ยางรถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญของรถที่ช่วยให้รถของคุณสามารถเคลื่อนที่ไปได้ในสภาพถนนต่าง ๆ ช่วยลดแรงกระแทกระหว่างตัวรถกับถนน และยังต้องแบกรับน้ำหนักทั้งคนและรถอีกด้วย ทั้งนี้หากการขับขี่เริ่มเปลี่ยนไป รถเริ่มทรงตัวไม่ดี ไม่ค่อยเกาะถนน นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสัญญาณที่คุณต้อง เปลี่ยนยางรถยนต์ ส่วนยางรถยนต์จะต้องเปลี่ยนตอนไหน เรามีคำแนะนำมาฝาก 

เปลี่ยนยางรถยนต์ ตอนไหนดี? 

ยางรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปไหนที่ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้การเปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งานของยางรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้การเปลี่ยนยางรถยนต์ ควรจะเปลี่ยนยางรถยนต์ตอนไหน บางคนเปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งานและระยะทางซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะตามหลักการแล้วการเปลี่ยนยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุก 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเปลี่ยนยางรถยนต์ควรจะดูจากสภาพยางรถยนต์เป็นหลัก เพราะแต่ละคนมีการใช้งาน ลักษณะการขับขี่ สถาพถนน ระยะทางที่ใช้ในแต่ละวันที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นสำหรับรถบางคันนั้น การเปลี่ยนทุก 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตรอาจจะไม่สามารถใช้ได้ ทางที่ดีเรามาดูที่สภาพยางรถยนต์กันดีกว่าว่าสภาพยางแบบไหน หรือหากรถมีสัญญาณอย่างไรถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ได้แล้ว ดังนี้ 

1.เช็กสภาพยาง 

ยางรถยนต์เมื่อใช้งานไปสักพัก สภาพของยางรถยนต์จะเริ่มเปลี่ยนไปยิ่งใช้งานอย่างสมบุกสมบัน ยางรถยนต์ก็ยิ่งเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร  อาจจะใช้งานไม่ถึง 3-5 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตรก็ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่เสียก่อน เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเรามาเริ่มต้นดูที่สภาพยางรถยนต์ก่อน โดยจุดที่ต้องสังเกตบนยางรถยนต์มีดังนี้ 

สะพานยาง    

ก่อนอื่นลองก้มลงมามองที่ยางรถยนต์ของเราก่อน สังเกตที่ร่องยางจะมีเส้นขวางอยู่ตรงกลางร่องยาง เรียกว่า สะพานยาง มีไว้สำหรับวัดความสูงของดอกยาง ถ้าเมื่อไหร่ที่ดอกยางอยู่ระดับเดียวกับสะพานยาง  แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่ เพราะหากดอกยางรถยนต์อยู่ในระดับเดียวกับสะพานยาง นั่นหมายความว่าดอกยางไม่สามารถรีดน้ำออกได้นั่นเอง 

รอยแผลบนแก้มยาง 

หลังจากดูสะพานยางแล้ว เรามาลองตรวจสอบรอยร้าว รอยแตกของยางรถยนต์ หากพบเจอรอยแตก รอยแผลที่แก้มยาง  แสดงว่ายางรถยนต์ของคุณใกล้เวลาที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่ แต่หากดันทุรังไม่ยอมเปลี่ยนยางรถยนต์ที่มีรอยแตก รอยฉีก เสี่ยงต่อยางระเบิดขณะขับขี่ได้ 

ยางบวม 

นอกจากรอยแผลบนแก้มยางที่เป็นสัญญาณเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว หากยางรถมีลักษณะปูด บวม นูน ต้องรีบเปลี่ยนยางทันที เพราะเสี่ยงที่ใช้งานแล้วยางรถยนต์จะระเบิดกลางทางได้ รีบเปลี่ยนยางรถยนต์ด่วน  

