หากคุณใช้รถและถนนหนทางในการเดินทางเป็นประจำทุกวัน จะต้องสังเกตเห็นสีของฟุตบาทถนน ว่าแต่ละช่วงถนนจะมีสีฟุตบาทถนนที่แตกต่างกัน ทั้งสีขาวสลับดำ ขาวสลับเหลือง และขาวสลับแดง แล้วแต่ละสีมีความหมายอย่างไร แล้วคุณเข้าใจถูกหรือไม่ เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับสีฟุตบาทถนนมาฝากกันค่ะ

ฟุตบาทถนน แต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร

ฟุตบาทถนน ขอบทาง หรือทางเท้าตามที่หลายคนเรียกกัน เป็นเครื่องหมายจราจรพื้นทางที่เป็นการบังคับให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม ซึ่งมาในรูปแบบของแถบสีที่เราเห็นกันเป็นประจำ โดยฟุตบาทถนนแต่ละสีจะเป็นเครื่องหมายบอกว่าบริเวณฟุตบาทถนน สีต่าง ๆ นั้นสามารถจอดรถได้หรือไม่ แต่หากมีการฝ่าฝืนจอดรถให้พื้นที่ที่ห้ามจอด อาจจะทำให้รถถูกล็อคล้อหรือโดนปรับเงินนั่นเอง ทั้งนี้นอกจากสี ฟุตบาทถนนจะช่วยกำหนดพื้นที่ที่เราสามารถจอดรถได้หรือห้ามจอดแล้ว เรามักจะเห็นป้ายห้ามจอดรถต่าง ๆ อยู่บริเวณริมฟุตบาทถนนเช่นเดียวกัน และมีการกำหนดวันและเวลาที่สามารถจอดรถได้หรือไม่สามารถจอดรถได้เช่นเดียวกัน และหากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเช่นเดียวกันโดยสีของฟุตบาทถนนแต่ละสีที่เห็นกันนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ ฟุตบาทถนนสีขาวแดง ฟุตบาทถนนสีขาวเหลือง และฟุตบาทถนนสีขาวดำ      

ฟุตบาทถนน สีขาวแดง

ฟุตบาทถนนสีขาวแดง  เปรียบเสมือนเครื่องหมายว่าห้ามหยุดรถ ห้ามจอดแช่หรือห้ามจอดรถทุกชนิดภายในบริเวณที่เป็นสีฟุตบาทถนนหรือขอบทางที่มีสีขาวแดงสลับกัน และผู้เดินทางเท้าก็ไม่ควรโบกเรียกรถให้จอดในบริเวณนี้ด้วย โดยเรามักจะพบฟุตบาทถนนสีขาวแดง บริเวณหัวโค้งถนน หัวมุมถนนซึ่งบริเวณนี้จะมีการจราจรตลอดเวลาเพราะหากมีการจอดจะทำให้เกิดรถติดและเกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้นั่นเอง

ฟุตบาทถนน สีขาวเหลือง

ฟุตบาทถนนสีขาวเหลือง เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายห้ามจอดรถทุกชนิด แต่ยังสามารถหยุดรับส่งสิ่งคนและสิ่งของชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ไม่สามารถจอดรถทิ้งไว้ได้ แต่หยุดเพื่อรับส่งคนหรือสิ่งของแล้วรีบไปได้ โดยเรามักจะพบฟุตบาทถนนสีขาวเหลือง บริเวณป้ายรถเมล์ ซึ่งต้องมีการรับส่งผู้โดยสารแต่ไม่สามารถจอดรถแช่ได้นั่นเอง

ฟุตบาทถนน สีขาวดำ

ฟุตบาทถนนสีขาวดำ หากพบบริเวณทางหลวงจะเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถเห็นขอบถนนได้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเรามักจะพบฟุตบาทถนนสีขาวดำ บริเวณทางขึ้นสะพาน วงเวียนกลับรถ นอกจากนี้สีขอบทางขาวดำ ยังสามารถจอดรถได้แต่ต้องให้ชิดขอบทางในระยะไม่เกิน 25 เซนติเมตรเท่านั้น   

