บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เนื้อหาของบทความ
เคยสงสัยหรือไม่ว่า ไฟตัดหมอก มีไว้เพื่ออะไรกันแน่ เพราะรถยนต์บางคันมีไฟตัดหมอก แต่บางคันไม่มี นอกจากนี้คุณอาจจะเคยเจอปัญหารถคันอื่นเปิดไฟตัดหมอกรบกวนสายตา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยข้างหน้าได้ชัดเจน สำหรับไฟตัดหมอกมีไว้เพื่ออะไร สำคัญอย่างไร และควรใช้ไฟตัดหมอกเมื่อไหร่ บทความนี้มีคำตอบมาฝาก
ไฟตัดหมอก ไฟดวงเล็กที่ถัดลงมาจากไฟหน้ารถ ให้แสงสว่างที่มีความเข้มสูง เราจะเห็นว่าไม่ใช่รถทุกคันที่มีไฟตัดหมอก เพราะในบางรุ่นไฟตัดหมอกจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่ถูกติดตั้งมาให้จากโรงงาน หากรถของคุณไม่มีไฟตัดหมอก ก็สามารถหาซื้อไฟตัดหมอกมาติดตั้งเองได้ สำหรับไฟตัดหมอก คือ เป็นไฟที่ให้ความสว่างเข้มข้นสูง โดยจะส่องระนาบไปกับพื้นถนน สามารถส่องได้ไกลถึง 30-80 เมตร อีกทั้งยังสามารถส่องทะลุหมอกหนาหรือสายฝนได้ดี ซึ่งต่างจากไฟหน้ารถ หากเปิดในช่วงหมอกลงจัด ฝนตกหนัก มุมแสงไฟเอียงลงต่ำจะทำให้สะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ นอกจากจะทำให้แสงสว่างน้อยลงแล้ว ยังอาจจะเกิดอันตรายในขับขี่เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดีนัก เพราะไฟหน้ารถจะส่องสว่างได้เพียง 10-15 เมตร จึงทำให้ในทัศนวิสัยที่ไม่ดี เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด ไฟตัดหมอกจึงมีความสำคัญมาก จึงทำให้ไฟตัดหมอกถูกติดตั้งใต้ไฟหน้ารถ ใช้ไฟหลอดแบบ H3 คือไส้หลอดสปอตไลท์ เพื่อสามารถส่องไฟในระนาบเดียวกับถนนได้ไกล เพื่อเคลียร์เส้นทาง เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เชื่อว่าหลายคนมักจะเห็นรถหลายคันที่มีไฟตัดหมอก เปิดใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อแม้ว่าจะทำให้ผู้ขับขี่สบายตา แต่สำหรับรถที่ขับสวนเลนมา หรือรถที่อยู่คันข้างหน้า อาจถูกแสงของไฟตัดหมอกรบกวนสายตา เพราะฉะนั้นการใช้ไฟตัดหมอก หรือ Fog Lamp อย่างถูกต้องจะต้องใช้สถานการณ์ดังต่อไปนี้
ใช้ช่วงฝนตกหนักทั้งกลางวันหรือกลางคืน ช่วยให้รถคันอื่นเห็นเราได้ชัดเจน
ใช้ช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียก เพื่อให้เห็นเส้นทางชัดเจน
ใช้ขณะขับรถขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขาโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว
หมอกลงจัดหรือมีควันบนท้องถนน บดบังวิสัยทัศน์ ทำให้มองเห็นน้อยกว่า 50 เมตร
ทั้งนี้ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมา โดยเฉพาะในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน
ไฟตัดหมอก มีประโยน์สำหรับการเดินทางโดยเฉพาะที่ต้องเจอกับสภาพทัศนวิสัยที่ไม่ดีนัก เพราะการเปิดไฟตัดหมอกจะช่วยให้เห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน รถบางรุ่นจะมีไฟตัดหมอกที่ไฟท้ายด้วย โดยมีเพียง 1 ข้าง และอยู่ห่างจากไฟเบรก เพื่อป้องกันความสับสนระหว่างไฟท้ายหรือไฟตัดหมอกนั่นเอง
ไฟตัดหมอกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยแบ่งตามลักษณะโคมไฟดังนี้
