เนื้อหาของบทความ

ในปัจจุบันการทำใบขับขี่ 2566 สามารถ walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งหรือทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ได้เช่นกัน และมีขั้นตอนการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ง่ายกว่าที่คิด ทั้งนี้การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 จะต้องเตรียมเอกสารอะไร และดำเนินการอย่างไรบ้าง บทความนี้เราจะอัปเดตการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 กัน

การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ต้องทำอย่างไร

ใบขับขี่รถเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องพกติดตัวเสมอ สำหรับการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นอกจากจะสามารถทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว ยังสามารถ walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังต้องมีการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT-e learning ก่อน แต่สำหรับการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นั้นเป็นเพียงการต่ออายุใบขับขี่เท่านั้น หากคุณต้องการทำใบขับขี่ใหม่ จะต้องเดินทางไปยื่นเรื่องที่ขนส่งเหมือนเดิม  รวมไปถึงการรับใบขับขี่จะต้องไปสำนักงานขนส่งเนื่องจากจะต้องมีการถ่ายรูปติดบัตร และทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายอีกด้วย แต่การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ช่วยให้คุณลดขั้นตอนการไปรอคิว ไปรอทำเรื่องที่สำนักงานขนส่งนั่นเอง เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ทุกท่านที่ต้องการต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นั่นเองค่ะ โดยขั้นตอนของการต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2566 มีดังนี้

อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์

1.เริ่มต้นต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com

2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน”

3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด

4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง

4.เลือกแบบทดสอบก่อนอบรม

5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม 

6.ดูวีดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล

7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ

8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม

จองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566

หลังจากที่ได้ทำการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ก็มาที่ขั้นตอนการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อจองเวลาที่จะเข้าไปทำเรื่องที่ขนส่งต่อ ซึ่งสามารถจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถโหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพื่อจองคิวทำใบขับขี่ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์

2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปต่อใบขับขี่ออนไลน์

3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต” และเลือกการต่ออายุรถตามประเภทของรถ

4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง โดยหลักฐานมีดังนี้

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ใบขับขี่ฉบับเดิมที่หมดอายุ
  • ใบรับรองแพทย์
  • หลักฐานการผ่านอบรมใบขับขี่ออนไลน์ 
  • ค่าธรรมเนียม สำหรับรถจักรยานยนต์ 255 บาท และรถยนต์ 505 บาท

5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ

6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียม รถจักรยานยนต์ 255 บาท และรถยนต์ 505 บาท เป็นอันเสร็จ

**สำหรับผู้ที่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ผู้ที่มีใบขับขี่แต่หมดอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ไม่เกิน 90 วัน**

ต่อใบขับขี่ออนไลน์ล่วงหน้าได้กี่เดือน

ใบขับขี่หรือใบขับอนุญาตขับขี่ เป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องพกติดตัวไว้เสมอ ไม่ว่าจะขับรถเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ทั้งนี้สำหรับคนที่เคยลืมต่อใบขับขี่หรือคิดว่าอาจจะไม่สะดวกเดินทางไปทำใบขับขี่ที่ขนส่งในวันที่ตรงกับวันหมดอายุของใบขับขี่นั้น ก็สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยเราสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือนนั้น เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับการ ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน มาแนะนำค่ะ โดยปกติแล้วในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน จะต้องมีการจองคิวออนไลน์เพื่อทำเรื่อง ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ที่สามารถจองคิวล่วงหน้าเพื่อเลือกวันเวลาเข้าไปทำเรื่องต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้โดย

ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน

ใบขับขี่ 2 ปี เป็นใบขับขี่ชั่วคราว หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะกลายเป็น 5 ปี ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้

1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท

2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท

ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66

ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน

ใบขับขี่ 5 ปี เป็นใบขับขี่ทั่วไป หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะยังคงเป็น 5 ปีเหมือนเดิม ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้

1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท

2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท

ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66

ใบขับขี่หาย ต้องทำอย่างไร แจ้งความไหม?

ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับขี่ เป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกเป็นใบอนุญาตให้ผู้ขับขี่รถสามารถขับขี่รถได้อย่างถูกกฎหมาย หากผู้ขับขี่ไม่พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หายไม่สามารถนำมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ กฎหมายมีการกำหนดบทลงโทษกรณีไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ได้แก่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ตามมาตรา 64 ความว่า ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากใบขับขี่หาย หากเป็นรถส่วนบุคคลไม่ต้องแจ้งความ  แต่เมื่อรู้ตัวว่าใบขับขี่หายจะต้องมีรีบดำเนินการขอใบขับขี่ใหม่แทนใบขับขี่หาย โดยใบขับขี่หาย สามารถยื่นเรื่องขอใบขับขี่ใหม่ ดังนี้

  •   ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue 
  •   เข้าสู่ระบบโดยใช้บัตรประชาชน
  •   กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนและสร้างรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ
  •   เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการจองคิวทำใบขับขี่
  •   เลือกประเภทงานบริการเป็น งานใบอนุญาต
  •   เลือกประเภทบริการที่ต้องการ เช่น ต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี หรือต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี เป็นต้น
  •   เลือกวันและเวลาที่ต้องการจองคิว จากนั้นยืนยันการจอง
  •   แคปภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐานแสดงแก่เจ้าหน้าที่ที่กรมขนส่งในวันนัดหมาย

เอกสารที่ต้องเตรียมในวันนัดหมาย 

1.บัตรประชาชนฉบับจริง

2.ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน ประทับตราสถานพยาบาลชัดเจน

3.หลักฐานการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน

ขั้นตอนการทำใบขับขี่ใหม่กับกรมการขนส่ง

1.ยื่นเอกสารและหลักฐานการจองคิวผ่านแอป 

2.เขียนใบคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่

3.ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

4.ชำระค่าธรรมเนียม

5.รอรับใบขับขี่ใหม่

ค่าใช้จ่ายในการขอทำใบขับขี่ใหม่ (กรณีสูญหาย)

1.ค่าธรรมเนียมคำขอ ฉบับละ 5 บาท

2.ค่าธรรมเนียมใบแทนกรณีสูญหายหรือชำรุด 100 บาท

3.ค่าบริการถ่ายรูปและพิมพ์ใบอนุญาตขับรถ 100 บาท รวมเป็น 205 บาท

เกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่ 2566 หักกี่คะแนน

ผู้ขับขี่หลายท่านอาจจะเคยได้เห็นข่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เริ่มใช้ระบบการตัดแต้มใบขับขี่ 2566 หรือที่เรียกว่าการตัดแต้มใบขับขี่ การตัดแต้มใบขับขี่ 2566 ผู้ที่มีใบขับขี่ทุกคนจะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนนเต็ม หากมีการกระทำผิดก็จะถูกตัดแต้มใบขับขี่ตามกลุ่มความผิดที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับการตัดแต้มใบขับขี่ ใน 20 ฐานความผิดที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ  จะถูกตัดแต้มใบขับขี่เมื่อทำผิดทันที  โดยการตัดแต้มใบขับขี่จะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์  ใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดแต้มใบขับขี่ในแต่ละครั้ง 

หมายเหตุ : Police Ticket Management หรือ PTM คือระบบจัดการใบสั่งออนไลน์ คลิก ผู้ขับขี่สามารถเข้าไปตรวจสอบใบสั่งจราจรได้ และยังสามารถจ่ายค่าปรับจราจรได้ที่ แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT แอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือชำระที่สถานีตำรวจ,​ ธนาคารกรุงไทย, สาขาของไปรษณีย์ไทย, ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยหรือตู้บุญเติม แล้วหากไม่จ่ายค่าปรับจราจรยังมีผลต่อการต่อภาษีรถ อ่านเพิ่มเติม คลิก โดยมีการตัดแต้มใบขับขี่มีเกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่ 2566 ดังนี้

