บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เนื้อหาของบทความ
ทำยังไงดีเมื่อใบขับขี่หมดอายุแต่ลืมไปต่อ ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี มีค่าปรับหรือไม่ หรือต้องอบรมทำใบขับขี่ใหม่อีกหรือเปล่า วันนี้เราจะมาอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี จะต้องทำอย่างไร รวมไปถึงการต่ออายุใบขับขี่ที่หมดเกิน 1 ปี ขึ้นไป จะต้องทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาฝากค่ะ
ผู้ขับขี่หลายคนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของใบขับขี่ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนลืมดูใบขับขี่ของตนว่าหมดอายุไปเสียแล้ว สำหรับใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ต้องต่ออายุภายในกี่วันนั้น หากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี สามารถยื่นคำขอต่อใบขับขี่ได้เลย นอกเหนือจากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องมีการสอบข้อเขียนใหม่ ส่วนใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป จะต้องผ่านการอบรมใบขับขี่ใหม่ และจะต้องมีการทดสอบการขับขี่ใหม่ เหมือนกับการทำใบขับขี่ใหม่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ต้องรีบไปต่อใหม่ทันที แม้ว่าใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี จะไม่ต้องอบรมใหม่แต่หากเจอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจก็อาจจะมีโทษตามกฎหมายเนื่องจากใบขับขี่หมดอายุนั่นเอง สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี มีดังนี้
เมื่อเตรียมเอกสารเพื่อต่อใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ก็ไปทำเรื่องที่สำนักงานขนส่งตามวันและเวลาที่จองคิวออนไลน์ไว้ได้เลย สำหรับขั้นตอนการจองคิวออนไลน์เพื่อทำใบขับขี่มีดังนี้
1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่ ทั้ง android และ ios
2.เมื่อเข้าแอปพลิเคชันแล้ว ให้เลือกสำนักงานขนส่งที่เราต้องการเข้าไปต่อใบขับขี่
3.เลือกหัวข้อ “งานใบอนุญาต” และเลือกการต่ออายุรถตามประเภทของรถ
4.เลือกวันที่เราสะดวกจะเข้าไปที่ขนส่ง ซึ่งมีให้เลือกหลายรอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังจากที่เลือกได้แล้ว ให้ทำการยืนยันการจอง และบันทึกหน้าจอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เจ้าหน้าที่ในวันที่เราไปขนส่ง
5.เมื่อถึงวันที่เราทำการจองไว้ เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และจะต้องทำการทดสอบสายตา ระบุสีจราจร ทดสอบการเหยียบคันเร่งและเบรก ตามปกติ
6.รอถ่ายรูปติดบัตรและชำระค่าธรรมเนียมเป็นอันเสร็จ
**สำหรับผู้ที่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ผู้ที่มีใบขับขี่แต่หมดอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ไม่เกิน 90 วัน**
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่เพิ่มเติม คลิก
หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ไม่ต้องอบรมใหม่สามารถนำเอกสาร ยื่นเรื่องที่สำนักงานขนส่งได้เลย แต่หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป จะต้องทำอย่างไรบ้าง เราขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่
กรณีใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องดำเนินการสอบข้อเขียนใหม่ โดยต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 90% หรือตอบถูกมากกว่า 45 ข้อจาก 50 ข้อ
กรณีใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ต้องดำเนินการอบรมใบขับขี่และทดสอบการขับขี่ใหม่ทั้งหมด แบบเดียวกับที่จะขอทำใบขับขี่ใหม่นั่นเอง นอกจากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุแล้ว จะมีโทษตามกฎหมายเมื่อถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สำหรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้น ยังต้องเสียเวลาไปเดินเรื่องเพื่อขอสอบใบขับขี่ใหม่ รวมไปถึงต้องสอบใหม่ทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย
ส่วนการอบรมใบขับขี่ออนไลน์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำผ่านระบบ DLT e-learning โดยมีวิธีการเข้าอบรมใบขับขี่ออนไลน์ดังนี้
การอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์
