บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เนื้อหาของบทความ
ในปัจจุบันการทำใบขับขี่ 2566 สามารถ walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งหรือทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ได้เช่นกัน และมีขั้นตอนการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ง่ายกว่าที่คิด ทั้งนี้การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 จะต้องเตรียมเอกสารอะไร และดำเนินการอย่างไรบ้าง บทความนี้เราจะอัปเดตการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 กัน
ใบขับขี่รถเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องพกติดตัวเสมอ สำหรับการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นอกจากจะสามารถทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว ยังสามารถ walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังต้องมีการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT-e learning ก่อน แต่สำหรับการทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นั้นเป็นเพียงการต่ออายุใบขับขี่เท่านั้น หากคุณต้องการทำใบขับขี่ใหม่ จะต้องเดินทางไปยื่นเรื่องที่ขนส่งเหมือนเดิม รวมไปถึงการรับใบขับขี่จะต้องไปสำนักงานขนส่งเนื่องจากจะต้องมีการถ่ายรูปติดบัตร และทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายอีกด้วย แต่การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ช่วยให้คุณลดขั้นตอนการไปรอคิว ไปรอทำเรื่องที่สำนักงานขนส่งนั่นเอง เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ทุกท่านที่ต้องการต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2566 นั่นเองค่ะ โดยขั้นตอนของการต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2566 มีดังนี้
1.เริ่มต้นต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com
2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน”
3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด
4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง
4.เลือกแบบทดสอบก่อนอบรม
5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม
6.ดูวีดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล
7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ
8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม
หลังจากที่ได้ทำการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ก็มาที่ขั้นตอนการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อจองเวลาที่จะเข้าไปทำเรื่องที่ขนส่งต่อ ซึ่งสามารถจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถโหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพื่อจองคิวทำใบขับขี่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์
2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปต่อใบขับขี่ออนไลน์
3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต” และเลือกการต่ออายุรถตามประเภทของรถ
4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง โดยหลักฐานมีดังนี้
5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ
6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียม รถจักรยานยนต์ 255 บาท และรถยนต์ 505 บาท เป็นอันเสร็จ
**สำหรับผู้ที่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ผู้ที่มีใบขับขี่แต่หมดอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ไม่เกิน 90 วัน**
ใบขับขี่หรือใบขับอนุญาตขับขี่ เป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องพกติดตัวไว้เสมอ ไม่ว่าจะขับรถเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ทั้งนี้สำหรับคนที่เคยลืมต่อใบขับขี่หรือคิดว่าอาจจะไม่สะดวกเดินทางไปทำใบขับขี่ที่ขนส่งในวันที่ตรงกับวันหมดอายุของใบขับขี่นั้น ก็สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยเราสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือนนั้น เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับการ ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน มาแนะนำค่ะ โดยปกติแล้วในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน จะต้องมีการจองคิวออนไลน์เพื่อทำเรื่อง ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ที่สามารถจองคิวล่วงหน้าเพื่อเลือกวันเวลาเข้าไปทำเรื่องต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้โดย
ใบขับขี่ 2 ปี เป็นใบขับขี่ชั่วคราว หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะกลายเป็น 5 ปี ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้
1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท
2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท
ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66
ใบขับขี่ 5 ปี เป็นใบขับขี่ทั่วไป หากมีการต่อใบขับขี่ในครั้งต่อไป ก็จะยังคงเป็น 5 ปีเหมือนเดิม ซึ่งในการต่อใบขับขี่นั้น สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน คำตอบคือ สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 6 เดือน หรือ 180 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าตามประเภทรถดังนี้
1.รถจักรยานยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 255 บาท
2.รถยนต์ ต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 505 บาท
ทั้งนี้หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุและมีการนำไปใช้งาน จะผิดกฎหมายพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 66
ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับขี่ เป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกเป็นใบอนุญาตให้ผู้ขับขี่รถสามารถขับขี่รถได้อย่างถูกกฎหมาย หากผู้ขับขี่ไม่พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หายไม่สามารถนำมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ กฎหมายมีการกำหนดบทลงโทษกรณีไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ได้แก่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ตามมาตรา 64 ความว่า ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากใบขับขี่หาย หากเป็นรถส่วนบุคคลไม่ต้องแจ้งความ แต่เมื่อรู้ตัวว่าใบขับขี่หายจะต้องมีรีบดำเนินการขอใบขับขี่ใหม่แทนใบขับขี่หาย โดยใบขับขี่หาย สามารถยื่นเรื่องขอใบขับขี่ใหม่ ดังนี้
