่าง ๆ และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการต่อ พ.ร.บ.รถจะต้องทำก่อนที่มีการเสียภาษีรถประจำปี เพราะหากไม่ต่อพ.ร.บ.รถก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถประจำปีได้นั่นเอง โดยรายละเอียดความคุ้มครองของพ.ร.บ.รถนั้น มีดังนี้

1.ค่ารักษาพยาบาลตามจริงคนละไม่เกิน 80,000 บาท

2.ค่าสินไหมทดแทน กรณีสูญเสียอวัยวะ*/ทุพพลภาพอย่างถาวรหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุดคนละ 500,000 บาท

3.ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต สูงสุดคนละ 500,000 บาท

4.เงินชดเชยกรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาล วันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน

หมายเหตุ *กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัท พ.ร.บ.ได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้

1.ค่ารักษาพยาบาลตามจริง คนละไม่เกิน 30,000 บาท

2.ค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร   คนละไม่เกิน 35,000 บาท

3.ค่าปลงศพ ไม่เกิน 35,000 บาท

4.หากเกิดความเสียหาย หลายกรณีรวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกินคนละ 65,000 บาท

หมายเหตุ : กรณีผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกัน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น

รถล้มเอง ไม่มีใบขับขี่ เบิกพ.ร.บ.ได้หรือไม่?

กรณีที่คุณขี่รถจักรยานยนต์ แต่บังเอิญเกิดรถล้มเอง และไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ ก็สามารถเบิกพ.ร.บ.ได้ เพราะสิ่งสำคัญของการเบิกพ.ร.บ.รถคือ พ.ร.บ.รถคันนั้นต้องไม่ขาด ไม่หมดอายุ เพราะพ.ร.บ.ขาดเท่ากับหมดความคุ้มครองนั่นเอง โดยเอกสารที่ใช้สำหรับเบิกพ.ร.บ.มีดังต่อไปนี้

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  • สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
  • สำเนาหนังสือเดินทาง
  • สำเนารายการจดทะเบียนของรถ
  • ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
  • ใบแจ้งหนี้ค่ารักษาพยาบาล
  • หนังสือรับรองการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน
  • สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน
  • ใบรับรองแพทย์รับรองการสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวร
  • หนังสือรับรองความพิการ
  • ใบมรณบัตร

ใบขับขี่หมดอายุ ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่?

หากใบขับขี่หมดอายุ แต่คุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1,2+,3+หรือ3+ แม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่แต่คุณเป็นฝ่ายถูก ประกันจะต้องจ่าย ยกเว้นว่ารถของคู่กรณีไม่มีประกันรถยนต์ 

แต่หากไม่มีใบขับขี่แต่คุณเป็นฝ่ายผิด จะแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ 

ใบขับขี่หมดอายุ/ใบขับขี่ถูกยึด ประกันจะไม่มีคุ้มครอง เนื่องจากคุณมีความสามารถในการขับรถแม้ว่าใบขับขี่หมดอายุ 

ไม่ได้พกใบขับขี่ ประกันจะคุ้มครองทั้งรถเราและคู่กรณี กรณีที่มีสำเนาหรือรูปถ่ายยืนยันได้ว่ามีใบขับขี่จริง

ไม่มีใบขับขี่เลย ประกันจะคุ้มครองความเสียหายกับบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถเราและรถคู่กรณีแต่อย่างใด

แนวข้อสอบใบขับขี่ 2566

หากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จะต้องมีการสอบข้อเขียนใหม่ หลายคนอยากรู้ว่าแนวทางการทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 เป็นอย่างไร ข้อสอบมีกี่ข้อ ต้องทำให้ได้กี่ข้อจึงจะถือว่าสอบผ่านข้อเขียน ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าคนที่ต้องเตรียมตัวทำข้อสอบใบขับขี่นั้น ได้แก่  ผู้ที่ทำใบขับขี่ครั้งแรก ผู้ที่มีใบขับขี่แบบชั่วคราวอายุ 2 ปีหมดอายุเกิน 1 ปี  หรือผู้ที่มีใบขับขี่ชนิด 5 ปี ขาดต่อเกิน 1 ปี โดบข้อสอบใบขับขี่จะมีทั้งหทด 50 ข้อ 9 หมวด ผู้สอบจะต้องทำข้อสอบให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป หรือทำได้ 90% ขึ้นไปจึงจะถือว่าทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 ภาคทฤษฎีผ่าน ก่อนที่จะทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 จะต้องเตรียมตัวดังนี้ 