1.เริ่มต้นต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ DLT e-learning
2.กดปุ่ม “ลงทะเบียน” สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้าใช้งาน
3.กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด
4.เลือกการอบรมตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุ ประกอบไปด้วย ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาการอบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง
4.เลือกข้อ1.แบบทดสอบก่อนอบรม
5.ทำแบบทดสอบก่อนอบรม
6.ดูวิดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล
7.ทำแบบทดสอบหลังอบรม เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดส่งข้อสอบ
8.เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ให้บันทึกหน้าจอผลการอบรมเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตที่กรมการขนส่งต่อไป โดยผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จะมีอายุ 90 วัน นับจากวันที่ผ่านการอบรม เมื่อผ่านการอบรมใบขับขี่ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการจองคิวออนไลน์เพื่อจองวันและเวลาเพื่อเข้ามายื่นเรื่องทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งต่อไปค่ะ
แม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่ แต่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็ยังสามารถได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.รถได้โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก เพราะถือเป็นหลักประกันเบื้องต้นให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คู่กรณี หรือบุคคลอื่นที่ประสบอุบัติเหตุ จะได้รับความคุ้มครองเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยต่าง ๆ และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการต่อ พ.ร.บ.รถจะต้องทำก่อนที่มีการเสียภาษีรถประจำปี เพราะหากไม่ต่อพ.ร.บ.รถก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถประจำปีได้นั่นเอง โดยรายละเอียดความคุ้มครองของพ.ร.บ.รถนั้น มีดังนี้
1.ค่ารักษาพยาบาลตามจริงคนละไม่เกิน 80,000 บาท
2.ค่าสินไหมทดแทน กรณีสูญเสียอวัยวะ*/ทุพพลภาพอย่างถาวรหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุดคนละ 500,000 บาท
3.ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต สูงสุดคนละ 500,000 บาท
4.เงินชดเชยกรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาล วันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
หมายเหตุ *กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัท พ.ร.บ.ได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้
1.ค่ารักษาพยาบาลตามจริง คนละไม่เกิน 30,000 บาท
2.ค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร คนละไม่เกิน 35,000 บาท
3.ค่าปลงศพ ไม่เกิน 35,000 บาท
4.หากเกิดความเสียหาย หลายกรณีรวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกินคนละ 65,000 บาท
หมายเหตุ : กรณีผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกัน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น
กรณีที่คุณขี่รถจักรยานยนต์ แต่บังเอิญเกิดรถล้มเอง และไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ ก็สามารถเบิกพ.ร.บ.ได้ เพราะสิ่งสำคัญของการเบิกพ.ร.บ.รถคือ พ.ร.บ.รถคันนั้นต้องไม่ขาด ไม่หมดอายุ เพราะพ.ร.บ.ขาดเท่ากับหมดความคุ้มครองนั่นเอง โดยเอกสารที่ใช้สำหรับเบิกพ.ร.บ.มีดังต่อไปนี้
ใบขับขี่หมดอายุ ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่?
หากใบขับขี่หมดอายุ แต่คุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1,2+,3+หรือ3+ แม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่แต่คุณเป็นฝ่ายถูก ประกันจะต้องจ่าย ยกเว้นว่ารถของคู่กรณีไม่มีประกันรถยนต์
แต่หากไม่มีใบขับขี่แต่คุณเป็นฝ่ายผิด จะแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
ใบขับขี่หมดอายุ/ใบขับขี่ถูกยึด ประกันจะไม่มีคุ้มครอง เนื่องจากคุณมีความสามารถในการขับรถแม้ว่าใบขับขี่หมดอายุ
ไม่ได้พกใบขับขี่ ประกันจะคุ้มครองทั้งรถเราและคู่กรณี กรณีที่มีสำเนาหรือรูปถ่ายยืนยันได้ว่ามีใบขับขี่จริง
