ใครที่กำลังวางแผนอยากจะ ขอสินเชื่อ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ เงินก้อนเพื่อธุรกิจ อาจจะเคยเจอคำถามตามกระทู้ต่าง ๆ ว่า ทำไมขอสินเชื่อยากจัง เคยขอไปแล้วไม่ผ่าน ติดบูโรขอสินเชื่อได้มั้ย หลากหลายคำถามจากผู้ที่เคยขอสินเชื่อไม่ผ่าน แต่วันนี้เฮงจะมาแนะนำเทคนิคการเตรียมตัว ขอสินเชื่อ โดยการสร้างเครดิตการเงินที่ดี มาติดตามกันค่ะ

ก่อน ขอสินเชื่อ ตัวเลขในบัญชีต้องสวย

สมุดบัญชีเงินฝากเป็นเอกสารแรกๆ ที่สถาบันการเงินจะเช็คสถานภาพการเงินของเรา ก่อนการทำสินเชื่อว่ามีเงินเข้าออกอย่างไร หรือเรียกว่า การเดินบัญชี หรือ เดินเสตทเมนต์ (Statement)  คือ รายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงิน ข้อมูลรายการฝาก-ถอน ของเรา เหมือนเป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์ (Passbook) ที่สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เช่น การขอสินเชื่อ หรือสมัครบัตรเครดิต เป็นต้น

เพราะฉะนั้นการที่ทางธนาคารจะขอดูสเตทเมนต์ ก็เพื่อดูสถานะทางการเงินของผู้กู้ ทั้งในเรื่องจำนวนเงินที่ฝากเข้าและถอนออก พฤติกรรมการถอนเงิน ยอดเงินคงเหลือ ความสม่ำเสมอทางการเงิน 

**การฝากเงินเข้าบัญชี แสดงถึงความสามารถในการหาเงินหรือรายรับของเรานั่นเอง อย่างน้อยหากเราได้รับเงินจากไหน ควรนำเงินไปฝากไว้ในบัญชี เพื่อให้บัญชีมีเงินเดินอยู่เสมอ และควรให้บัญชีมีเงินฝาก เข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีการถอนออกน้อยเมื่อเทียบกับเงินฝาก ก็จะทำให้สถาบันการเงินนั้นๆ มั่นใจว่าเราจะสามารถชำระเงินคืนได้ตามกำหนด

หน้าที่การงานก็สำคัญ

ไม่ได้หมายความว่าต้องทำงานในสถานที่มีชื่อเสียง แล้วคนทำงานบริษัทเล็กๆ ทำงานส่วนตัวจะขอสินเชื่อไม่ได้ แต่สถาบันการเงินดูจุดนี้ก็เพราะจะได้ทราบที่มาของเงินเดือน หรือรายได้ของเรา ยิ่งเงินเดือนสูงและมีหนี้น้อยหรือว่าไม่มีเลย เครดิตย่อมสวยงามกว่า เงินเดือนสูงแต่มีภาระหนี้สินหลายรายการ แสดงว่าการเงินเริ่มขาดสภาพคล่อง ขาดวินัยทางการเงิน และการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของเราอาจลดลงด้วย

**หากคิดว่ารายรับจากงานประจำเริ่มไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ลองหารายได้เสริมเพื่อให้รายรับของเรามีเพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีรายรับหลายช่องทาง ยิ่งเป็นผลดีกับตัวคุณเอง (รายรับต้องได้มาอย่างถูกกฎหมายนะคะ)

มีบัตร เครดิต รูดปรื๊ดดสักใบ

ปกติเราจะได้ยินข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในเรื่องของการขอสินเชื่อแล้ว ประวัติการชำระ บัตรเครดิต จะเป็นสิ่งที่แสดงให้สถาบันการเงินเห็นวินัยและความรับผิดชอบในการชำระหนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการชำระหนี้ที่ว่านี้คือ ไม่ได้ชำระด้วยเงินขั้นต่ำ เพราะจะทำให้เครดิตไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เนื่องจากการชำระขั้นต่ำ ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั่นหมายความว่า หนี้ที่เรามีอยู่ก็จะเพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยนั่นเอง

**ลองเลือกทำบัตรเครดิตสักใบ เพื่อมาผ่อนของสักชิ้น ผ่อนชำระแบบ 0% เพื่อเป็นการสร้างประวัติทางด้านสินเชื่อของเรา อย่าลืมจ่ายให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้กลายเป็นประวัติเสีย

กู้คนเดียวเดี๋ยวไม่ไหว สองคนง่ายกว่า

หรือที่เรียกว่า “การกู้ร่วม” มักจะใช้ในการกู้ซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน ที่พักอาศัย โดยการมีผู้กู้ร่วมจะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นนั่นเอง โดยผู้กู้ร่วมนั้นต้องมีเครดิตการเงินดีและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เช่น ครอบครัว คู่สมรส เป็นต้น

**การกู้ร่วม เป็นการเพิ่มรายได้ของผู้กู้ให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ในวงเงินที่ต้องการ โดยการใช้อีกคนหนึ่งมาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน  ซึ่งจะมีมีผู้กู้หลัก 1 คน และการพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้ทั้งสองคนนั้นจะไม่แตกต่างกัน  คือ การมีอาชีพมั่นคง ไม่มีประวัติเสียทางการเงิน  เป็นต้น

ชำระหนี้ให้ตรงเวลา

มีหนี้บัตรเครดิตนิดๆหน่อยๆ แต่มีการชำระไม่ตรงเวลา ก็สามารถลดเครดิต ความน่าเชื่อถือทางการเงินของเราได้ง่ายๆ เพราะทุกครั้งในการขอสินเชื่อ สถาบันการเงินจะเช็คประวัติการชำระสินเชื่อ จากเครดิตบูโร เพื่อประกอบการพิจารณาการขอสินเชื่อของเรา แต่ทั้งนี้เครดิตบูโร ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเราจะขอสินเชื่อผ่านหรือไม่ เหมือนที่หลายๆคนกลัวกัน เพราะต้องอาศัยเอกสารอื่นๆประกอบกันด้วย

**ไม่ควรทำบัตรเครดิตใบที่สอง เพื่อนำเงินมาโปะบัตรเครดิตใบแรก เพราะจะทำให้หนี้สะสมพอกพูน สุดท้ายอาจจะไม่สามารถจ่ายได้บัตรได้ทั้ง 2 ใบ เพราะฉะนั้นหากราบรับไม่พอรายจ่าย ควรหยุดสร้างหนี้ หารายได้เสริม แล้วกลับมาจ่ายเงินบัตรให้ตรงเวลา เพื่อประวัติการเงินจะได้กลับมาดีเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม

การสร้างเครดิตการเงินที่ดี ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การขอสินเชื่อของเราผ่านง่ายขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสภาวะทางการเงินของเราอีกด้วย เพราะเราจะมีวินัยในการใช้จ่าย วางแผนการใช้จ่ายเงิน รู้จักเก็บออมมากขึ้น แต่หากการเงินของคุณกำลังมีปัญหา หาทางออกไม่ได้ ให้เฮงลิสซิ่งช่วยคุณนะคะ