เนื้อหาของบทความ

เมื่อพูดถึง เลขคัสซี หรือเลขตัวถังรถ VIN (Vehicle Identification Number) หรือบางคนเรียกเลขแชสซี เป็นจุดหนึ่งที่สำคัญของรถยนต์ที่รถทุกคันต้องมี เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเลขคัสซี หรือเลขตัวถังคืออะไร แล้วแต่ละตัวมีความหมายว่าอย่างไร บทความนี้จะพามารู้จักและเข้าใจความหมายของเลขคัสซีหรือเลขตัวถังกันค่ะ

เลขคัสซี คืออะไร

เชื่อว่าสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์หรือการซื้อขายรถยนต์ อาจจะไม่รู้จักกับเลขคัสซี หรือเลขตัวถังรถ VIN (Vehicle Identification Number) คือเลขประจำตัวรถ เปรียบเสมือนกับเลขบัตรประชาชนของเรานี่เอง โดยรถแต่ละคันจะมีเลขคัสซีรถ ประกอบไปด้วยตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ 17 หลัก โดยที่เลขคัสซีนี้จะต้องตรงกับเลขในสมุดคู่มือทะเบียนรถ และเลขคัสซีแต่ละหลักจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยรถยนต์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งของเลขคัสซีรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป โดยตำแหน่งของเลขคัสซี หรือเลขตัวถังอยู่ตรงไหนบ้างนั้นมีดังนี้

  1. โครงหน้ารถ
  2. ผนังด้านในห้องเครื่อง
  3. ใต้กระจกบังลมหน้ารถ
  4. แก้มบังโคลนหน้า
  5. ใต้ยางอะไหล่
  6. ใต้ซุ้มล้อหลัง
  7. แผงหน้าปัดรถ
  8. ประตูฝั่งคนขับ
  9. ใต้พรมฝั่งคนขับ
  10. กระโปรงรถ
  11. ป้ายพรบ.รถ

เลขตัวถังรถ บอกอะไรได้บ้าง

เลขคัสซี หรือเลขตัวถังรถนั้น จะมีจำนวน 17 หลัก ซึ่งรถทุกคัยจะมีเลขคัสซีแตกต่างกัน และเลขแต่ละหลักจะมีความหมายเฉพาะที่แตกต่างกัน แล้วเลขคัสซีหรือเลขตัวถังบอกอะไรได้บ้าง เรามาดูกันในแต่ละหลักดังนี้

หลักที่ 1 : ภูมิภาคที่ผลิตรถคันนั้นขึ้น 

A – H ผลิตในทวีปแอฟริกา

J – R ผลิตในทวีปเอเชีย (ยกเว้น O และ Q)

S – Z ผลิตในทวีปยุโรป

1 – 5 ผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ

6 – 7 ผลิตในนิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย

8 – 9 ผลิตในทวีปอเมริกาใต้

หลักที่ 2-3 : บริษัทผู้ผลิตรถยนต์

หลักที่ 4-8 : รายละเอียดของตัวรถ เช่น รูปแบบตัวถัง, ระบบเกียร์, รุ่นย่อย เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด

หลักที่ 9 : ตัวเลขสำหรับยืนยันว่าไม่ใช่ VIN ปลอม มีรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ

หลักที่ 10 : บอกปีที่ผลิตรถคันนั้น เริ่มนับจากปี 1980 ที่มีการใช้เลข VIN 17 หลักเป็นครั้งแรก

  • ปี 1980 ใช้ตัวอักษร A และไล่ลงมาจนถึงตัวอักษร Y แทนปี 2000
  • ปี 2001 เปลี่ยนไปใช้ตัวเลข เลข 1 แทนปี 2001 ไปจนถึงเลข 9 แทนปี 2009
  • ปี 2010 ใช้ตัวอักษร A และไล่มาจนถึงปัจจุบัน

หลักที่ 11 : โรงงานที่ประกอบรถคันนั้น

หลักที่ 12-17 : การรันตามสายการผลิต หรือ Serial number ซึ่งทำให้รถแต่ละคันมี VIN แตกต่างกันไป

หมายเหตุ เลขคัสซี เป็นตัวเลขที่รันตามสายผลิต (Serial number) ทำให้รถแต่ละคันมีเลข VIN แตกต่างกันไป ทั้งนี้ตัวเลข 11 หลักก่อนหน้าสามารถเหมือนกันได้ แต่ตัวเลข 6 หลักสุดท้ายจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันสักคัน นอกจากนี้ยังสามารถเช็คเลข VIN ของรถตัวเองได้จากเว็บไซต์นี้ คลิก 

เลขคัสซี กับ การทำธุรกรรมต่าง ๆ

เลขคัสซีรถ ถือว่ามีความสำคัญกับรถมาก และยิ่งสำหรับคนที่กำลังสนใจซื้อรถมือสองสักคัน จะต้องเช็คเลขคัสซีในเล่มว่าตรงกับเลขคัสซีบนรถว่าตรงกันหรือไม่ เพราะเลขคัสซีรถ หรือเลขตัวถังรถนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากพบว่าเลขคัสซีในเล่มไม่ตรงกับเลขคัสซีบนตัวรถ  เป็นไปได้ว่ารถคันนั้นโดนย้อมแมวขาย โดนสวมทะเบียน หรือโดนตัดต่อมา นั่นหมายความว่า คุณจะไม่สามารถนำรถคันนั้นไปทำเรื่องโอนรถที่สำนักงานขนส่งได้ และคุณอาจจะกำลังซื้อรถที่ผิดกฎหมายด้วยนั่นเอง