ตัดแต้มใบขับขี่ 1 คะแนน

1.ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

2.ไม่สวมหมวกกันน็อก

3.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

4.ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด

5.ขับรถบนทางเท้า

6.ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย

7.ไม่หลบรถฉุกเฉิน

8.ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว

9.ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข

10.ไม่ติดป้ายภาษี

ตัดแต้มใบขับขี่ 2 คะแนน

1.ขับรถฝ่าไฟแดง

2.ขับรถย้อนศร

3.ขับรถในระหว่างโดยพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่

ตัดแต้มใบขับขี่ 3 คะแนน

1.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ

2.ขับผิดวิสัยคนขับรถธรรมดา

3.ขับรถชนแล้วหนี

ตัดแต้มใบขับขี่ 4 คะแนน

1.เมาแล้วขับ

2.ขับรถในขณะเสพยาเสพติด

3.แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต

4.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น

สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่

1.หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน  จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน (รถทุกประเภท)

2.หากฝ่าฝืนขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

นอกจากนี้ยังมีความผิดอื่นตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทางจำนวน 42 ฐานความผิด สำหรับความผิดกลุ่มนี้จะมีการตัดแต้มใบขับขี่ เฉพาะกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ได้มาจ่ายค่าปรับตามใบสั่งภายในเวลาที่กำหนด เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ ขับรถไม่ชิดซ้าย เป็นต้น แม้ว่าจะมีการตัดแต้มใบขับขี่ไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถคืนแต้มจากการที่ถูกตัดแต้มใบขับขี่ได้ โดยมีการคืนแต้มจากการตัดแต้มใบขับขี่ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่

1.การคืนคะแนนอัตโนมัติ

2.การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก

การคืนตัดแต้มใบขับขี่

หากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับจราจรและมีการตัดแต้มใบขับขี่ไปแล้ว ผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ก็ยังสามารถได้แต้มใบขับขี่คืนโดยการคืนคะแนนโดยอัตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้   

การคืนคะแนนอัตโนมัติ

คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ  เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน  จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่  โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน

การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก

1.กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง

2.กรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ เมื่อผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก ก็จะได้รับคืนคะแนนตามที่กำหนด โดยหลักสูตรที่ใช้ในการอบรมเพื่อคืนแต้มใบขับขี่ เช่น 

  • วิชาความรู้พื้นฐาน เช่น สถานการณ์อุบัติเหตุในปัจจุบัน ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ 
  • วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน และผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุ 
  • วิชาความรู้ตามข้อหาความผิดที่ผู้เข้ารับการอบรมได้กระทำ 

โดยต้องเข้ารับการทดสอบโดยต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่า 60% จึงถือว่าผ่านการอบรมและการทดสอบ แต่หากทดสอบไม่ผ่านก็ยังสามารถสอบแก้ตัวได้ครั้งที่ 2 ภายในวันเดียวกัน แต่หากยังทดสอบไม่ผ่านอีก จะมีการออกหมายนัดมาทดสอบครั้งที่ 3 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ทดสอบครั้งแรก เมื่อผ่านการทดสอบแล้ว กรมการขนส่งจะทำการแจ้งผลการอบรมและทดสอบเพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อคืนคะแนนให้ผู้ขับขี่ต่อไป ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนแต้มใบขับขี่ของตัวเอง ผ่านช่องทาง เว็บไซต์ E-Ticket PTM 

การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 สามารถเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งทางบก หรือจองคิวออนไลน์ผ่านแอป DLT Smart Queue ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะ walk-in หรือ จองคิวออนไลน์ ก่อนอื่นคุณจะต้องทำการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ก่อน เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องมานั่งรอที่สำนักงานขนส่งนาน ๆ อีกต่อไป ทั้งนี้แม้ว่าจะมีใบขับขี่แล้ว แต่ผู้ขับขี่ก็ยังต้องขับขี่รถด้วยความมีสติ ระมัดระวัง เคารพกฎจราจร และเมาไม่ขับ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุในการขับขี่ และจะได้ไม่ถูกตัดแต้มใบขับขี่ตามเกณฑ์ที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แนะนำเพิ่มความคุ้มครองในการเดินทางด้วยประกันรถยนต์ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ผ่อนสบาย 0% นานถึง 12 งวด* หมดกังวลไม่ต้องควักเงินก้อน ก็สามารถซื้อประกันรถยนต์แบบแบ่งจ่ายได้ จ่ายเบา ๆ แต่ได้รับความคุ้มครองจัดเต็ม สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก