รถของคุณเคยประสบปัญหามีไฟสัญญาณรูปเครื่องยนต์หรือ ไฟเครื่องโชว์ (Check Engine) ขึ้นที่หน้าปัด แต่คุณทราบหรือไม่ว่าสัญญาณไฟนี้หมายความว่าอย่างไร ถ้าไฟเครื่องโชว์แล้วยังสามารถขับรถยนต์ต่อไปอีกได้หรือไม่ หรือต้องจอดรถทิ้งไว้ทันที เรามาดูกันว่าไฟเครื่องโชว์เกิดจากสาเหตุใดบ้าง

สาเหตุที่ทำให้เกิด ไฟเครื่องโชว์ (Check Engine)

ไฟเครื่องโชว์ (Check Engine) หรือไฟเตือนเครื่องยนต์โชว์ คือ ระบบที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถและสถานะของรถ โดยใช้เพื่อแจ้งให้คนขับทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของรถคุณได้ แต่สัญลักษณ์นี้มีความหมายค่อนข้างกว้าง ไม่ได้หมายความว่าเครื่องยนต์พังเสมอไป  เพราะไฟเครื่องโชว์ (Check Engine)   อาจกำลังสื่อถึงอาการความผิดปกติของรถยนต์ของคุณในเรื่องอื่นดังต่อไปนี้

1.ออกซิเจนเซนเซอร์ (Oxygen Sensor)

ออกซิเจน เซนเซอร์ หรือ O2 Sensor คือตัววัดปริมาณออกซิเจนที่ยังไม่เผาไหม้ในระบบไอเสียของรถยนต์ โดยจะส่งข้อมูลไปยัง ECU เพื่อควบคุมส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ หาก O2 Sensor เกิดปัญหา อาจจะส่งผลให้เกิดไฟเตือนเครื่องยนต์จะแสดงออกมา เครื่องยนต์สามารถทำงานต่อไปได้ แต่รถจะกินน้ำมันมากกว่าปกติ

2.เซนเซอร์วัดมวลอากาศ (Air Flow Meter)

Air Flow Meter หรือเซนเซอร์วัดการไหลของอากาศ เป็นอุปกรณ์ช่วยกำหนดปริมาณเชื้อเพลิงที่ไหลเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์เพื่อเผาไหม้ หากเกิดชำรุดหรือทำงานผิดปกติ ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์ก็อาจจะปรากฎออกมาได้เช่นกัน

3.ระบบการวนไอเสีย (EGR)

ระบบหมุนเวียนก๊าซไอเสีย (EGR หรือ Exhaust gas recirculation) คือตัวช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ที่ออกมาจากการเผาไหม้ ด้วยการนำเอาไอเสียวนกลับไปเผาไหม้อีกครั้ง ซึ่งหากไฟเครื่องยนต์โชว์ก็อาจเกี่ยวข้องกับวาล์ว EGR อาจเกิดการอุดตันหรือเสียหายได้

4.คอยล์จุดระเบิด (Ignition Coil)

หากคอยล์ที่ทำหน้าส่งกระแสไฟเพื่อจุดระเบิด หากคอยล์จุดระเบิดเสียจะทำให้เครื่องยนต์สั่น เดินไม่เรียบ และไฟเตือนเครื่องยนต์ผิดปกติปรากฎอยู่ที่หน้าปัด

5.หัวเทียน (Spark Plug)

หัวเทียนซึ่งทำหน้าที่จุดระเบิดหากมีปัญหา เครื่องยนต์จะเดินไม่เรียบ สั่น เพราะทำงานไม่ครบสูบ กำลังหาย เร่งไม่ขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎบนมาตรวัด และยังทำให้ตัวกรองไอเสียอุดตันได้เร็วขึ้นด้วย

6.สายหัวเทียน (Spark Plug Wires)

สายหัวเทียนจะเป็นตัวส่งกระแสไฟฟ้าจากคอยล์ไปยังหัวเทียนเพื่อสร้างประกายไฟในการจุดระเบิดส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศในกระบอกสูบ แต่ในกรณีรถยนต์รุ่นใหม่อาจไม่ได้ใช้สายหัวเทียนแล้ว ส่วนอาการของสายหัวเทียนเสื่อมสภาพ คือ รอบเดินเบาไม่นิ่ง สมรรถนะของเครื่องยนต์ลดลง และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกว่าปกติ

7.เทอร์โมสตัท (Thermostat)

ถ้าเทอร์โมสตัทเกิดความเสียหายจนทำให้อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงกว่าปกติ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎบนหน้าปัด

8.ตัวกรองไอเสีย (Catalytic Converter)

เกิดจากอุปกรณ์แปลงก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ก่อนปล่อยไอเสียจากท่อเกิดชำรุดหรือทำงานผิดปกติ  ส่วนรถแต่งที่ถอดอุปกรณ์ชิ้นนี้ออก ก็เป็นสาเหตุให้ไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎ

9.เปลี่ยนวาล์วระบบควบคุมไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง (Evaporative emission control หรือ EVAP)

วาล์วระบบควบคุมไอน้ำมันระเหยผิดปกติ ไอน้ำมันระเหยน้อยหรือมากกว่าปกติจนทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ หรืออาจเกิดจากหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเสียและอุดตันก็ทำให้ไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้หากไฟเครื่องโชว์แล้ว แต่คุณอยู่ในระหว่างขับรถกลางทาง ก็ยังสามารถประคองรถขับต่อไปได้เพื่อนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่อู่ซ่อมรถได้ โดยไม่ใช้ความเร็วมาก ในรถบางรุ่นอาจจะจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.นอกจากนี้ในรถบางรุ่นอาจจะสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ควรศึกษาจากคู่มือประจำรถเพื่อเป็นการศึกษาเกี่ยวกับรถของตนเองไปด้วย

ทำความรู้จักไฟเตือนหน้าปัดรถและ ไฟเตือนเครื่องยนต์

ไฟเตือนหน้าปัด คือ ระบบที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถและสถานะของรถ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฟเตือนหน้าปัดตรงบริเวณหลังพวงมาลัยรถของคุณ โดยวันนี้เราจะพูดถึง ไฟเครื่องโชว์ที่แผงหน้าปัด โดยใช้เพื่อแจ้งให้คนขับทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของรถคุณได้ ทั้งนี้ความหมายของไฟเครื่องโชว์ แต่ละอันเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ที่ใช้รถทุกท่านควรทำความรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถและไฟเครื่องยนต์โชว์ จากข้อความด้านบนเราได้พูดถึงไฟเครื่องโชว์และสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่เราจะเห็นว่าบนหน้าปัดรถยังมีสัญลักษณ์เตือนอื่น ๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าหมายถึงอะไร นอกจากนี้ไฟเตือนหน้าปัดรถ จะมีสีที่แตกต่างกันขณะที่เราบิดกุญแจหนึ่งจังหวะ ก่อนอื่นเรามารู้จักสีของไฟหน้าปัดรถแต่ละสีก่อนว่ามีความหมายอย่างไร

สีของไฟเตือนหน้าปัดรถที่แตกต่างกันแสดงถึงสถานะของอาการของรถที่แตกต่างกัน  โดยสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่ผู้ใช้รถควรรู้มีดังนี้

1.ไฟเตือนสีแดง หมายถึง อันตราย ต้องหยุดรถทันที และตรวจสอบหาความผิดปกติตามสัญลักษณ์ที่ปรากฎตามหน้าปัดรถ

2.ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง สัญญาณการเตือน แต่รถก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติ เช่น น้ำมันรถใกล้หมด

3.ไฟเตือนสีเขียว หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่

4.ไฟเตือนสีน้ำเงิน หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่แต่ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน

จากภาพประกอบสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถมีความหมายดังต่อไปนี้

(แถว 1 สีเขียว)

– ไฟตัดหมอก

– ระบบไฟหรี่

– แรงดันน้ำมันเบรก

– ไฟด้านข้างถูกใช้งาน

– ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่

– เปิดไฟขอทาง

(แถว 2 สีแดง)

– ไฟเตือนระบบเบรกมือ

– ไฟเตือนอุณหภูมิ

– ไฟเตือนระดับน้ำมันเครื่องต่ำ

– ไฟเตือนระบบพวงมาลัยไฟฟ้าทำงานผิดปกติ

– ไฟเตือนระบบถุงลมนิรภัย

– ไฟเตือนพลังงานแบตเตอรี่

(แถว 3 สีแดง)

– ไฟเตือนพวงมาลัยล็อก

– ไฟเตือนสวิตช์สตาร์ทเกิดการผิดพลาด

– ไฟเตือนเข็มขัดนิรภัย

– ไฟเตือนประตูรถปิดไม่สนิท

– ไฟเตือนฝากกระโปรงรถเปิดใช้งาน

– ไฟเตือนฝากระโปรงท้ายรถเปิดใช้งาน

(แถว 4 สีเหลือง)

