บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

ความรู้เกี่ยวกับรถ

กฎหมายคาร์ซีท 2567 บังคับใช้แล้ว หากละเลยมีโทษปรับ

บังคับใช้แล้วนะ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่เป็นเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี จะต้องนั่งคาร์ซีทหรือเบาะนั่งเด็ก เพื่อความปลอดภัยการเดินทาง และยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยเหลือชีวิตเด็กหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ ทั้งนี้ กฎหมายคาร์ซีท 2567 มีอะไรบ้าง เรามีข้อมูลล่าสุดมาฝากกันค่ะ  

อัปเดต กฎหมายคาร์ซีท 2567 

แม้ว่ากฎหมายคาร์ซีทในไทยอาจจะเป็นเรื่องใหม่ และเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะฝั่งยุโรปนั้น กฎหมายคาร์ซีทมีการบังคับใช้มานานแล้ว เด็กเล็กจะต้องนั่งคาร์ซีทเท่านั้น ส่วนในไทยนั้นที่ผ่านมากฎหมายคาร์ซีทยังไม่ได้มีการบังคับออกมาอย่างจริงจัง จึงทำให้เกิดภาพที่เด็กนั่งตักผู้ปกครองแล้วคาดเข็มขัดด้วยกันกับผู้ปกครอง หรือการอุ้มเด็กทารกไว้ตลอดทางจนถึงจุดหมาย หรือการปูเบาะผ้าเพื่อให้เด็กนอนบนเบาะรถนั้น ซึ่งความจริงแล้วมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียหากเกิดอุบัติเหตุได้ กฎหมายคาร์ซีทในไทยจึงเป็นเรื่องใหม่ที่หลายคนที่มีลูกหลานเด็กเล็กต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติตาม โดยราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 ระบุว่า เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่นั่งในรถ ต้องมีคาร์ซีท ซึ่งมี 2 แบบ ได้แก่  

1.ที่นั่งนิรภัยชนิดนั่งหันไปทางด้านหลังรถและที่นั่งนิรภัยชนิดนั่งหันไปทางด้านหน้ารถ  

2.ที่นั่งพิเศษแบบที่นั่งเสริมที่ไม่มีพนักพิง (Booster Seat)  

โดยทั้ง 2 แบบต้องมีระบบยึดเหนี่ยวตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  

รถไม่มีคาร์ซีท แต่มีเด็กเล็กนั่งในรถ ต้องทำอย่างไร? 

หากคุณวางแผนมีลูกหรือมีเด็กเล็กภายในบ้าน การซื้อคาร์ซีทสักตัว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยของบุตรหลานที่คุณรักนั่นเอง แต่สำหรับใครที่ไม่มีคาร์ซีทแต่มีเด็กเล็กอายุไม่เกิน 6 ปี นั่งอยู่ในรถด้วย จะต้องปฏิบัติตามดังต่อไปนี้  

  1. ขับรถด้วยความเร็วช้า โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องขับชิดซ้าย
  2. ให้เด็กนั่งในที่นั่งโดยสารตอนหลัง / กรณีรถกระบะ หรือกึ่งกระบะให้นั่งโดยสารตอนหน้าได้ แต่ห้ามนั่งท้ายกระบะ
  3. จัดให้มีผู้ดูแลเด็กในขณะโดยสาร หรือให้เด็กรัดเฉพาะเข็มขัดรัดหน้าตัก (อย่างใดอย่างหนึ่ง)

หากละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท  

เลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้เหมาะกับลูกหลาน 

เชื่อว่าบรรดาพ่อแม่ที่กำลังเริ่มมองหาคาร์ซีทให้ลูกรัก อาจจะต้องสงสัยว่าคาร์ซีทแต่ละแบบ มีการใช้งานแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะสำหรับลูกของคุณ  เฮงมีคำแนะนำมาฝากเหล่าพ่อแม่ดังนี้ค่ะ  

1.ประเภทของคาร์ซีท  

การเลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกของคุณ โดยคาร์ซีทแต่ละประเภท ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระ น้ำหนักตัว ความสูงของเด็กแต่ละช่วงวัย โดยคาร์ซีทมีรูปแบบ 3 ประเภทดังนี้ 

  • คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้า สำหรับเด็กแรกเกิด-2 ปี น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้า จะช่วยปกป้องศีรษะ ลำคอและกระดูกสันหลังได้ 
  • คาร์ซีทแบบหันหน้าออก สำหรับเด็ก 2 – 7 ปี น้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม  
  • บูสเตอร์ซีท สำหรับเด็ก 4-12 ปี น้ำหนักประมาณ 15 – 18 กิโลกรัม คาร์ซีทประเภทนี้จะช่วยเสริมความสูง ลำตัวสามารถพิงหลังตามพนักพิงได้ 

