บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

ความรู้เกี่ยวกับรถ

รวมเคล็ดไม่ลับขจัด รถมีกลิ่นอับ รับหน้าฝนต้องทำอย่างไร

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนมักจะเกิดปัญหา รถมีกลิ่นอับ สร้างความหงุดหงิดใจให้กับคนรักรถไม่น้อย ซึ่งปัญหา รถมีกลิ่นอับ ชื้นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หากใครที่กำลังเจอปัญหารถมีกลิ่นอับ วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับในการกำจัดกลิ่นอับภายในรถด้วยตัวเองง่าย ๆ มาฝาก

ใน รถมีกลิ่นอับ เกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ผู้ใช้รถหลายท่านมักเจอปัญหารถมีกลิ่นอับ กลิ่นชื้น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รถของคุณเกิดปัญหารถมีกลิ่นอับนั้นมีหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อยของปัญหารถมีกลิ่นอับ มักจะเกิดจาก การที่มีความชื้นสะสมอยู่ในคอยล์เย็น สำหรับคอยล์เย็นนี้ จะทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนถ่ายเทความร้อน พัดลมจะเอาอากาศร้อนในห้องโดยสารมาโดนคอยล์เย็น ความร้อนนี้จะทำการแลกเปลี่ยนถ่ายเทไปสู่สารทำความเย็น สารทำความเย็นเหลว จะถูกความร้อนเข้าไปแล้วระเหยกลายเป็นไอ

ส่วนลมร้อนที่ถูกถ่ายเทไปสู่สารทำความเย็นแล้ว ลมที่ผ่านคอยล์เย็นออกมาจะกลายเป็นลมเย็นเข้ามาสู่ในห้องโดยสาร จะเห็นว่าอากาศที่เข้ามาในรถผ่านคอยล์เย็น หากคอยล์เย็นมีความชื้นสะสมจนเกิดเชื้อรา จึงทำให้รถมีกลิ่นอับชื้นตามมานั่นเอง สาเหตุต่อมาที่ทำให้รถมีกลิ่นอับคือ มีการสะสมความชื่นบริเวณกรองแอร์ทำให้สกปรก ช่องระบายอากาศอุดตัน จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับตามมา นอกจากนี้การนำอาหารเข้าไปกินในรถ โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นแรงต่าง ๆ หรือการซื้อของสดไว้ในรถ ก็ทำให้รถมีกลิ่นอับติดรถได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในการขจัดปัญหารถมีกลิ่นอับนั้น จะต้องทำอย่างไรบ้างเรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ

วิธีขจัดรถมีกลิ่นอับ มีอะไรบ้าง

ก่อนอื่นเราต้องมาหาสาเหตุที่ทำให้ภายในรถมีกลิ่นอับเสียก่อน สำหรับใครที่มักจะนำอาหารเข้าไปกินในรถ ลืมเก็บพวกถุงขนมหรือเศษอาหารที่อาจตกหล่นภายในรถ ทำให้เกิดการสะสมกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นภายในรถได้ ทั้งนี้ก่อนอื่นมาเริ่มเก็บกวาดพวกขยะ ถุงขนม เศษกระดาษพวกใบเสร็จค่าน้ำมัน เสียก่อน จากนั้นเรามาเริ่มต้นทำความสะอาดภายในรถขั้นต่อไปดังนี้ค่ะ

การทำความสะอาดภายในรถ

เริ่มต้นด้วยการดูดฝุ่นภายในรถตามซอกมุมต่าง ๆ รวมไปถึงพื้นรถและใต้ถาดยางรองเท้า จากนั้นนำถาดยางรองเท้าออกมาทำความสะอาดและนำไปตากแดดจนแห้งสนิท ระหว่างนี้ก็ทำความสะอาดในส่วนของคอนโซล พวงมาลัย กระปุกเกียร์ คันเกียร์ ที่จับประตู ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดภายในรถทำความสะอาดให้ทั่ว นอกจากนี้จุดที่ต้องมีการใส่ใจในการทำความสะอาดนั่นก็คือ เบาะรถ ซึ่งเบาะรถมีหลายประเภทและมีวิธีการดูแลทำความสะอาดที่แตกต่างกันดังนี้