– ไฟเตือนเครื่องยนต์ผิดปกติ

– ไฟเตือนตัวกรองน้ำมันเครื่องยนต์มีปัญหา

– ปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ

– ไฟหัวเผาเครื่องยนต์ดีเซล

– ไฟเตือนมีน้ำอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิง

– ไฟเตือนระบบป้องกันล้อล็อกผิดปกติ

(แถว 5 สีเหลือง)

– ไฟเตือนระบบทรงตัวของรถ

– ไฟเตือนลมยางอ่อน

– ไฟเตือนเซนเซอร์ระบบน้ำฝนใช้งาน

– ไฟเตือนผ้าเบรกบาง

– ไฟเตือนระบบไล่ฝ้ากระจก

– ไฟเตือนระบบเกียร์อัตโนมัติมีปัญหา

(แถว 6 สีเหลือง)

– มีน้ำเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิง

– โหมดประหยัดพลังงาน

– ไฟเตือนน้ำยาทำความสะอาดกระจกใกล้หมด

– ไฟเตือนระบบไฟผิดปกติ

– ไฟเตือนไฟเบรกมีปัญหา

– ไฟเตือนระบบตรวจจับน้ำฝนและแสงมีปัญหา

ไฟหน้าปัดไม่ติด เกิดจากอะไร

ไฟเตือนหน้าปัดรถ เป็นสัญญาณที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงความผิดปกติ สัญญาณเตือน รวมไปถึงการใช้ระบบนั้น ๆ อยู่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของรถเช่นเดียวกัน   แต่ทั้งนี้รถยนต์บางคันอาจเกิดปัญหา ขณะที่บิดกุญแจรถ กลับพบว่าไฟหน้าปัดไม่ติด ไม่มีสัญญาณใดปรากฏขึ้นมา แถมรถยังสตาร์ทไม่ติดอีกต่างหาก สาเหตุนี้เกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหา อาจเป็นไปได้ว่าระบบไฟฟ้าของรถมีปัญหาโดยมีสาเหตุมาจากหนูเข้ามากัดสายไฟขาด หรือกล่องควบคุมเครื่องยนต์ หรือ ECU ของรถคุณมีปัญหา บิดกุญแจแล้วไม่มีไฟหน้าปัดโชว์ขึ้น ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดหรืออาจเกิดจากฟิวส์ขาด ฟิวส์ในที่นี้หมายถึงฟิวส์ที่ทำหน้าที่คุมไฟแผงหน้าปัด+ไฟระบบคอยล์+ไฟหัวฉีด ทั้งนี้หากคุณพบปัญหาดังกล่าวสามารถนำรถไปที่อู่ซ่อมรถ หรือศูนย์ซ่อมรถ เพื่อทำการตรวจเช็คและแก้ไขต่อไป

หากพบว่ารถยนต์ของคุณมี ไฟเครื่องโชว์ หรือไฟเตือนเครื่องยนต์ (Check Engine) ปรากฎขึ้นมา  นั่นเป็นสัญญาณของความผิดปกติของเครื่องยนต์ของคุณ แม้ว่าจะยังสามารถขับรถไปต่อได้อีก แต่ทางที่ดีหากเป็นไปได้ ไม่ควรฝืนขับรถต่อไปโดยไม่จำเป็น แต่ควรจะลดความเร็วลงไม่เกิน 60กม./ชม. เพื่อประคองรถไปอู่ซ่อมรถ เพื่อให้ช่างซ่อมรถ ทำการตรวจเช็กรถ ซ่อมแซมในจุดที่มีปัญหาต่อไป ทั้งนี้หากรถของคุณเกิดความผิดปกติในระหว่างการเดินทาง เกิดไฟเตือนเครื่องยนต์โชว์และไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ หากคุณทำประกันรถยนต์ไว้ ก็สามารถโทรเรียกบริษัทประกันเข้ามาช่วยเหลือคุณได้ เพราะการทำประกันรถยนต์จะช่วยดูแลคุณหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว หากรถของคุณเสียกลางทางก็ยังสามารถโทรเรียกบริษัทเพื่อเข้ามาช่วยเหลือคุณได้เช่นเดียวกัน อย่างน้อยการทำประกันรถยนต์ยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนได้นั่นเอง หากสนใจทำประกันรถยนต์ แนะนำซื้อประกันรถยนต์ ผ่อน 0% ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็ผ่อนได้ สนใจเลือกแผนประกันรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ คลิก