การ เคลือบแก้ว ถือเป็นการดูแลรถอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยม ทำให้รถเกิดความเงางาม มันวาว แต่เนื่องจากการทำเคลือบแก้วรถยนต์จะมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถวิธีอื่น จึงทำให้บางคนอาจจะมองข้ามข้อดีของการเคลือบแก้วไป วันนี้เราจะพามาดูกันว่าการเคลือบแก้วรถยนต์ คืออะไร มีผลดีกับรถอย่างไรในบทความนี้กันค่ะ

เคลือบแก้ว รถยนต์ คืออะไร?

การ เคลือบแก้ว เป็นหนึ่งในวิธีการเคลือบสีรถเพื่อดูแลสีรถให้สวยเหมือนใหม่  การเคลือบแก้วเป็นการเคลือบชั้นผิวของสีรถให้เหมือนกับกระจกใส เงางามมีความแข็งและหนาบนชั้นเคลือบตัวถังรถที่มาจากโรงงานเหนือชั้นสีของตัวรถ  ในสารเคลือบแก้วจะมีส่วนผสมของ Silicon dioxide (SiO2) หรือเรียกว่าซิลิกา เป็นสารเคลือบแก้วที่แข็งแรง ไม่หักเหแสง ทำให้สีรถยังคงสวยและเงางาม  ทั้งนี้การเคลือบแก้วจึงมีราคาสูงกว่าและอายุการใช้งานนานกว่าการเคลือบประเภทอื่น ส่วนประสิทธิภาพของการเคลือบแก้วก็ดีกว่าเช่นเดียวกัน เพราะการเคลือบสีรถแบบเคลือบแก้วช่วยให้สีรถมีความเงางามคล้ายกระจก ซึ่งทำให้พวกฝุ่น คราบสกปรก ยางมะตอยต่าง ๆ ทำความสะอาดได้ง่าย แถมยังช่วยป้องกันพวกรอยขนแมว รอยขีดข่วนได้ดี โดยการเคลือบสีรถด้วยการเคลือบแก้ว ส่วนอายุการใช้งานอยู่ได้ประมาณ 3 – 5 ปี ทั้งนี้การเคลือบสีรถด้วยการเคลือบแก้วยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

การ เคลือบแก้ว แบบพ่น

การเคลือบแก้วแบบพ่น เป็นวิธีที่พัฒนามาจากการพ่นสีรถยนต์ในโรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งมีลักษณะการพ่นเช่นเดียวกับการพ่นสีรถนั่นเอง ทำให้สารเคลือบนั้นสามารถครอบคลุมได้ทั่วผิวรถ ไม่ต้องกลัวว่าสารเคลือบนั้นจะเคลือบหนามากเกินไป  จึงทำให้การเคลือบแก้วแบบพ่นมีความคงทน เงางาม รถดูสวยงามแวววาวอีกด้วย

การ เคลือบแก้ว แบบทา

การเคลือบแก้วแบบทา เป็นการเคลือบแก้วแบบดั้งเดิมเป็นการทาสารเคลือบแก้วลงบนผิวรถ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญมากเป็นพิเศษ เพราะการเคลือบแก้วแบบทาจะต้องมีการทา จะต้องไม่หนาเกินไป ไม่บางเกินไป เพื่อให้ความหนาของสารเคลือบแก้วนี้มีความสม่ำเสมอเท่ากัน

นอกจากการเคลือบสีรถด้วยการเคลือบแก้วแล้ว ยังมีการเคลือบสีรถอีกประเภทหนึ่งที่มีความแตกต่างจากการเคลือบแก้วนิดหน่อยคือการเคลือบแก้วเซรามิก ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของส่วนประกอบของน้ำยาที่มีสารตั้งต้นแตกต่างกัน โดยที่การเคลือบเซรามิกหลายชนิด ได้แก่ Silicon Carbide (SiC) และ Silicon dioxide (SiO2) ซึ่งเมื่อเคลือบแล้วจะทำให้สีรถเกิดความเงางาม หนาคงทนต่อรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมากกว่าสารเคมีประเภทอื่น

ข้อดีของการเคลือบแก้ว

การเคลือบแก้ว นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดใส สวยงาม แวววาวให้กับรถยนต์ที่คุณรักแล้ว ยังมีข้อดีของการเคลือบแก้วที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ดังนี้

  1. การเคลือบแก้ว เหมาะกับรถเกิดรอยขีดข่วนง่าย โดยเฉพาะสีขาวและดำ หากทำการเคลือบแก้วจะช่วยลดรอยขีดข่วน รอยขนผ้า รอยขนแมวได้ระดับหนึ่ง
  2. การเคลือบแก้ว ช่วยป้องกันสีและผิวรถยนต์จากแสง UV เหมาะสำหรับรถที่ต้องจอดตากแดดบ่อย ๆ
  3. การเคลือบแก้ว ป้องกันคราบเปื้อนฝังแน่นจากฝุ่น มูลนก ยางมะตอย ฝน คราบหยดน้ำ และช่วยให้ไม่ทิ้งคราบน้ำ
  4. การเคลือบแก้ว อยู่ได้ยาวนานประมาณ 2 – 3 ปี อยู่นานกว่าเคลือบแว็กซ์
  5. การเคลือบแก้ว เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาล้างรถ เพราะแค่ฉีดน้ำทำความสะอาดรถ คราบสกปรกก็หลุดออกแล้ว