ไม่มีใบขับขี่เลย ประกันจะคุ้มครองความเสียหายกับบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถเราและรถคู่กรณีแต่อย่างใด
หากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จะต้องมีการสอบข้อเขียนใหม่ หลายคนอยากรู้ว่าแนวทางการทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 เป็นอย่างไร ข้อสอบมีกี่ข้อ ต้องทำให้ได้กี่ข้อจึงจะถือว่าสอบผ่านข้อเขียน ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าคนที่ต้องเตรียมตัวทำข้อสอบใบขับขี่นั้น ได้แก่ ผู้ที่ทำใบขับขี่ครั้งแรก ผู้ที่มีใบขับขี่แบบชั่วคราวอายุ 2 ปีหมดอายุเกิน 1 ปี หรือผู้ที่มีใบขับขี่ชนิด 5 ปี ขาดต่อเกิน 1 ปี โดบข้อสอบใบขับขี่จะมีทั้งหทด 50 ข้อ 9 หมวด ผู้สอบจะต้องทำข้อสอบให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป หรือทำได้ 90% ขึ้นไปจึงจะถือว่าทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 ภาคทฤษฎีผ่าน ก่อนที่จะทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 จะต้องเตรียมตัวดังนี้
คุณสมบัติการทำใบขับขี่ใหม่
ระยะเวลาการทำใบขับขี่ใหม่
วันที่ 1
วันที่ 2
แนวข้อสอบใบขับขี่ 2566 มีทั้งหมด 50 ข้อ ซึ่งผู้สอบต้องทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 ให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป หรือ 90% ถึงจะผ่านการทดสอบใบขับขี่ 2566 โดยหมวดหมู่ข้อสอบใบขับขี่ 2566 มี 9 หมวด ได้แก่
ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของเครื่องหมายพื้นทางต่าง ๆ เช่น เส้นชะลอความเร็ว ขับรถในช่องจราจร ห้ามแซง หรือคร่อมเส้นแต่สามารถแซงได้ เป็นต้น
ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายบังคับต่าง ๆ เช่น ป้ายห้ามกลับรถไปทางขวา ป้ายห้ามจอดรถทุกชนิด ป้ายห้ามใช้เสียง เป็นต้น
ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายเตือน ต่าง ๆ
ในหมวดนี้จะทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของป้ายแนะนำต่าง ๆ
นี่เป็นเพียงแนวข้อสอบของการสอบใบขับขี่ปี 2566 สามารถอ่านรายละเอียดแบบเต็มได้ที่นี่ คลิก ที่พอจะทำให้ผู้ขับขี่ทราบแนวทางหากต้องไปทำใบขับขี่ใหม่หรือต่ออายุใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ขึ้นไป ที่จำเป็นจะต้องสอบใบขับขี่ใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้หากไม่อยากผ่านขั้นตอนยุ่งยากในการทำใบขับขี่ใหม่ ก็ควรจะวางแผนทำใบขับขี่ล่วงหน้า หรือหากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ให้รีบไปยื่นเรื่องทำใบขับขี่ใหม่ที่ขนส่งได้เลย เพราะนอกจากจะไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่เรียกตรวจแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับ และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งสอบข้อเขียนอีก
ใบขับขี่หมดอายุสามารถจองคิวออนไลน์เพื่อเข้าไปทำ ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี หรือสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยไม่ต้องรอให้ใบขับขี่หมดอายุก่อนก็ทำได้เช่นกัน เพราะหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ ใบขับขี่หมดอายุ หรือไม่พกใบขับขี่ หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจจะมีโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ..2522 มีโทษปรับ 2,000 บาทอีกด้วย ทางที่ดีการวางแผนต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ก่อนใบขับขี่หมดอายุได้ถึง 6 เดือน หรือ 180 วัน เลยทีเดียว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่หลงลืมที่จะต่อใบขับขี่ ไม่ปล่อยให้ใบขับขี่ขาด และจะได้มีเวลามากพอสำหรับการต่อใบขับขี่หมดอายุลืมต่ออายุใบขับขี่ได้ นอกจากผู้ขับขี่จะต้องพกใบขับขี่ติดตัวไว้แล้ว การทำประกันรถยนต์ยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางที่นอกเหนือจากการทำพ.ร.บ.รถเพียงอย่างเดียว เพราะการทำประกันรถ จะคุ้มครองทั้งคน รถ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่คาดฝัน รวมไปถึงการชนที่ไม่มีคู่กรณี* หรือภัยธรรมชาติ* อีกด้วย (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขประกัน) สนใจทำประกันรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ คลิก
ประกาศผลประกวดร…
เฮงลิสซิ่ง เปิด…
บริษัท เฮงลิสซิ…