ประเภทของเบาะรถ

เบาะเป็นจุดสำคัญภายในรถที่ต้องสัมผัสทั้งการนั่ง การวางสิ่งของต่าง ๆ แน่นอนว่าเบาะจึงเป็นแหล่งสะสมฝุ่น เชื้อโรคและคราบสกปรกต่าง ๆ ที่เราอาจจะมองไม่เห็น และหากใครที่ชอบนำเครื่องดื่ม อาหารเข้าไปกินในรถอาจจะทำให้เกิดรอยเปื้อนต่าง ๆ และหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำความสะอาดเบาะรถก็อาจจะเกิดความสกปรกและทำให้รถมีกลิ่นอับได้  ซึ่งเบาะรถแต่ละชนิดมีทั้งเบาะผ้า เบาะหนังแท้-เทียม ทำให้มีการดูแลทำความสะอาดที่แตกต่างกันดังนี้

เบาะผ้า

เบาะผ้า เป็นเบาะที่ค่อนข้างเก็บฝุ่น กลิ่น และดูดซับน้ำได้ดี การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องยากกว่าเบาะประเภทอื่น เพราะฉะนั้นควรจะใช้เครื่องดูดฝุ่นสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะและหมั่นดูดฝุ่นทุกสัปดาห์ หรือหากพบรอยเปื้อนก็สามารถนำผ้าชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ เช็ดคราบเบา ๆ ตามด้วยผ้าแห้งซับอีกครั้ง หรืออาจจะให้น้ำยาซักเบาะรถ เช็ดทำความสะอาดได้ หรือหากมีรอยเปื้อนมากยากที่จะทำความสะอาดด้วยตัวเอง แนะนำควรนำรถเข้าคาร์แคร์แทน

เบาะหนังแท้

เบาะหนังแท้ เป็นเบาะที่หลายคนนิยมใช้เนื่องจากมีทั้งความนุ่มสบาย สวยงามแต่หนังแท้จะค้อนข้างมีความชื้น จึงจำเป็นจะต้องทำการเคลือบเบาะเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบและควรหมั่นทำความสะอาดเบาะหนังแท้ด้วยผ้าแห้งหรือใช้แปรงขนนุ่ม ชุบน้ำยาทำความสะอาดหนังแท้ แปรงในจุดที่สกปรก หลังจากนั้นให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง

เบาะหนังเทียม

เบาะหนังเทียม เป็นเบาะทำความสะอาดง่ายเพราะไม่ซับน้ำ ไม่เก็บความชื้น สามารถดูดฝุ่นตามร่องเบาะ แล้วเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดหรือผสมน้ำสบู่อ่อน ตามด้วยผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง ตามด้วยการเคลือบนำยาเคลือบเบาะ

ปิดปุ่ม A/C และตากแดดเพื่อไล่ความชื้น

หากพบว่าแอร์รถเริ่มมีกลิ่นอับชื้น เบื้องต้นให้ทำการปิดปุ่ม A/C ในรถระหว่างทางที่จะใกล้ถึงบ้าน ให้เหลือแค่พัดลมสัก 2- 3 นาที เพื่อทำการไล่ความชื้นในแอร์ที่สะสมมาจากการทำความเย็นเป็นเวลานาน หรือไม่ต้องรอให้แอร์รถเริ่มมีกลิ่นอับ ก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อไล่ความชื้นออกจากแอร์ได้ การที่เราต้องเปิดพัดลมเพื่อไล่ความชื้นจากแอร์นั้น เนื่องจากแอร์รถมีกลิ่นอับ เกิดจากการที่มีความชื้นสะสมอยู่ในคอยล์เย็น สำหรับคอยล์เย็นนี้ จะทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนถ่ายเทความร้อน พัดลมจะเอาอากาศร้อนในห้องโดยสารมาโดนคอยล์เย็น ความร้อนนี้จะทำการแลกเปลี่ยนถ่ายเทไปสู่สารทำความเย็น สารทำความเย็นเหลว จะถูกความร้อนเข้าไปแล้วระเหยกลายเป็นไอ ส่วนลมร้อนที่ถูกถ่ายเทไปสู่สารทำความเย็นแล้ว ลมที่ผ่านคอยล์เย็นออกมาจะกลายเป็นลมเย็นเข้ามาสู่ในห้องโดยสาร จะเห็นว่าอากาศที่เข้ามาในรถผ่านคอยล์เย็น หากคอยล์เย็นมีความชื้นสะสมจนเกิดเชื้อรา จึงทำให้รถมีกลิ่นอับชื้นตามมานั่นเอง นอกจากนี้การนำรถไปตากแดดยังช่วยลดกลิ่นอับในรถและฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

