บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เนื้อหาของบทความ
หลายคนกำลังตัดสินใจเลือก ซื้อรถมือสอง มาใช้งานเป็นรถคันแรก หรือเพราะอยากได้รถรุ่นใหญ่ในราคาที่เบาลง หรืองบประมาณที่จำกัด รวมไปถึงคนที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการซื้อรถมือหนึ่งป้ายแดง ทั้งนี้การเลือกซื้อรถมือสองอาจจะต้องดูรถและเอกสารเป็นพิเศษเพื่อจะได้รถดีที่ไม่มีปัญหาตามมา เรามาดูกันว่าจะต้องดูยังไงเพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ
“อยากซื้อรถยนต์สักคัน เลือกรถมือสองสักคัน จะดีมั้ยนะ” เชื่อว่าก่อนที่ใครคิดจะซื้อรถใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถมือหนึ่งหรือซื้อรถมือสองก็ตาม ก็น่าจะมีคำถามที่ถามกับตัวเองก่อนว่ารถที่เราสนใจนั้นจะดีจริงหรือไม่ จะมีปัญหาจุกจิกอะไรหรือเปล่า เพราะแม้แต่รถใหม่ป้ายแดงบางรุ่นออกจากศูนย์ ก็ยังมีปัญหากวนใจต่าง ๆ นานา แล้วนับประสาอะไรกับการซื้อรถมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ยิ่งต้องคิดมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้สำหรับคนที่สนใจซื้อรถมือสองแต่ดูรถไม่เป็น สามารถนำผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับการดูรถไปช่วยดูรถให้ แต่สำหรับคนที่ดูรถไม่เป็นหรือไม่มีคนที่จะไปช่วยดูรถให้ อาจจำเป็นต้องเลือกซื้อรถบ้านเจ้าของขายเอง หรือเต๊นท์รถที่น่าไว้วางใจ ไม่มีประวัติเสียในด้านการค้าขาย แต่อย่างไรเราก็มีคำแนะนำในการเลือกซื้อรถมือสอง สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถมือสองมาใช้งานว่าคุณต้องดูจุดไหนของรถบ้าง
1.เล่มทะเบียนรถ
เบื้องต้นการรู้ประวัติของรถมือสองเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก เพราะในเล่มทะเบียนรถ จะบอกตั้งแต่ชื่อผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือบริษัทไฟแนนซ์ หากเจ้าของเดิมเคยมีการนำรถเข้าไฟแนนซ์ รวมไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของรถ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ปีจดทะเบียน สีรถ เลขตัวถังรถ เลขเครื่อง การติดตั้งระบบแก๊ส รวมไปถึงประวัติการจ่ายภาษีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้การดูเล่มอาจจะยังไม่สามารถบอกประวัติเกี่ยวกับการเฉี่ยวชนได้มากนัก ต้องอาศัยการดูสภาพรถต่อไป
2.สภาพรถภายนอก
ข้อนี้หากคุณมีคนที่รู้เรื่องรถตามไปดูรถมือสองกับคุณก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากคุณต้องดูรถมือสองด้วยตัวเอง สิ่งแรกที่คุณจะต้องสังเกตคือ สภาพรถภายนอก สิ่งที่ต้องสังเกตคือในเรื่องความสมดุลของโครงสร้างรถที่คุณสามารถดูด้วยตาเปล่า โดยการดูว่ารถไม่มีส่วนไหนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ฝากระโปรง กันชน เสาหลังคา ว่ามีความสมดุลกันหรือไม่ หากเห็นว่ามีจุดที่เอียง ไม่สมดุล คาดการณ์ไว้ก่อนว่ารถถูกชนหนักควรหลีกเลี่ยง
3.สีรถ
หากรถมือสองที่คุณสนใจมีสีรถที่สวยงามทั้งคัน ขอให้คุณเข้าไปดูสีรถใกล้ ๆ สักหน่อย เพราะการเก็บสีรถมาใหม่ทั้งคัน อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการชนหนักหรือคว่ำมา ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจะให้วิธีเคาะเพื่อฟังเสียงเพื่อประเมินว่ามีการทำสีรถมามากน้อยมากแค่ไหน หนาบางอย่างไร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถมือสองเช่นกัน
3.ฝากระโปรงและภายในห้องเครื่อง
ต่อมาเริ่มมาสังเกตในส่วนของรายละเอียดที่เพิ่มมากขึ้น ลองสังเกตรูน็อตต่างๆ ว่ากลมเป็นปกติหรือไม่ ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีรอยทำสีหนา ซึ่งหากมีรอยดังกล่าวเป็นไปได้ว่ามีการกลบร่องรอยการชนมา
4.คานหน้ารถ
ต่อมาลองมาสังเกตที่คานหน้ารถ เป็นตัวรับโครงสร้างหรือส่วนแข็งที่เป็นเหล็กทั้งแท่งไว้รับน้ำหนักในการกระแทก ลองสังเกตรูน็อตว่ากลมหรือไม่ คานอยู่ในรูปทรงปกติหรือเปล่า เพราะถ้าหากรถเคยถูกชนมา จะพบร่องรอยที่คานหน้ารถด้วย
5.ใต้ท้องรถ
ลองก้มเข้าไปมองใต้ท้องรถกันสักหน่อย ว่ามีร่องรอยผิดปกติหรือไม่ ตัวถังยังอยู่ในสภาพดี มีรอยผุจุดไหนบ้าง เพราะหลายคนซื้อรถมือสองโดยเลือกดูจากความสวยงามภายนอก ภายในห้องโดยสาร แต่อาจจะไม่เคยลองก้มมองใต้ท้องรถ ซึ่งเป็นจุดที่จะบอกร่องรอยการใช้งานได้ดี