หากจอดรถริมฟุตบาทถนน มีโทษปรับอย่างไร

หากมีการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร เครื่องหมายพื้นทางในที่นี่คือสีฟุตบาทถนน  การฝ่าฝืนจอดรถในพื้นที่ห้ามจอดรถ จะมีค่าปรับ 500 บาท ตามความผิดพ.ร.บ.มาตรา 57 และ 59 นอกจากนี้หากโดนยกรถจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นตามมาอีกด้วย เมื่อพูดถึงเรื่องของค่าปรับแล้ว เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ภาครัฐได้มีการปรับปรุงกฎหมายจราจรใหม่ และมีการเพิ่มในส่วนของอัตราค่าปรับจราจรใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนนนั่นเอง โดยมีการเพิ่มโทษปรับในข้อที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง ได้แก่ ความเร็วในการใช้รถ การฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ทางม้าลาย การสวมหมวกนิรภัย การเพิ่มโทษปรับที่ผู้ขับขี่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น เมาแล้วขับ การรัดเข็มขัดนิรภัย รวมไปถึงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือคาร์ซีท ทั้งนี้เราจะมาลงรายละเอียดในส่วนของอัตราค่าปรับจราจรและบทลงโทษเพิ่มเติมในแต่ละข้อกันค่ะ

กฎหมายจราจรใหม่เพิ่มโทษปรับข้อไหนบ้าง

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ภาครัฐได้มีการปรับปรุงกฎหมายจราจรใหม่ และมีการเพิ่มในส่วนของอัตราค่าปรับจราจรใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนนนั่นเอง โดยการเพิ่มค่าปรับจราจรมีหลากหลายข้อดังต่อไปนี้

ค่าปรับจราจรปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

การเพิ่มค่าปรับจราจรสำหรับปัจจัยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยอาจก่อให้เกิดการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางได้แก่

1.การขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยมีการกำหนดอัตราความเร็วดังต่อไปนี้

ข้อกำหนดในการใช้ความเร็วบนทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถแบบจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ดังนี้

1.1 รถยนต์ วิ่งไม่เกิน 120 กม./ชม.

1.2รถเลนขวาสุด วิ่งไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ส่วนรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กก. หรือรถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน วิ่งได้ไม่เกิน 90 กม./ชม.

1.3 รถจักรยานยนต์ วิ่งไม่เกิน 80 กม./ชม.

1.4 รถจักรยานยนต์ 400 cc (บิ๊กไบค์) ขึ้นไปวิ่งไม่เกิน 110 กม./ชม.

1.5 รถโรงเรียน วิ่งไม่เกิน 80 กม./ชม.

1.6 รถโดยสาร 7-15 คน วิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม.

1.7 รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถใช้งานเกษตรกรรม วิ่งไม่เกิน 45 กม./ชม.

1.8 รถลากจูง รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ วิ่งไม่เกิน 65 กม./ชม.

2.ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท

3.ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท

4.ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 500 บาท

5.ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 500 บาท

6.ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่มีค่าปรับไม่เกิน 500 บาท โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติม คือ รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนรถกระบะ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอน ( รถกระบะ 4 ประตู ) ผู้โดยสารตอนหลังต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย

ค่าปรับจราจรเพิ่มโทษผู้ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น

การเพิ่มค่าปรับจราจรเพิ่มโทษผู้ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น ได้แก่ การเมาแล้วขับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากเดิม จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท

1.หากมีการทำผิดครั้งแรก  โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.หากมีการทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000 – 100,000 บาท

ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีท

ยังไม่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 ทั้งนี้ซึ่งการออกประกาศดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการประชุมหารือ กับนักวิชาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกรมการขนส่งทางบกจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565

ค่าปรับจราจรหากมีการแข่งหรือจัดแข่งรถในทางสาธารณะ

1.การรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทางด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป ถือว่า “พยายามแข่งรถในทาง” โดยมีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง อาทิเช่น นัดหมายเพื่อแข่งรถกันมาก่อน หรือรถดัดแปลง ปรับแต่งรถให้มีสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทำการแข่งรถในทาง  โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือค่าปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.หากเป็นผู้จัด ผู้โฆษณา ประกาศ หรือชักชวนแข่งรถ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.ร้านที่รับแต่งรถ เมื่อรถนั้นถูกนำไปใช้แข่งรถในทาง ต้องรับโทษในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งรถในทาง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

*ข้อมูลจากตำรวจสอบสวนกลาง

เสียค่าปรับจราจรที่ไหนได้บ้าง

หากคุณเผลอทำผิดกฎหมายจราจรและได้รับใบสั่งเพื่อไปเสียค่าปรับ แต่เดียวนี้คุณไม่ต้องเดินทางไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจเพียงเพียงช่องทางเดียวแล้ว เพราะคุณยังสามารถเดินทางไปจ่ายค่าปรับจราจรได้ที่ เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตู้ ATM และตู้ ADM กรุงไทย Counter Service CenPay ตู้บุญเติม ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือจุดที่มีสัญลักษณ์ PTM ทั่วประเทศ แอปพลิเคชันเป๋าตัง และยังสามารถจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยนอกจากนี้เรายังสามารถตรวจสอบใบสั่งอออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการชำระค่าปรับและเช็กได้ว่าเรามีใบสั่งออนไลน์ที่ค้างชำระหรือไม่ได้อีกด้วย โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ ptm.police.go.th คลิก