น้ำหอมปรับอากาศในรถ

การกำจัดปัญหารถมีกลิ่นอับอย่างรวดเร็วที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศติดรถ ทั้งนี้ในการใช้น้ำหอมปรับอากาศอาจเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่อาจจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเพราะกลิ่นที่ฉุนมากเกินไป

ตัวช่วยจากธรรมชาติ

นอกจากวิธีต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้เรายังสามารถนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาช่วยจัดการปัญหารถมีกลิ่นอับได้ เช่น ถ่านไม้ โดยใส่ภาชนะที่มีรู วางทิ้งไว้ในรถได้นานตามต้องการ กากกาแฟ ใบชาบด นำมาใส่ห่อผ้าวางทิ้งไว้ในรถ 2-3 วัน  น้ำส้มสายชู นำน้ำส้มสายชูประมาณ 2 ช้อน ใส่ในถ้วยแล้วตั้งทิ้งไว้ในรถนาน 1-2 ชั่วโมง ตัวช่วยจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยแก้กลิ่นอับในรถ ช่วยดูดกลิ่นอับในรถได้ดี ไม่มีสารเคมีใด ๆ แถมยังสามารถหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย

การบูร-พิมเสน แก้ปัญหารถมีกลิ่นอับได้จริงหรือไม่

นอกจากวิธีแก้กลิ่นอับในรถตามที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยนำ  การบูร พิมเสน ใส่ไว้ในรถเพื่อช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากรถ แม้ว่าจะสามารถดูดกลิ่นอับต่าง ๆ ออกไปได้ แต่ก็ยังมีผลกระทบต่อระบบปรับอากาศ เนื่องจากไอระเหยของการบูรหรือพิมเสน จะเข้าไปเกาะอยู่ตามกรองแอร์ทำให้เกิดเมือกและความชื้น รวมไปถึงคอยล์เย็น ทำให้ฝุ่นสามารถจับตัวจนอุดตันได้ง่าย ส่งผลให้ระบบทำความเย็นและเครื่องยนต์ทำงานหนัก และยังทำให้รถเปลืองน้ำมันตามมาอีกด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบใช้น้ำหอมรถยนต์กลิ่นแรงหรือจำพวกพิมเสน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้โพรงจมูกอักเสบ ระคายเคืองตา มึนศีรษะ เมื่อสูดดมเป็นเวลานานไอระเหยเหล่านี้จะกลายเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย

กลิ่นในรถกับสัญญาณเตือนความผิดปกติของรถ

นอกจากลิ่นอับในรถที่อาจจะต้องพึงระวังแล้ว หากในรถของคุณมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นอกเหนือจากกลิ่นอับชื้นที่เราได้กล่าวมาแล้ว นั่นอาจจะเป็นสัญญาณบอกอาการผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับรถของคุณ ส่วนจะมีกลิ่นแปลกจากรถยนต์แบบไหนบ้างที่คุณต้องระวัง เรามาดูกันเลยค่ะ

กลิ่นท่อไอเสีย

หากได้กลิ่นท่อไอเสียลอยออกมาจากลิ้นชักคอนโซล ต้องนำรถเช็คระบบท่อไอเสียที่อู่ซ่อมรถโดยเร็ว