เลขคัสซีกับการทำประกันรถยนต์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เพราะเราจะเห็นว่าในใบกรมธรรม์รถยนต์ของคุณนั้น จะมีเลขตัวถังรถหรือเลขคัสซีของรถคันที่ทำประกันรถยนต์ไว้ นั่นหมายความว่าเวลาที่เราจะเคลมประกันรถยนต์ บริษัทประกันจะยึดเลขคัสซีของรถที่จะเคลมประกันเป็นหลัก หากพบว่าหลังจากได้รับใบกรมธรรม์มาแล้ว แต่พบว่าเลขคัสซีหรือเลขตัวถังผิด ให้รีบแจ้งบริษัทประกันเพื่อทำการสลักหลังกรมธรรม์ทันที 

นอกจากนี้เลขคัสซีกับการขอสินเชื่อเปลี่ยนรถเป็นเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะเลขคัสซีบนรถ จะต้องตรงกับเลขคัสซีในเล่มทะเบียนรถ เพราะหากไม่ตรงกันแล้วจะไม่สามารถขอสินเชื่อเปลี่ยนรถเป็นเงินได้ เราจะเห็นว่าเลข 17 หลักนี้มีความสำคัญต่อรถและการทำธุรกรรมต่าง ๆ เป็นอย่างมาก การเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของเลขคัสซี จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้และเข้าใจให้ดีนั่นเอง

แชสซี (Chassis) คืออะไร 

นอกจากเลขคัสซีที่เราได้อธิบายความหมายและความสำคัญกันไปแล้ว เราจะเห็นว่ามีอีกคำหนึ่งที่เรายังไม่ได้พูดถึง นั่นก็คือ แชสซี (Chassis) หรือบ้านเราเรียกว่าคัสซีนั่นเอง ทั้งนี้คำว่า แชสซี (Chassis) ในบางประเทศเรียกว่า เฟรม (Frame) เป็นโครงสร้างสำคัญที่สุดของตัวรถ มีลักษณะเป็นโครงเหล็ก ที่เชื่อมต่อทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง เพลาขับ รวมถึงช่วงล่างของรถเอาไว้ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถนั่นเอง ทั้งนี้ในการซื้อขายรถมือสอง สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสำคัญที่จะต้องดูอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการถูกย้อมแมวขายรถนั่นก็คือ การดูแชสซีรถ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของรถ เพราะหากถูกชนหนักมาก็จะเห็นร่องรอยที่แชสซีรถนั่นเอง รวมไปถึงการทดลองขับรถจะเป็นการทดสอบได้เลยว่ารถคันนั้นเคยเกิดอุบัติเหตุจนทำให้แชสซีรถเสียหายหรือไม่ โดยสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้

  1. ขณะขับขี่ทางตรง รถมีอาการเบนออกซ้าย ขวา หรือพวงมาลัยรถมีอาการฝืน
  2. ขณะรถวิ่งเข้าโค้ง เสียการทรงตัวง่ายกว่าปกติ
  3. การสึกของยางผิดไปจากเดิม 
  4. ขณะวิ่งทางตรงรอยล้อหลังจะไม่วิ่งไปทับรอยล้อหน้า
  5. รัศมีวงเลี้ยวทางด้านซ้ายและขวาไม่เท่ากัน
  6. ขณะเหยียบเบรกจะเกิดอาการปัดไปด้านใดด้านหนึ่ง

หากมีอาการดังกล่าวแสดงว่ารถคันนั้นเคยเกิดอุบัติเหตุมาอย่างหนัก จนทำให้แชสซีเสียหาย เช่น รถชน รถคว่ำ ไฟไหม้ เพราะโอกาสที่จะซ่อมแล้วกลับมาใช้งานได้ตามสภาพเดิมนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ก็ยังพอคืนสภาพภายนอกแบบเดิมได้ แต่โครงสร้างภายในหรือแชสซีไม่สมบูรณ์แบบเดิมแล้วนั่นเอง ทั้งนี้หากคุณกำลังมองหารถมือสองใช้งานสักคัน อาจจะจำเป็นต้องดูรถให้เป็น หรือพาคนที่มีความรู้เรื่องรถไปดูรถกับคุณ เพื่อช่วยพิจารณาเลือกรถที่ดีและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากที่สุดนั่นเอง 

เลขคัสซี หรือเลขตัวถังรถเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถยนต์ทุกคันเลยก็ว่าได้ เพราะเปรียบเสมือนเลขประจำตัวรถที่บอกถึงที่มาที่ไปของรถคันนั้น ว่าผลิตจากที่ไหน ปีอะไร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการซื้อขายรถมือสอง การขอสินเชื่อเปลี่ยนรถเป็นเงิน รวมไปถึงการทำประกันรถยนต์ ซึ่งบริษัทประกันจะใช้เลขนี้เป็นหลักในการเคลมประกันรถยนต์ เพราะหากเลขคัสซีนี้ไม่ตรงกับใบกรมธรรม์ก็จะไม่สามารถทำเรื่องเคลมประกันได้ สำหรับการตัดสินในเลือกซื้อรถสักคัน นอกจากจะได้รถมาครอบครองแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือการทำประกันรถยนต์ เพื่อคุ้มครองทั้งคน รถและความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ อย่างน้อยเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ก็สามารถเคลมประกันได้เช่นกัน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์  คลิก