เทคนิคและมารยาทในการขับรถยนต์

ในฐานะที่ต่างคนต่างใช้ถนนหนทางร่วมกัน อย่างน้อยการทำตามกฎหมายจราจรและมีมารยาทให้การขับขี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยและมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางอีกด้วย มารยาทเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่ควรมีขณะใช้รถใช้ถนนมีดังนี้

1.หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลาย

เราจะพบว่ามีข่าวรถชนคนข้ามถนน โดยเฉพาะข้ามบนทางม้าลายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถ หากพบว่ามีคนอยู่บนทางเท้าและกำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย ผู้ขับควรชะลอ แตะเบรก และให้สัญญาณไฟขอทาง เพื่อให้คนข้ามทางม้าลายให้เรียบร้อยก่อนจึงจะขับรถออกไปได้ ซึ่งที่ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

2.ไม่ขับรถแช่ขวา

เลนทางขวาเป็นเลนสำหรับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าคุณขับรถตามความเร็วที่กฎหมายจราจรกำหนด แต่หากคุณวิ่งรถด้วยความเร็วคงที่ ก็ไม่ควรจะขับรถแช่ชวา เพราะจะทำให้การจราจรติดตัด รถคันหลังไม่สามารถไปก่อนได้ คุณจะสังเกตได้ว่าหากคุณขับรถแช่ขวาแล้วมีรถคันหลังขับจี้ท้ายคุณ คุณจะต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้คันหลังที่มาด้วยความเร็วกว่าไปก่อน

3.รักษาระยะห่างจากคันหน้า

หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วปกติ ควรจะเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ประมาณ 100 เมตร ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. และ 80 เมตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.เพื่อให้คุณมีระยะเบรกรถได้ทัน เป็นการป้องกันหากรถคันข้างหน้าของคุณเบรกกระทันหันไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม

4.ระวังการใช้ไฟสูง

ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถสวนกับคันอื่น เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคนอื่น

5.ให้สัญญาณไฟก่อนแซง

หากต้องการแซงรถ ควรให้สัญญาณไฟ ใช้ความเร็วที่จะแซงอย่างเหมาะสม และเว้นระยะการแซงรถเพื่อที่จะกลับเข้าเลนปกติ ไม่อยู่ในระยะประชิดจนเป็นการปาดหน้ารถ นอกจากนี้ไม่ควรแซงขวาเข้าไปในเลนรถสวนทาง

6.ไม่ขับรถตัดหน้าคันอื่น

หากจะต้องทำการเปลี่ยนเลนรถ  ควรจะต้องมองกระจกหลัง ให้สัญญาณไฟ รอให้รถคันอื่นไปแล้ว จึงจะสามารถเลี้ยวรถ หรือเปลี่ยนรถได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นการขับรถตัดหน้าคันอื่น จนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

แม้ว่าเราจะเห็นฟุตบาทถนนแต่ละสีอย่างชินตา แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของสีฟุตบาท สีขอบทางแต่ละสี และอาจจะใช้อย่างไม่ถูกต้อง ทั้งนี้บทความนี้ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสีฟุตบาทถนนแต่ละสีไว้เพื่อให้คุณได้เข้าใจความหมายและสามารถจอดรถในพื้นที่ที่สามารถจอดรถได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้เมื่อคุณปฏิบัติตนตามกฎหมายจราจรอย่างถูกต้องแล้ว แต่เราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าผู้ใช้รถคันอื่นจะมีการฝ่าฝืนกฎหมายจราจรและอาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนโดยการทำประกันภัยรถยนต์ติดรถไว้สักแผน จะช่วยเสริมความคุ้มครองในการเดินทาง ไม่ว่ารถของคุณจะเสียกลางทาง หรือรถเกิดอุบัติเหตุทั้งที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี คุณสามารถโทรเรียกบริษัทประกันเข้ามาช่วยเหลือและดูแลคุณในส่วนนี้ได้เลย สบายใจไร้กังวล สนใจเลือกแผนประกันรถยนต์ที่ใช่ คลิก