เนื้อหาของบทความ
หากปล่อยให้ ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจขึ้นมาจะมีโทษปรับตามมานั่นเอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นตามมาวันนี้บทความนี้จะมาให้คำแนะนำ การทำใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ ต้องต่อภายในกี่วัน มีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุ ต้องต่อภายในกี่วัน
ใบอนุญาตขับขี่รถถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่รถต้องมีติดตัวไว้เสมอ เพราะถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขับขี่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถและได้ผ่านการทดสอบของกรมการขนส่งทางบกมาเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้หากผู้ขับขี่มีใบขับขี่ยังสามารถได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันได้ และตำแหน่งงานบางประเภทก็จำเป็นต้องใช้ใบขับขี่เพื่อประกอบกับการสมัครงานอีกด้วย แม้ว่าใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพกติดตัวเสมอ แต่หลายคนอาจจะเคยเกิดปัญหาพกไว้จนลืม ลืมที่จะหยิบมาดูว่าใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไปเสียแล้วแต่ก็ยังขับรถบนท้องถนนตามปกติ ซึ่งความจริงแล้วใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่ลืมต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุได้ หากคุณพบว่าตอนนี้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไปแล้ว แนะนำว่าไม่ควรปล่อยเอาไว้เด็ดขาดเพราะนอกจากคุณจะลืมไปต่อใบขับขี่จนทำให้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุ คุณจะมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย ทั้งนี้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไปแล้ว แต่ยังมีการนำรถออกไปใช้ตามปกติ หากเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ ถือว่าผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจรและมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทอีกด้วย ทั้งนี้หากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไปแล้ว จะต้องต่ออายุใบขับขี่รถยนต์ภายในกี่วัน
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุไม่เกิน 1 ปี
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแต่ไม่เกิน 1 ปี สามารถต่อใบขับขี่ได้ที่กรมขนส่งทางบก โดยจะมีค่าธรรมเนียมต่ออายุใบขับขี่เท่านั้น
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 3 ปี
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 3 ปี ผู้ขับขี่จะต้องสอบใบขับขี่ใหม่อีกครั้ง โดยต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 90% หรือตอบถูกมากกว่า 45 ข้อจาก 50 ข้อ
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องสอบใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อบรมใบขับขี่ อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ สอบข้อเขียนและสอบภาคปฏิบัติ เหมือนเริ่มต้นใหม่เลย
เราจะเห็นว่านอกจากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแล้ว จะมีโทษตามกฎหมายเมื่อถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สำหรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้น ยังต้องเสียเวลาไปเดินเรื่องเพื่อขอสอบใบขับขี่ใหม่ รวมไปถึงต้องสอบใหม่ทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย
ต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ได้กี่เดือน
โดยปกติแล้วในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน จะต้องมีการจองคิวออนไลน์เพื่อทำเรื่อง ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ที่สามารถจองคิวล่วงหน้าเพื่อเลือกวันเวลาเข้าไปทำเรื่องต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้โดย
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน
ใบขับขี่ 2 ปี เป็นใบขับขี่ชั่วคราว หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะกลายเป็น 5 ปี ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้
1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท
2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท
ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน
ใบขับขี่ 5 ปี เป็นใบขับขี่ทั่วไป หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะยังคงเป็น 5 ปีเหมือนเดิม ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้
1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 5 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท
2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 5 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท
ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning ต้องทำอย่างไร
ก่อนที่เราจะทำการจองคิวเพื่อทำใบขับขี่นั้นก่อนอื่นจะต้องเข้ารับการอบรมก่อน สมัยก่อนเราจะต้องเดินทางไปรอคิวที่ขนส่งเพื่อเข้าอบรมตามรอบที่ทางขนส่งกำหนด แต่ปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเอารอคิวเพื่ออบรมที่ขนส่งอีกต่อไป เพราะสามารถเข้าระบบ DLT e-Learning เพื่อทำการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้เลย โดยก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning เป็นระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถ โดยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ COVID -19 และเพิ่มความสะดวกในการต่อใบขับขี่ที่ไม่ต้องเดินทางมาขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพขับรถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะให้สามารถเข้ารับการอบรมใบขับขี่ออนไลน์หลักสูตรการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถสามล้อสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถจักรยานยนต์สาธารณะ รวมไปถึงการอบรมหลักสูตรการขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถ ผ่านระบบ DLT e-learning ได้ โดยการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่านระบบ DLT e-learning สามารถเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ โดยจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนั่นเอง
สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งคู่ แต่สำคัญคือต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมเอกสารเพื่อให้สำหรับกรอกข้อมูลลงในระบบดังนี้
สิ่งต้องเตรียมในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีอะไรบ้าง