คุณสมบัติการทำใบขับขี่ใหม่

  • อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
  • ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
  • ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
  • ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
  • ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

ระยะเวลาการทำใบขับขี่ใหม่

วันที่ 1  

  • ทดสอบสมรรถภาพทางกาย
  • อบรมการขับขี่ 5 ชั่วโมงโดยประมาณ  ช่วงเช้า (9.30-12.00) และช่วงบ่าย (13.00-15.30)
  • ทำการทดสอบทฤษฎี และข้อสอบใบขับขี่ข้อเขียนภายในวันนั้น

วันที่ 2  

  • จะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า เป็นการสอบภาคปฏิบัติ
  • รับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมีอายุ 2 ปี
  • ชำระเงิน/ออกใบเสร็จรับเงิน/พิมพ์ใบอนุญาตขับรถ/จ่ายใบอนุญาตขับรถ

แนวข้อสอบใบขับขี่ 2566 ออกอะไรบ้าง

แนวข้อสอบใบขับขี่ 2566 มีทั้งหมด 50 ข้อ ซึ่งผู้สอบต้องทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 ให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป หรือ 90% ถึงจะผ่านการทดสอบใบขับขี่ 2566 โดยหมวดหมู่ข้อสอบใบขับขี่ 2566 มี 9 หมวด ได้แก่ 

  1. หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
  2. หมวดกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก
  3. หมวดเครื่องหมายพื้นทาง
  4. หมวดป้ายบังคับ
  5. หมวดป้ายเตือน
  6. หมวดป้ายแนะนำ
  7. หมวดมารยาทและจิตสำนึก
  8. หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย
  9. หมวดการบำรุงรักษารถ

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

  1. ในขณะขับรถผู้ขับขี่จะต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ ใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถหรือใบขับขี่ด้วย
  2. ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบกและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร ต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายใน 7 วัน
  3. เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหายหรือชำรุด ต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน
  4. ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  5. ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุ 1 ปี

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก

  1. การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกต้อง ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
  2. ผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวรถต้องชะลอและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
  3. การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องหยุดหลังเส้นแนวหยุด
  4. บริเวณทางโค้งรัศมีแคบห้ามแซง
  5. การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางโดยห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดเครื่องหมายพื้นทาง 

ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของเครื่องหมายพื้นทางต่าง ๆ เช่น เส้นชะลอความเร็ว ขับรถในช่องจราจร ห้ามแซง หรือคร่อมเส้นแต่สามารถแซงได้ เป็นต้น 

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดป้ายบังคับ 

ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายบังคับต่าง ๆ เช่น ป้ายห้ามกลับรถไปทางขวา ป้ายห้ามจอดรถทุกชนิด ป้ายห้ามใช้เสียง เป็นต้น 

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดป้ายเตือน

ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายเตือน ต่าง ๆ 

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดป้ายแนะนำ 

ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายแนะนำต่าง ๆ 

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดมารยาทและจิตสำนึก

  1. ทัศนคติและจิตสำนึกในการขับรถอย่างปลอดภัยของผู้ขับรถคือ ขับรถอย่างมีสติเคร่งครัดวินัยจราจรแสดงออกถึงมารยาทและน้ำใจ
  2. คนขับรถและผู้โดยสารทุกคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่นั่งตอนหน้าและตอนหลังรถ จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารไปในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
  3. เพื่อให้แซงรถได้อย่างปลอดภัยและไม่เสียมารยาท ผู้ขับรถควรให้สัญญาณไฟก่อนแซง เร่งความเร็วแซงขึ้นไป เว้นระยะห่างก่อนให้สัญญาณไฟขอกลับช่องจราจรเดิม เร่งความเร็วรถให้เหมาะสมกับรถที่อยู่ด้านหน้า
  4. การให้สัญญาณไฟที่ถูกต้องเมื่อขับรถเข้าสู่ทางร่วมทางแยก ให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา
  5. แตะเบรกเตือนให้รถหลังรู้ว่าท่านกำลังจะหยุดรถ และหยุดรถตรงทางม้าลาย เมื่อเห็นคนยืนบนฟุตบาทและแสดงท่าที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลาย

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย

  1. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรเหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
  2. การขับรถขณะฝนตก ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
  3. สัญญาณไฟสีแดง ไม่ควรปรากฏบนแผงหน้าปัดรถขณะขับรถ
  4. การจับพวงมาลัย วิธีที่ถูกต้องสุด ก็คือ นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว พยายามอย่าจับให้มือทั้งสองข้างพันกัน เพราะจะทำให้เราขับไม่ถนัด หรือเลี้ยวรถไม่ได้
  5. การคาดเข็มขัดนิรภัย จะต้องตรวจสอบการใช้งานของเข็มขัดนิรภัยก่อน ด้วยการ กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค ให้แน่นสนิท เพื่อความปลอดภัยขณะขับรถ

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดการบำรุงรักษารถ

  1. รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจาก แบตเตอรี่ไม่มีไฟ
  2. การตรวจเช็กแบตเตอรี่แบบง่าย ๆ ว่ามีไฟปกติหรือไม่ ทำได้โดย บีบแตรและฟังเสียงว่าปกติหรือเบาลง
  3. ผู้ขับขี่ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน เมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ
  4. ถ้าขั้วแบตเตอรี่มีคราบขี้เกลือให้ใช้น้ำอุ่นล้างและทาจาระบี
  5. ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วลบก่อน

นี่เป็นเพียงแนวข้อสอบของการสอบใบขับขี่ปี 2566 สามารถอ่านรายละเอียดแบบเต็มได้ที่นี่ คลิก ที่พอจะทำให้ผู้ขับขี่ทราบแนวทางหากต้องไปทำใบขับขี่ใหม่หรือต่ออายุใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้นไป ที่จำเป็นจะต้องสอบใบขับขี่ใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้หากไม่อยากผ่านขั้นตอนยุ่งยากในการทำใบขับขี่ใหม่ ก็ควรจะวางแผนทำใบขับขี่ล่วงหน้า หรือหากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ให้รีบไปยื่นเรื่องทำใบขับขี่ใหม่ที่ขนส่งได้เลย เพราะนอกจากจะไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่เรียกตรวจแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับ และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งสอบข้อเขียนอีก 

ใบขับขี่หมดอายุสามารถจองคิวออนไลน์เพื่อเข้าไปทำ ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี  หรือสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้  โดยไม่ต้องรอให้ใบขับขี่หมดอายุก่อนก็ทำได้เช่นกัน เพราะหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ ใบขับขี่หมดอายุ หรือไม่พกใบขับขี่ หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจจะมีโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ..2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทอีกด้วย ทางที่ดีการวางแผนต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ก่อนใบขับขี่หมดอายุได้ถึง 6 เดือน หรือ 180 วัน เลยทีเดียว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่หลงลืมที่จะต่อใบขับขี่ ไม่ปล่อยให้ใบขับขี่ขาด และจะได้มีเวลามากพอสำหรับการต่อใบขับขี่หมดอายุลืมต่ออายุใบขับขี่ได้ นอกจากผู้ขับขี่จะต้องพกใบขับขี่ติดตัวไว้แล้ว การทำประกันรถยนต์ยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางที่นอกเหนือจากการทำพ.ร.บ.รถเพียงอย่างเดียว เพราะการทำประกันรถ จะคุ้มครองทั้งคน รถ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่คาดฝัน รวมไปถึงการชนที่ไม่มีคู่กรณี* หรือภัยธรรมชาติ* อีกด้วย (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขประกัน) สนใจทำประกันรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ คลิก