เนื้อยางแข็ง 

แม้ว่ายางรถยนต์จะต้องแบกรับน้ำหนักทั้งรถ ผู้โดยสาร และสัมภาระ แต่ยางที่ดีนั้นหน้ายางจะต้องนิ่ม เราสามารถลองเอานิ้วหรือเล็บจิ้มหน้ายางเข้าไปแล้วมีความนิ่ม หรือมีรอยเล็บ ไม่แข็งกระด้าง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลองเอานิ้วหรือเล็บจิ้มเข้าไปแล้ว เนื้อยางรถยนต์แข็ง จิ้มเนื้อยางไม่เข้า ไม่มีรอยเล็บปรากฎ แสดงว่าหน้ายางรถยนต์หมดอายุ ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ทันที เพราะเสี่ยงที่รถจะเบรกได้ไม่ดี ยางไม่เกาะถนนด้วย  

2.เช็กอายุของยางรถยนต์ 

นอกจากการเช็กสภาพยางรถยนต์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรรู้เป็นความรู้พื้นทางคือการดูอายุของยางรถยนต์ ซึ่งดูได้ไม่ยาก ที่แก้มยางรถยนต์จะเป็นเลข 4 ตัว แสดงสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น 14 23 หมายถึง ผลิตสัปดาห์ที่ 14 ปี 2023 โดยปกติแล้ว ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุก 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของแต่ละคน หรือทางที่ดีควรเช็กอายุยางรถยนต์ตรงแก้มยางแนะนำให้เปลี่ยนยางทุก 2-3 ปี นับตั้งแต่วันที่ติดตั้งยาง ทั้งนี้ เราจะสังเกตว่าบริเวณแก้มยางยังมีตัวเลขอื่น ๆ โดยตัวเลขเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณควรรู้ ดังนี้ 

ตัวเลขบนแก้มยาง บอกอะไรเราบ้าง? 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่าที่แก้มยางรถยนต์ จะมีตัวเลขและตัวอักษรปรากฎอยู่ นั่นก็คือขนาดยางรถยนต์ เชื่อว่าคนที่ใช่รถหลายคนอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจว่าเลขเหล่านี้หมายถึงอะไรบ้าง โดยเราจะมาสอนอ่านตัวเลขบนแก้มยางรถยนต์ดังนี้ 

ตัวอย่าง ตัวเลขบนแก้มยาง 215/45 R17 91W 

  • 215 ความกว้างของยาง 
  • 45 ความสูงของยาง (ซีรีย์%)  
  • R ชนิดของยาง (เรเดียล) 
  • 17 เส้นผ่าศูนย์กลางล้อ (นิ้ว) 
  • 91 พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก (กก) 
  • W อัตราความเร็วที่ยางรับได้ (km/h) 
  • 0500 สัปดาห์ที่เท่าไหร่ของปีและปีค.ศ.ที่ผลิตยาง (เลข 4 หลักที่แก้มยาง) 

สำหรับชุดตัวเลข 4 หลักนี้ จะบอกวันที่ผลิตยางรถยนต์ ซึ่ง 2 ตัวแรก บอกสัปดาห์ที่ผลิต และ 2 ตัวหลัง บอกปีที่ผลิต จากรูปภาพ คือ ยางผลิตสัปดาห์ที่ 5 ของปี ค.ศ.2000  นอกจากนี้เมื่อคุณสามารถอ่านขนาดของยางรถยนต์และปีที่ผลิตแล้ว ยังทำให้คุณรู้อายุของยางรถยนต์อีกด้วย ซึ่งปกติแล้วยางรถยนต์ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี หรือ 40,000 กม. หากครบ 5 ปีแล้วแนะนำให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง นอกจากจะทำให้เรารู้ขนาดยางรถยนต์ ปีที่ผลิตและอายุยางรถยนต์แล้ว เวลาที่เราอาจจำเป็นต้องซื้อยางรถยนต์มือสองใช้ คุณก็สามารถดูปียางรถยนต์ได้ เพื่อจะได้ไม่ถูกย้อมแมวขาย เพราะบางร้านมีการย้อมแมวขายยางรถเก่าโดยอ้างว่าเป็นยางรถยนต์ปีใหม่ โดยการขัดข้อมูลรหัสปียางรถยนต์ออก แล้วปั๊มเข้าไปใหม่ ให้ตัวเลขเป็นปัจจุบันมากที่สุดนั่นเอง เห็นหรือไม่ว่าแค่คุณสามารถอ่านรหัสบนแก้มยางรถยนต์ ทำให้คุณรู้ว่าขนาดยางรถยนต์เท่าไหร่ ผลิตปีไหน และยางมีอายุการใช้งานเท่าไหร่แล้ว เวลาที่คุณจำเป็นต้องซื้อยางรถยนต์มือสองมาใช้จะได้ไม่โดนหลอกอีกด้วย 

เปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ ต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อหรือไม่? 

หลังจากเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่แล้ว จำเป็นจะต้องตั้งศูนย์หรือถ่วงล้อหรือไม่ แล้วการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร เรามีคำอธิบายดังนี้ 

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้รถยนต์มีความสมดุลขณะขับขี่ รถที่ไม่ทำการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ จะรู้สึกว่าเวลาขับรถพวงมาลัยจะเอียงซ้ายบ้างขวาบ้าง ซึ่งแบบนี้เป็นอันตรายต่อการขับขี่แน่นอน ฉะนั้นการตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์ จึงเป็นกระบวนการปรับแต่งการวางล้อของรถยนต์ให้สมดุลและสัมพันธ์กันเหมาะสมและความปลอดภัยในการขับขี่ ทั้งนี้คำว่าตั้งศูนย์ถ่วงล้อ  จะแบ่งออกเป็น การตั้งศูนย์และการถ่วงล้อรถยนต์  หรือคนมักจะเขียนว่า ตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ เพื่อให้เข้าใจง่ายและทราบว่าเป็นกระบวนการที่ต้องทำควบคู่กัน   ดังนั้นการตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถยนต์ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ถูกต้องช่วยให้รถยนต์มีการเคลื่อนที่ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง นอกจากนี้ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อยังช่วยให้มีความปลอดภัยในการขับขี่ที่สูงขึ้น และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ในระยะยาว ดังนั้นการตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์เป็นกระบวนการที่ควรให้ความสำคัญ โดยคุณควรทำการตรวจสอบและปรับแต่งล้ออย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ระยะห่างที่เหมาะสมและความสมดุลที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนั้นสามารถนำรถเข้าไปทำได้ที่ร้านยางรถยนต์ชั้นนำ หรือร้านยางรถยนต์ที่คุณไปเปลี่ยนยางรถยนต์ได้  

ตั้งศูนย์ – การปรับตั้งมุมของล้อเพื่อให้ได้องศาตามที่ผู้ผลิตรถของคุณกำหนด  

ถ่วงล้อ – การถ่วงล้อจะช่วยให้ล้อหมุนได้โดยไม่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนที่ไม่จำเป็น  

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ทำเมื่อใดบ้าง  

การตั้งศูนย์ล้อรถยนต์มีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญคือ เพื่อให้ล้อของรถยนต์มีการติดตั้งและการตั้งค่าที่ถูกต้องตามมาตรฐาน และข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากล้อที่มีการตั้งค่าไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยสถานการณ์หรือสัญญาณใดบ้างที่คุณควรนำรถยนต์ของคุณไปตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ  

ตั้งศูนย์ เมื่อไหร่  

  1. เปลี่ยนล้อรถยนต์ใหม่   
  2. รู้สึกผิดปกติขณะขับรถ พวงมาลัยเอียงซ้ายขวา  
  3. เมื่อมีการซ่อมช่วงล่างรถยนต์ หรือระบบบังคับเลี้ยว  
  4. มีเสียงดังขณะเข้าโค้ง หรือการเลี้ยวรถ  