กลิ่นเหมือนยางไหม้

หากได้กลิ่นที่เหม็นเหมือนยางถูกเผา อาจเกิดจากความผิดปกติส่วนที่เป็นยาง หรืออาจจะมีถุงพลาสติกไปติดอยู่ใต้เครื่อง แต่หากไม่มีถุงพลาสติกติดอยู่ ควรนำรถไปอู่ซ่อมรถเพื่อทำการตรวจเช็กความผิดปกตินี้ต่อไป

กลิ่นเหมือนไข่เน่า

หากได้กลิ่นไข่เน่า สัญญาณว่าระบบฟอกไอเสียกำลังทำงานหนักมากเกินไป

กลิ่นเหมือนน้ำมันถูกเผา

กลิ่นเหม็นไหม้เหมือนน้ำมันโดนเผา อาจสื่อได้หลายอาการ เช่น ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องรั่ว เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป เกจ์ความร้อนพัง ควรนำรถไปอู่ซ่อมรถเพื่อทำการตรวจเช็กความผิดปกตินี้ต่อไป

กลิ่นเหมือนผ้าโดนไฟเผา

หากได้กลิ่นเหมือนไฟไหม้ผ้า อาจเกิดจากระบบเบรคหรือผ้าเบรคกำลังมีปัญหา ต้องนำรถไปเช็คให้เร็วที่สุด

กลิ่นน้ำมันเบนซิน

หากได้กลิ่นน้ำมันเบนซินเหมือนตอนที่เราอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน อาจเกิดจากถังน้ำมันหรือท่อน้ำมันรั่ว  หัวฉีดน้ำมันหรือถังดักน้ำมันมีปัญหา หรืออาจลืมปิดฝาน้ำมันหากฝาน้ำมันยังปิดดี คุณควรนำรถไปที่อู่ซ่อมรถโดยเร็ว

กลิ่นหวานเหมือนน้ำเชื่อม

หากได้กลิ่นหวานเหมือนน้ำเชื่อม อาจเป็นไปได้ว่าถังพักน้ำหล่อเย็นรั่ว เบื้องต้นให้ทำความสะอาดถังพักน้ำหล่อเย็น แล้วนำรถไปให้ช่างแก้ไขปัญหา หรือนำรถไปให้ช่างตรวจเช็คที่อู่ซ่อมรถเลย

กลิ่นเหมือนขนมปังปิ้งไหม้

หากได้กลิ่นเหมือนขนมปังปิ้งไหม้ น่าจะเกิดจากระบบไฟกำลังมีปัญหา สายไฟอาจจะขาดหรือไหม้ ควรนำรถไปอู่ซ่อมรถเพื่อทำการตรวจเช็กความผิดปกตินี้ต่อไป

กลิ่นเหมือนผมไหม้

ถ้าได้กลิ่นเหมือนเส้นผมไหม้ อาจจะมีหนูหรือสัตว์เข้าไปอาศัยอยู่ในกระโปรงรถก็เป็นได้

หากรถของคุณมีปัญหารถมีกลิ่นอับ คุณสามารถนำเอาเทคนิคการกำจัดกลิ่นอับชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ นี้นำไปปรับใช้กับปัญหารถมีกลิ่นอับของคุณได้ ทั้งนี้หากได้กลิ่นอื่นที่ไม่ใช่กลิ่นอับชื้นต่าง ๆ อาจจะเป็นสัญญาณความผิดปกติเกี่ยวกับรถของคุณ ทั้งนี้เราควรจะดูแลเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาดภายในรถ ไม่ทิ้งเศษขยะภายในรถ หรือหากนำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปกินในรถ ก็ควรจะเก็บกวาดให้สะอาด นำขยะออกออกจากรถเมื่อถึงบ้านเพื่อลดการสะสมของกลิ่นและเชื้อโรค รวมไปถึงหมั่นทำความสะอาดภายในรถสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่น เชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ภายในรถ หรืออาจจะติดเครื่องฟอกอากาศภายในรถเพื่อช่วยลดกลิ่น ฝุ่นภายในรถและช่วยฟอกอากาศภายในรถลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

vara

Recent Posts