6.ภายในห้องโดยสาร
ลองกวาดสายตาไปในแต่ละจุดของภายในห้องโดยสาร ลองดูว่ายังสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ บางจุดอาจมีการเปลี่ยนใหม่มาเนื่องจากเป็นไปตามอายุรถ เช่น เบาะ คอนโซล ผ้าหลังคารถ เกียร์ สวิชต์ต่าง ๆ ระบบไฟส่องสว่าง เป็นต้น
7.แอร์รถยนต์
ลองเปิดและปรับแอร์ดูว่าเย็นฉ่ำหรือไม่ หากลองเปิดแล้วแอร์รถยนต์ไม่ค่อยเย็น ต้องดูแล้วว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะหากเราปล่อยไว้ไม่สนใจหรือคิดว่าเดี๋ยวค่อยเอาไปซ่อมภายหลัง อาจจะเกิดปัญหาจุกจิกตามาภายหลัง แทนทีซื้อรถมาแล้วจะได้ใช้งานเลยกลับต้องเอาไปซ่อมให้เสียเวลาและเสียเงินเพิ่มอีก
8.ทดลองขับ
ขั้นตอนสุดท้ายนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ไม่ว่าคุณจะซื้อรถมือหนึ่งหรือซื้อรถมือสองก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการซื้อรถมือสองต้องทดลองขับจนแน่ใจ เพราะการทดลองขับจะทำให้ได้สัมผัสการทำงานของทั้งเครื่องยนต์ การเร่ง การเบรก การเลี้ยว และลองฟังเสียงเครื่องยนต์ว่ามีเสียงแปลก ๆ หรือไม่ รวมไปถึงลองเดินไปดูควันรถยนต์ด้วยว่ามีสีอะไร เพราะหากพบความผิดปกติของรถตั้งแต่ตอนขับรถ จะได้หลีกเลี่ยงและมองหารถยนต์มือสองคันใหม่ได้ทัน
บางคนกล่าวว่าการซื้อรถมือสองตาดีได้ตาร้ายเสีย เพราะฉะนั้นในขั้นตอนการเลือกซื้อรถมือสองจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว คำถามต่อมาคือ “ซื้อรถมือสองมาแล้ว จำเป็นต้องทำประกันรถยนต์ด้วยหรือไม่” เราขอแนะนำแบบนี้ค่ะ ไม่ว่าจะรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง เมื่อเราใช้งานบนท้องถนนย่อมเกิดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ไม่คาดฝันได้ เพราะต่างคนต่างใช้ถนนร่วมกัน รวมไปถึงรถมือสองมีโอกาสที่จะเกิดปัญหารถเสียกลางทางหากเจ้าของเดิมไม่ได้รับการดูแลก่อนที่จะถึงมือเราเท่าที่ควร ทั้งนี้เราจึงแนะนำสำหรับคนที่ซื้อรถมือสองมาควรจะทำประกันรถยนต์ติดเราไว้ด้วย เพราะไม่ว่าเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง ประกันรถยนต์ก็ให้ความคุ้มครองเหมือนกัน
1.ประกันรถยนต์ชั้น 1
หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุรถไม่เกิน 10 ปี การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังคงได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมหลายเรื่อง และยิ่งสำหรับพวกมือใหม่เพิ่งขับรถและได้ขับรถปีใหม่หน่อย ควรจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อย่างมาก เพราะมือใหม่มักจะขับรถเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวาง ถอยชนเสา หรือมีรอยขีดข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ด้วย
2.ประกันรถยนต์ชั้น 2
หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุเกิน 10 ปี หรือเบี้ยประกันของประกันรถยนต์ชั้น 1 มีราคาสูงเกินไป ดารทำประกันรถยนต์ชั้น 2 ก็ตอบโจทย์สำหรับรถคุณเช่นกัน เพราะให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ต่างกันตรงที่คุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนรถ
3.ประกันรถยนต์ชั้น 3
หากคุณซื้อรถมือสองที่มีอายุค่อนข้างเยอะหรือรถเก่า ก็ยังสามารถทำประกันรถยนต์ได้เช่นเดียวกัน แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 3 โดยคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
สามารถศึกษารายละเอียดของการทำประกันรถยนต์แต่ละชั้นได้ที่นี่ คลิก
ในการซื้อขายรถมือสอง การโอนรถเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะหากคุณถูกย้อมแมวรถขาย หรือรถที่คุณกำลังซื้อเป็นรถที่ถูกขโมยมา จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์รถได้นั่นเอง ทั้งนี้การโอนรถยนต์จากชื่อเจ้าของรถคนเก่ามาเป็นชื่อเจ้าของรถคนใหม่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยในการโอนรถยนต์ไม่ว่าจะซื้อต่อจากคนอื่น หรือโอนรถให้กันภายในครอบครัวมีขั้นตอนอย่างไรและมีค่าโอนรถยนต์กี่บาท