ข้อควรพิจารณาในการเคลือบแก้ว

  1. การเคลือบแก้ว ไม่ได้ทนต่อรอยข่วนหนัก ๆ เช่น รอยขูดจากของแข็ง รอยถูกกระแทกหรือถูกทุบ หรือการนำฟองน้ำที่ติดเศษทรายไปล้างรถ
  2. แนะนำว่ารถที่นำไปเคลือบแก้ว ควรเป็นรถที่ไม่มีรอยขีดข่วน หากรถที่มีรอยขีดข่วนควรทำการขัดซักเงาสีรถยนต์ wet look ก่อน หรือ รถใหม่ป้ายแดง
  3. การเคลือบแก้ว มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับการเคลือบสีชนิดอื่น

 

การเคลือบแก้ว ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

การเคลือบแก้ว 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับน้ำยาเคลือบของแต่ละร้าน มีราคาสูงแต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่าและดีกว่าการเคลือบสีรถวิธีอื่น

การเคลือบแก้ว สามารถทำด้วยตัวเองได้ไหม?

การเคลือบแก้วสามารถทำเองที่บ้านได้หรือไม่ คำตอบคือ สามารถทำเองได้ เพราะมีผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วทั้งในรูปแบบสเปรย์และน้ำยา แต่ทั้งนี้การทำเคลือบแก้วด้วยตัวเอง อาจจะต้องมีความรู้ มีความระมัดระวัง พิถีพิถันในการเคลือบแก้ว โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. ทำความสะอาดพื้นผิวและขัดผิว เตรียมผิวให้สะอาดและเรียบเนียน
  2. ใช้ดินน้ำมันลูบ เพื่อดูดสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวรถยนต์ หากเป็นรถเก่า ควรลบรอยขนแมวก่อน
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวรถยนต์แห้งสนิท
  4. ลงน้ำยาเคลือบแก้ว
  5.  หลังจากลงน้ำยาเคลือบแก้วทั่วทั้งคัน ห้ามโดนน้ำ 24 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาเคลือบแก้วเซ็ทตัว เป็นอันเสร็จ

นอกจากเคลือบแก้ว ยังมีการเคลือบสีแบบใดบ้าง?

นอกจากการเคลือบแก้วแล้ว ยังมีการเคลือบรถแบบเราจะมาทำความรู้จักกับการเคลือบสีรถประเภทอื่น ๆ  ซึ่งมีหลากหลายประเภท คุณสมบัติและอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน เรามาดูกันว่านอกจากการเคลือบแก้วแล้ว ยังมีการเคลือบรถแบบใดอีกบ้าง

การเคลือบแว็กซ์

การเคลือบแว็กซ์ ถือเป็นการเคลือบสีรถที่ง่ายและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถประเภทอื่น ทั้งนี้คุณสมบัติของการเคลือบสีรถโดยการเคลือบแว็กซ์จะช่วยเพิ่มความเงางามให้กับรถ และสามารถลบรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ โดยการเคลือบสีแว็กซ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การเคลือบสีรถแบบแว็กซ์ครีม และการเคลือบสีรถแบบแว็กซ์น้ำ ซึ่งจะทนความร้อนได้ดีกว่า แต่การเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์จะมีข้อเสียคืออายุการเคลือบอยู่ได้ไม่นาน

การเคลือบซิลิโคน

การเคลือบสีรถด้วยซิลิโคนจะมีราคาสูงกว่าการเคลือบแว็กซ์อีกหน่อย แต่การเคลือบสีรถด้วยซิลิโคนจะทำให้รถมีความเงางามกว่า ดูมีมิติมากกว่าและทนความร้อน ยูวีได้ดีมากกว่าการเคลือบสีรถแบบแว็กซ์ นอกจากนี้ยังลดการเกาะของพวกคราบสกปรกต่าง ๆ ส่วนอายุการใช้งานอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แต่ยังมีข้อด้อยตรงที่ประสิทธิภาพในการป้องกันเรื่องรอยขีดข่วนทำได้ไม่สูงมากนัก

การเคลือบเซรามิก

การเคลือบเซรามิก จะมีความใกล้เคียงกับการเคลือบแก้ว แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ การเคลือบเซรามิก จะมีความเงางาม มีความคงทนมากกว่า มีส่วนประกอบของน้ำยาที่ใช้เป็นสารตั้งต้น โดยสารดังกล่าวจะมีอยู่หลายชนิด ทั้ง Silicon Carbide (SiC) และ Silicon dioxide (SiO2) ซึ่งเมื่อเคลือบไปกับตัวรถแล้วจะเกิดความเงา และมีความหนา แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น และมีราคามากกว่าการเคลือบแก้ว  

การ เคลือบแก้ว เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลรถ ดูแลสีรถ ให้สวยงามเหมือนใหม่ ช่วยถนอมนสีรถและป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมวได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าการเคลือบแก้วแบบอื่น แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้นั้น เรียกได้ว่ามีความคุ้มค่ากว่าการเคลือบสีรถประเภทอื่น ทำให้รถมีความแวววาว สวยเหมือนใหม่  สามารถป้องกันรอยข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น รอยขนแมว รอยขีดข่วนบาง ๆ รอยขนผ้าได้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถ ไม่ค่อยล้างรถอีกด้วย  นอกจากรถยนต์คู่ใจจะสวยงามแล้ว  ยังเปลี่ยนเป็นเงินก้อนพร้อมใช้ ทำให้ทุกโอกาสเป็นจริงได้ ด้วยสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงิน สนใจสอบถามและสมัครสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงิน คลิกปุ่มสมัครด้านล่างเลย

สมัครสินเชื่อ