1.FOG LAMPS โคมไฟตัดหมอกประเภทนี้ให้ความสว่างที่แผ่กระจายออกด้านข้างได้มากถึง 90 องศา มองเห็นไหล่ทางอย่างชัดเจน ลำแสงไม่สามารถพุ่งไปได้ไกล จุดสังเกตของโคมประเภทนี้ คือ หน้าโคมจะมีเส้นขวางเยอะๆ เพื่อกระจายแสง เหมาะกับรถที่ไม่ใช้ความเร็วมาก แต่ต้องการแสงสว่างที่กระจายออกด้านข้างมากๆ หรืออาจจะนำไปใช้เป็นไฟถอยได้
2.DRIVING LAMPS หน้าโคมมีเส้นหักเหแสงเฉพาะตรงกลางสามารถให้ความสว่างได้กว้างแต่น้อยกว่าแบบ Fog Lamps แต่ลำแสงจะพุ่งไปได้ไกลกว่า องศาของแสงในโคมประเภทนี้อยู่ที่ 10-25 องศา ใช้สำหรับรถที่ใช้เดินทางไกลหรือเดินทางตอนกลางคืนเป็นประจำ
3.PENCIL BEAM LAMPS หน้าโคมจะไม่มีเส้นหักเหแสง ลำแสงจะพุ่งตรงเป็นจุด สามารถทะลุไปได้ไกลที่สุด แต่องศาของแสงมีน้อยเพียง 5-15 องศา โคมไฟประเภทนี้จึงเหมาะกับรถที่ใช้ในการแข่งขัน rally เป็นต้น
วัสดุของโคมไฟตัดหมอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสีย ดังนี้
1.เหล็กชุบโครเมียม ทนความร้อนสูง แต่เป็นสนิมง่าย
2.พลาสติก น้ำหนักเบาแต่หากโดนแดดเป็นประจำ จะกรอบแตกง่าย
ส่วนเลนส์ของไฟตัดหมอกจะมีทั้งแบบกระจก มีความทนทาน ไม่เหลืองไม่ขุ่น แต่จะแตกง่ายเมื่อกระทบเข้ากับของแข็ง และแบบโพลีคาร์บอเนท มีความเหนียวทนทาน ไม่แตกง่าย แต่จะเหลืองขุ่นไวกว่าแบบกระจก
สำหรับหลอดโคมไฟที่ใช้ในโคมไฟตัดหมอก จะนิยมเป็นหลอดฮาโลเจน (HALOGEN) สีเหลือง ที่แนะนำเป็นสีเหลือง เพราะแสงสีเหลืองจะสามารถส่องทะลุหมอกและฝนได้ดี
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุไว้ว่า การเปิดไฟตัดหมอกสามารถเปิดใช้ได้ในกรณีมีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคที่อาจทำให้เกิดอันตรายในการขับขี่ รวมถึงเปิดใช้เมื่อไม่มีรถสวนมาอยู่ในระยะแสงไฟ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์เท่านั้น หากมีการใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ตามมาตรา 148
การเปิด ไฟตัดหมอก ช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนขึ้นทั้งของเจ้าของรถเองและรถคันอื่น ทั้งนี้การใช้ไฟตัดหมอกควรใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่เปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ เพราะนอกจากจะรบกวนสายตาและเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่คนอื่นแล้วยังผิดกฎหมายจราจรอีกด้วย ทั้งนี้การเปิดไฟตัดหมอกจะสามารถใช้งานได้ในสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก หมอกลงจัด เดินทางขึ้นเขา จึงจะเห็นว่าตำแหน่งของไฟตัดหมอกอยู่ต่ำจากระดับสายตา เพื่อป้องกันแสงสะท้อนจากหมอกเข้าสู่สายตา และสามารถส่องทะลุหมอกหรือฝนได้ดีนั่นเอง การเปิดไฟตัดหมอกช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางแล้ว การทำประกันภัยรถยนต์ยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง แนะนำประกันรถยนต์ผ่อน 0% จากเฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ซื้อปั๊บ รับคุ้มครองทันที คลิก
แจ้งเลื่อนประกา…
ประกาศประกวดราค…
บริษัท เฮงลิสซิ…