นอกจากจะต้องเตรียมเงินก้อนหนึ่งสำหรับซื้อรถมือสองสักคันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คิดเผื่อไว้ล่วงหน้านอกจากการซื้อรถแล้วนั่นก็คือ ค่าโอนรถยนต์ ซึ่งผู้ที่กำลังจะซื้อรถต้องเตรียมเงินในส่วนนี้เพื่อเป็นค่าโอนรถยนต์ โดยค่าโอนรถยนต์มีค่าใช้จ่ายแยกย่อยดังนี้
1.ค่าคำขอ 5 บาท
2.ค่าธรรมเนียมค่าโอนรถยนต์ 100 บาท
3.ค่าอากรแสตมป์ 500 บาทต่อราคาประเมินทุก 100,000 บาท
4.ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน 200 บาท (ในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการเปลี่ยนป้ายทะเบียนใหม่)
5.ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน 100 บาท (ในกรณีที่เล่มทะเบียนเก่าหรือชำรุด)
นอกจากนี้ค่าโอนรถยนต์ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก นอกเหนือจากค่าโอนรถยนต์แล้ว จะต้องมีการเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการโอนรถยนต์ดังนี้
1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
3.สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
4.แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว
5.หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอง กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง
1.นำรถเข้ารับการตรวจสอบที่งานตรวจสภาพรถยนต์ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)
2.ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียม ที่งานทะเบียนรถ
3.รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน
4.รับใบเสร็จรับเงิน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้าย ทะเบียนรถ
สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขา ที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎอยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้
การ ซื้อรถมือสอง เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีรถยนต์ใช้งานสักคันในงบประมาณที่จำกัด หรืออยากได้รถแพงในราคาที่เบาลงกว่าการซื้อรถมือหนึ่ง หรือคนที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อย ทั้งนี้การซื้อรถมือสองอาจต้องใช้ความชำนาญในการเลือกซื้อหรือนำเอาคำแนะนำที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นลองนำไปใช้ หรือหากมีผู้ชำนาญในเรื่องรถก็สามารถพาเขาไปช่วยดูรถให้ได้เช่นกัน ทั้งนี้หากคุณได้รถมือสองที่ถูกใจแล้วแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ติดรถไว้เพื่อความอุ่นใจ โดยปัจจัยในการเลือกประกันรถยนต์ที่เเหมาะกับรถของคุณคือ ปีรถ การใช้งานรถ ความคุ้มครองต่าง ๆ หากคุณกำลังตัดสินใจซื้อรถมือสองและมองหาไฟแนนซ์ที่จะช่วยให้คุณออกรถมือสองได้อย่างง่ายขึ้น แนะนำเฮงลิสซิ่งเพราะนอกจากคุณจะได้รถขับสมใจแล้ว ยังสามารถทำประกันรถยนต์คุ้มครองรถได้ทันที สะดวก ง่าย ครบจบที่เดียว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเลย
การสร้างภูมิคุ้มกันการเงินที่ดี คือการศึกษาความรู้ทางการเงินตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้เราจะชวนคุณมาสร้างภูมิคุ้มกันการเงินที่ดีในบทความนี้
มัดรวมเทคนิค วางแผนการเงิน ในชีวิตประจำวัน จากวัยทำงานสู่วัยเกษียณ เพิ่มความั่นคงทางการเงิน ไม่เกิดปัญหาหนี้สินในอนาคต อ่านต่อในบทความนี้
ความรู้ทางการเงิน Financial Literacy เป็นการทำความเข้าใจการเงินในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้คุณมีนิสัยทางการเงินที่ดีในอนาคต
ทักษะการเงิน ความรู้ทางการเงิน เป็นสิ่งสำคัญแต่กลับไม่มีการสอนในโรงเรียน แต่วันนี้เราจะมาแนะนำทักษะทางการเงินที่ควรมีติดตัว รู้ก่อนรวยก่อน
‘เฮงลิสซิ่ง’ ร่วมใจทำความดีบริจาคโลหิตและน้ำดื่ม เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ จ.เชียงใหม่ 2567 บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ร่วมทำความดีเพื่อสังคม สนับสนุนน้ำดื่มและนำพนักงานจิตอาสา เข้าร่วมบริจาคโลหิตในงาน…
ประกาศผลประกวดราคา ต่ออายุ License Microsoft Office 365 F1 จำนวน 2,133 Unit สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณณัฐธยาน์ รวมสุขธนวิชญ์ 1361 ต่อ…