2.ติดตั้งคาร์ซีทไว้เบาะหลัง 

การติดตั้งคาร์ซีทไว้เบาะหลัง จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เด็ก เพราะหากติดตั้งไว้เบาะหน้า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยด้านหน้าจะกระแทก อัดเข้าตัวเด็ก  ซึ่งเป็นอันตรายกับเด็กที่นั่งด้านหน้ามาก จึงแนะนำให้ติดตั้งคาร์ซีทไว้ที่เบาะหลัง เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง 

3.ติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าเข้าเบาะ (Rear facing) 

การติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าเข้าเบาะ (Rear facing) จะช่วยลดการกระแทกศีรษะของเด็กจากการเบรกรถกะทันหัน โดยการติดตั้งประเภทนี้ เหมาะกับเด็กที่มีอายุ 2-4 ขวบ 

4.ศึกษาคู่มือก่อนติดตั้งคาร์ซีท  

เนื่องจากคาร์ซีทแต่ละแบบ จะมีวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาคู่มือการติดตั้ง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยนั่นเอง

5.คาดเข็มขัดให้ถูกต้อง 

เข็มขัดนิรภัย ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสารภายในรถ สำหรับการนั่งคาร์ซีทก็เช่นกัน นอกจากจะเลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับวัย การคาดเข็มขัดนิรภัยให้ถูกต้อง ไม่คาดหลวมเกินไป จะช่วยให้ลูกของคุณสามารถนั่งอยู่บนคาร์ซีทได้อย่างปลอดภัย ไม่กระเด็นออกจากคาร์ซีทหากเกิดเหตุไม่คาดฝันได้   

หวังว่าอัปเดต กฎหมายคาร์ซีท 2567 จะช่วยให้บรรดาพ่อแม่เข้าใจความสำคัญของคาร์ซีท และติดตั้งคาร์ซีทให้กับบุตรหลานของตนเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง  แม้ว่าคาร์ซีทจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของลูกรักแล้ว มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก แต่หากเริ่มต้นลูกไม่ยอมนั่ง ร้องไห้งอแงผู้ปกครองอาจใช้วิธีดึงดูดความสนใจ หาของเล่นมาเล่นขณะที่ลูกนั่งบนคาร์ซีท หรือควรไปนั่งข้างคาร์ซีทลูก เพื่อที่ลูกจะได้ไม่รู้สึกเหงาหรืองอแงนั่นเองค่ะ 

vara

Share
Published by
vara

Recent Posts

‘เฮงลิสซิ่ง’ สนับสนุนน้ำดื่ม กิจกรรมตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงวัณโรค รพ.สต.บ้านสันคะยอม เชียงใหม่

‘เฮงลิสซิ่ง’ สนับสนุนน้ำดื่ม กิจกรรมตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงวัณโรค รพ.สต.บ้านสันคะยอม เชียงใหม่ บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมสุขภาพของคนใน ชุมชน มอบน้ำดื่มสำหรับบริการกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับบริการตรวจคัดกรองวัณโรคโดยรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ โดย…

2 days ago

เฮงลิสซิ่ง ร่วมสืบสาน “งานประเพณีบุญบั้งไฟล้าน ปี 2567” จ.กำแพงเพชร

บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ร่วมอนุรักษ์การสืบทอดศิลปะ ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันดีงามของชาวบ้านนิคมทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชร ตั้งจุดบริการน้ำดื่ม “น้ำเฮง น้ำใจ” แก่ประชาชน

4 days ago

5 คีย์เวิร์ดหลักช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกันทางการเงิน ที่ดี

การสร้างภูมิคุ้มกันการเงินที่ดี คือการศึกษาความรู้ทางการเงินตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้เราจะชวนคุณมาสร้างภูมิคุ้มกันการเงินที่ดีในบทความนี้

5 days ago

10+1 เทคนิค วางแผนการเงิน ในชีวิตประจำวัน 

มัดรวมเทคนิค วางแผนการเงิน ในชีวิตประจำวัน จากวัยทำงานสู่วัยเกษียณ เพิ่มความั่นคงทางการเงิน ไม่เกิดปัญหาหนี้สินในอนาคต อ่านต่อในบทความนี้

5 days ago

รวมพื้นฐาน ความรู้ทางการเงิน ที่ทุกคนควรรู้ 

ความรู้ทางการเงิน Financial Literacy เป็นการทำความเข้าใจการเงินในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้คุณมีนิสัยทางการเงินที่ดีในอนาคต

5 days ago

5 ทักษะการเงินที่โรงเรียนไม่เคยสอน แต่เราต้องมีติดตัว 

ทักษะการเงิน ความรู้ทางการเงิน เป็นสิ่งสำคัญแต่กลับไม่มีการสอนในโรงเรียน แต่วันนี้เราจะมาแนะนำทักษะทางการเงินที่ควรมีติดตัว รู้ก่อนรวยก่อน

5 days ago