1.บัตรประชาชนฉบับจริง
2.ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน ประทับตราสถานพยาบาลชัดเจน
3.หลักฐานการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน
1.ยื่นเอกสารและหลักฐานการจองคิวผ่านแอป
2.เขียนใบคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่
3.ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
4.ชำระค่าธรรมเนียม
5.รอรับใบขับขี่ใหม่
1.ค่าธรรมเนียมคำขอ ฉบับละ 5 บาท
2.ค่าธรรมเนียมใบแทนกรณีสูญหายหรือชำรุด 100 บาท
3.ค่าบริการถ่ายรูปและพิมพ์ใบอนุญาตขับรถ 100 บาท รวมเป็น 205 บาท
ผู้ขับขี่หลายท่านอาจจะเคยได้เห็นข่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เริ่มใช้ระบบการตัดแต้มใบขับขี่ 2566 หรือที่เรียกว่าการตัดแต้มใบขับขี่ การตัดแต้มใบขับขี่ 2566 ผู้ที่มีใบขับขี่ทุกคนจะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนนเต็ม หากมีการกระทำผิดก็จะถูกตัดแต้มใบขับขี่ตามกลุ่มความผิดที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับการตัดแต้มใบขับขี่ ใน 20 ฐานความผิดที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ จะถูกตัดแต้มใบขับขี่เมื่อทำผิดทันที โดยการตัดแต้มใบขับขี่จะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดแต้มใบขับขี่ในแต่ละครั้ง
หมายเหตุ : Police Ticket Management หรือ PTM คือระบบจัดการใบสั่งออนไลน์ คลิก ผู้ขับขี่สามารถเข้าไปตรวจสอบใบสั่งจราจรได้ และยังสามารถจ่ายค่าปรับจราจรได้ที่ แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT แอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือชำระที่สถานีตำรวจ, ธนาคารกรุงไทย, สาขาของไปรษณีย์ไทย, ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยหรือตู้บุญเติม แล้วหากไม่จ่ายค่าปรับจราจรยังมีผลต่อการต่อภาษีรถ อ่านเพิ่มเติม คลิก โดยมีการตัดแต้มใบขับขี่มีเกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่ 2566 ดังนี้
1.ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
2.ไม่สวมหมวกกันน็อก
3.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
4.ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด
5.ขับรถบนทางเท้า
6.ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
7.ไม่หลบรถฉุกเฉิน
8.ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว
9.ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข
10.ไม่ติดป้ายภาษี
1.ขับรถฝ่าไฟแดง
2.ขับรถย้อนศร
3.ขับรถในระหว่างโดยพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
1.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ
2.ขับผิดวิสัยคนขับรถธรรมดา
3.ขับรถชนแล้วหนี
1.เมาแล้วขับ
2.ขับรถในขณะเสพยาเสพติด
3.แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
1.หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน (รถทุกประเภท)
2.หากฝ่าฝืนขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
นอกจากนี้ยังมีความผิดอื่นตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทางจำนวน 42 ฐานความผิด สำหรับความผิดกลุ่มนี้จะมีการตัดแต้มใบขับขี่ เฉพาะกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ได้มาจ่ายค่าปรับตามใบสั่งภายในเวลาที่กำหนด เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ ขับรถไม่ชิดซ้าย เป็นต้น แม้ว่าจะมีการตัดแต้มใบขับขี่ไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถคืนแต้มจากการที่ถูกตัดแต้มใบขับขี่ได้ โดยมีการคืนแต้มจากการตัดแต้มใบขับขี่ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1.การคืนคะแนนอัตโนมัติ
2.การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก
หากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับจราจรและมีการตัดแต้มใบขับขี่ไปแล้ว ผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ก็ยังสามารถได้แต้มใบขับขี่คืนโดยการคืนคะแนนโดยอัตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้
คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน
1.กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง
2.กรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ เมื่อผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก ก็จะได้รับคืนคะแนนตามที่กำหนด โดยหลักสูตรที่ใช้ในการอบรมเพื่อคืนแต้มใบขับขี่ เช่น
โดยต้องเข้ารับการทดสอบโดยต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่า 60% จึงถือว่าผ่านการอบรมและการทดสอบ แต่หากทดสอบไม่ผ่านก็ยังสามารถสอบแก้ตัวได้ครั้งที่ 2 ภายในวันเดียวกัน แต่หากยังทดสอบไม่ผ่านอีก จะมีการออกหมายนัดมาทดสอบครั้งที่ 3 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ทดสอบครั้งแรก เมื่อผ่านการทดสอบแล้ว กรมการขนส่งจะทำการแจ้งผลการอบรมและทดสอบเพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อคืนคะแนนให้ผู้ขับขี่ต่อไป ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนแต้มใบขับขี่ของตัวเอง ผ่านช่องทาง เว็บไซต์ E-Ticket PTM
การทำใบขับขี่ออนไลน์ 2566 สามารถเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งทางบก หรือจองคิวออนไลน์ผ่านแอป DLT Smart Queue ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะ walk-in หรือ จองคิวออนไลน์ ก่อนอื่นคุณจะต้องทำการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ 2566 ก่อน เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องมานั่งรอที่สำนักงานขนส่งนาน ๆ อีกต่อไป ทั้งนี้แม้ว่าจะมีใบขับขี่แล้ว แต่ผู้ขับขี่ก็ยังต้องขับขี่รถด้วยความมีสติ ระมัดระวัง เคารพกฎจราจร และเมาไม่ขับ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุในการขับขี่ และจะได้ไม่ถูกตัดแต้มใบขับขี่ตามเกณฑ์ที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แนะนำเพิ่มความคุ้มครองในการเดินทางด้วยประกันรถยนต์ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ผ่อนสบาย 0% นานถึง 12 งวด* หมดกังวลไม่ต้องควักเงินก้อน ก็สามารถซื้อประกันรถยนต์แบบแบ่งจ่ายได้ จ่ายเบา ๆ แต่ได้รับความคุ้มครองจัดเต็ม สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
ประกาศผลประกวดร…
เฮงลิสซิ่ง เปิด…
บริษัท เฮงลิสซิ…