ถ่วงล้อ เมื่อไหร่  

  1. พวงมาลัยสั่น ไม่ว่าจะสั่นทุกช่วงความเร็วหรือ สั่น ณ ความเร็วใดความเร็วหนึ่ง  
  2. เมื่อมีการสลับยางวิ่ง แล้วเกิดอาการสั่น  
  3. ทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ โดยควรถ่วงทั้ง 4 ล้อเสมอ 

การดูแลยางรถยนต์ยังไงให้ใช้ได้นาน 

การดูแลยางรถยนต์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้ยางรถยนต์ของเราได้นาน และมีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถของคุณ ทั้งนี้ในการดูแลรักษายางรถยนต์มีดังนี้ 

1.เติมลมยางให้พอดี 

หมั่นสังเกตลมยางอยู่เสมอ หากปล่อยให้ลมยางอ่อน ความร้อนจะสะสมในยางทำให้เกิดแผลที่ยางเหลืออาจจะระเบิดได้ หรือหากยางรถยนต์แข็งมากเกินไป อาจจะทำให้ดอกยางสึกเร็ว หรือเสี่ยงยางระเบิดได้เช่นเดียวกัน 

2.สลับยางรถยนต์ 

เมื่อใช้ยางรถยนต์ไปสักระยะ ยางจะมีการสึกไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการสลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อให้หน้ายางสึกเท่ากัน และหมั่นเช็กลมยางให้พอดีกับการใช้งานด้วย 

3.ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เป็นการสร้างสมดุลให้กับล้อรถ หากศูนย์ถ่วงล้อรถไม่ดีจะทำให้พวงมาลัยสั่นขณะขับรถซึ่งอันตรายต่อการขับรถ ปกติแล้วหลังจากที่คุณเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ทุก3 ปี หรือ 50,000 กม. จะมีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วย

4.เช็กดอกยางรถ

นอกจากจะเช็กลมยางแล้ว การเช็กดอกยางทุก 6 เดือน โดยดูจากสะพานยางหรือร่องนูนที่ร่องยาง หากคุณเห็นสะพานยางหรือยางมีรอยแตกแล้ว แสดงว่ายางรถยนต์เส้นนั้นหมดอายุต้องเปลี่ยนเส้นใหม่เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย 

 5.เลือกยางรถยนต์ให้ถูกประเภท 

ทั้งนี้การเลือกใช้ยางรถยนต์ประเภทไหน ควรจะเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งานและประเภทรถ หากใช้งานบนถนนทั่วไป ควรจะเลือก HT หากใช้รถกระบะ ที่ใช้งานทั้งในเมืองหรือออกไปลุยในวันหยุด อาจจะเลือกยางรถยนต์ AT หรือหากเป็นสายลุยเน้นเที่ยวป่าเที่ยวเขาโดยเฉพาะ เลือกใช้ยาง MT นั่นเอง 

เมื่อยางรถยนต์ของคุณผ่านการใช้งานจนครบระยะทางหรือจำนวนปี คุณควรนำรถยนต์ของคุณไปเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่ ทั้งยางหน้าและยางหลัง หรือหากพบว่ายางรถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพก่อนจะครบระยะที่แนะนำให้เปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่เช่นกัน ทั้งนี้การเปลี่ยนยางรถยนต์มีทางเลือกให้คุณเปลี่ยนตามการใช้งานและงบประมาณของคุณ เช่น ยางรถยนต์ใหม่ ยางใหม่ปีเก่า ยางเปอร์เซ็นต์ หรือยางรถมือสอง สำหรับใครที่เลือกใช้ยางรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว ควรจะเลือกยางรถสภาพดี ไม่มีแผล ไม่มีรอยฉีกขาด และเลือกใช้ให้ตรงกับสเปคของรถคุณ เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย คุณควรสำรวจรถและสภาพยางรถยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพราะหากคุณเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับรถก่อนออกบ้าน จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาระหว่างเดินทาง และแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ติดรถไว้เพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง สนใจสมัครประกันรถยนต์คลิกเลย 

สมัครสินเชื่อ