ก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งคู่ แต่สำคัญคือต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียม
เอกสารเพื่อให้สำหรับกรอกข้อมูลลงในระบบดังนี้
1.เตรียมข้อมูลให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิด สำหรับลงทะเบียนในระบบ DLT e-learning
2.เตรียมเวลาให้ว่าง ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ แม้ว่าจะสามารถนั่งอบรมที่ไหนก็ได้ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาในการอบรมไม่ต่างจากการไปอบรมที่ขนส่ง เพราะฉะนั้นคุณจำเป็นต้องหาเวลาที่ว่าง สะดวก และไม่มีธุระ เพื่อนั่งอบรมใบขับขี่ออนไลน์นี้ ประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ใบขับขี่แต่ละประเภทจะใช้เวลาในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์แตกต่างกัน
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning ต้องทำอย่างไร
ก่อนที่เราจะทำการจองคิวเพื่อทำใบขับขี่นั้นก่อนอื่นจะต้องเข้ารับการอบรมก่อน สมัยก่อนเราจะต้องเดินทางไปรอคิวที่ขนส่งเพื่อเข้าอบรมตามรอบที่ทางขนส่งกำหนด แต่ปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเอารอคิวเพื่ออบรมที่ขนส่งอีกต่อไป เพราะสามารถเข้าระบบ DLT e-Learning เพื่อทำการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้เลย โดยก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning เป็นระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถ โดยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ COVID -19 และเพิ่มความสะดวกในการต่อใบขับขี่ที่ไม่ต้องเดินทางมาขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพขับรถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะให้สามารถเข้ารับการอบรมใบขับขี่ออนไลน์หลักสูตรการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถสามล้อสาธารณะ อบรมใบขับขี่ออนไลน์รถจักรยานยนต์สาธารณะ รวมไปถึงการอบรมหลักสูตรการขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถ ผ่านระบบ DLT e-learning ได้ โดยการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่านระบบ DLT e-learning สามารถเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ โดยจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนั่นเอง
สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งคู่ แต่สำคัญคือต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมเอกสารเพื่อให้สำหรับกรอกข้อมูลลงในระบบดังนี้
สิ่งต้องเตรียมในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีอะไรบ้าง
ก่อนที่คุณจะเริ่มการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าระบบ DLT e-learning สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งคู่ แต่สำคัญคือต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมเอกสารเพื่อให้สำหรับกรอกข้อมูลลงในระบบดังนี้
1.เตรียมข้อมูลให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิด สำหรับลงทะเบียนในระบบ DLT e-learning
2.เตรียมเวลาให้ว่าง ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ แม้ว่าจะสามารถนั่งอบรมที่ไหนก็ได้ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาในการอบรมไม่ต่างจากการไปอบรมที่ขนส่ง เพราะฉะนั้นคุณจำเป็นต้องหาเวลาที่ว่าง สะดวก และไม่มีธุระ เพื่อนั่งอบรมใบขับขี่ออนไลน์นี้ ประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ใบขับขี่แต่ละประเภทจะใช้เวลาในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์แตกต่างกัน
การอบรมใบขับขี่ออนไลน์มีขั้นตอนอย่างไร
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้ามาสู่ขั้นตอนการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ ซึ่งขั้นตอนนั้นไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน โดยมีวิธีการเข้าอบรมใบขับขี่ออนไลน์ดังนี้
1.เริ่มต้นต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/Home
2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน” สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้าใช้งาน
3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด
4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง
4.เลือกข้อ1.แบบทดสอบก่อนอบรม
5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม
6.ดูวิดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล
7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ
8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม
จองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์
หลังจากที่ได้ทำการอบรมออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ก็มาที่ขั้นตอนการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อจองเวลาที่จะเข้าไปทำเรื่องที่ขนส่งต่อ สำหรับผู้ที่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ผู้ที่มีใบขับขี่แต่หมดอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งสามารถจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถโหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพื่อจองคิวทำใบขับขี่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่
2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปต่อใบขับขี่
3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต” และเลือกการต่ออายุรถตามประเภทของรถ
4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง
5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ
6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียมเป็นอันเสร็จ
หากคุณต้องใช้รถใช้ถนนทุกวัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคุณสามารถจัดการกับปัญหา ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุ ได้ด้วยการต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่นานพอสมควรที่จะทำให้คุณสามารถวางแผนเรื่องของการต่ออายุใบขับขี่ได้ นอกจากใบขับขี่รถที่ต้องทีติดตัวแล้ว การทำประกันรถยนต์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำติดรถไว้เช่นกัน เพราะแค่เราออกจากบ้านเดินทางไปทำงาน ไปเรียนหรือไปไหนที่ต่าง ๆ ย่อมมีความเสี่ยงจากการใช้รถใช้ถนน หลายครั้งที่เรามักพบเห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน เช่น รถชนกัน ถอยรถชนต้นไม้ ขับรถเกยขึ้นฟุตบาท รถยางแตก หรือรถเสียกลางทาง อย่างน้อยหากคุณทำประกันรถยนต์ไว้ คุณสามารถโทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อเข้ามาช่วยเหลือคุณเพื่อเคลียร์ปัญหากับคู่กรณี หรือเคลมประกันต่อไป สนใจเลือกประกันรถยนต์ที่ใช่ คลิก