เนื้อหาของบทความ

ไฟหน้ารถยนต์ เป็นสิ่งที่ช่วยส่องสว่างในการเดินทางในที่มืด  เพิ่มการมองเห็นให้กับรถคันอื่น รวมไปถึงเพิ่มความสวยงามให้กับรถของคุณอีกด้วย เราจะเห็นว่าไฟหน้ารถยนต์ของรถแต่ละรุ่นมีลักษณะ ความแตกต่างและความสวยงามที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับไฟหน้ารถยนต์มีกี่ประเภทว่าแตกต่างอย่างไร

ไฟหน้ารถยนต์ มีกี่ประเภท

ไฟหน้ารถยนต์ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะช่วยส่องสว่างในการเดินทางในช่วงค่ำ กลางคืนหรือทัศนวิสัยที่ไม่ดีนัก เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด ช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับรถคันอื่น รวมไปถึงในบางประเทศถูกกำหนดไว้ในกฎหมาย  นอกจากนี้ไฟหน้ารถยนต์ยังช่วยเพิ่มความสวยงามโดดเด่นให้กับรถของคุณอีกด้วย สำหรับไฟหน้ารถยนต์ ยังมีส่วนประกอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของชุดโคมไฟหน้ารถยนต์ และชนิดของหลอดโคมไฟหน้ารถยนต์ ซึ่งมีหน้าที่ในการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

ชุดโคมไฟหน้ารถยนต์

เราจะสังเกตว่ารถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ นอกจากจะมีลักษณะการออกแบบทรงรถที่แตกต่างกันแล้ว ไฟหน้ารถยนต์ยังเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้แก่ตัวรถเมื่อเราเห็นรถครั้งแรกอีกด้วย แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่ารถแต่ละรุ่นมีลักษณะของโคมไฟหน้ารถที่แตกต่างกัน โดยจำแนกแยกย่อยได้ดังนี้

โคมไฟหน้ารถยนต์ แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ (Multireflector)

โคมไฟหน้ารถยนต์แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ เป็นชุดโคมไฟหน้ารถยนต์ที่พบได้ทั่วไป ซึ่งโคมไฟหน้ารถยนต์ประเภทนี้มีประสิทธิภาพ ในการสะท้อนแสงเพื่อสร้างแสงสว่างส่องไปข้างหน้าได้ดี แต่อาจะมีแสงกระจายออกข้างทางบ้าง โดยโคมไฟหน้ารถยนต์ประเภทนี้ จะใช้ควบคู่กับหลอดไฟประเภทฮาโลเจน หลอดไฟประเภทนี้ให้แสงสีนวล ค่อนข้างสบายตา นอกจากหลอดไฟฮาโลเจนแล้ว ยังสามารถใช้หลอดไฟแบบ Led หรือหลอดไฟแบบ Xenon ได้อีกด้วย

โคมไฟหน้ารถยนต์ แบบโปรเจคเตอร์ (Projector)

โคมไฟหน้ารถยนต์แบบโปรเจคเตอร์ มักพบในรถที่มีราคาค่อนข้างแพงหรือในรถรุ่นใหม่ ๆ มีความสวยงามไม่น้อย ทำให้รถดูสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น โคมไฟหน้ารถยนต์แบบโปรเจคเตอร์ มีจุดเด่นที่ลำแสงที่ส่องออกมามีความเป็นระเบียบมากกว่าโคมไฟหน้ารถยนต์แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ เพราะแสงไม่มีการกระจายออกด้านข้าง ลดความฟุ้งกระจาย และแสงยังส่องได้ไกลกว่าอีกด้วย

ชนิดของหลอดไฟหน้ารถยนต์

ส่วนประกอบของไฟหน้ารถยนต์นอกจากจะประกอบด้วยโคมไฟหน้ารถยนต์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ หลอดไฟหน้ารถยนต์ ซึ่งที่ใช้โดยทั่วไปชนิดของหลอดไฟหน้ารถยนต์ที่นิยมใช้แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้

หลอดไฟหน้าแบบฮาโลเจน

หลอดไฟหน้าแบบฮาโลเจน เป็นชนิดของหลอดไฟที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีราคาถูกกว่าหลอดไฟประเภทอื่น  เนื่องจากหลอดไฟชนิดนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างถูก ต้นทุนไม่แพง หาซื้อได้ง่าย โดยให้แสงสีนวลซึ่งสามารถส่องสว่างในทัศนวิสัยที่ฝนตกหนัก หรือมีหมอกได้ดีกว่าหลอดไฟสีขาว

หลอดไฟหน้าแบบ LED

หลอดไฟหน้าแบบ LED ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีจุดเด่นในเรื่องการประหยัดไฟ และให้แสงสว่างมากกว่า นอกจากนี้หลอดไฟ Led ยังสามารถใช้งานได้ทั้งกับโคมไฟมัลติรีเฟล็กเตอร์และโคมไฟแบบโปรเจคเตอร์  ได้อีกด้วย

หลอดไฟหน้าแบบ Xenon

ช่วงหนึ่งหลอดไฟหน้าแบบซีนอน (Xenon) หรือ HID ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เพราะมีระดับแสงที่เข้มข้นมากกว่าหลอดไฟแบบฮาโลเจน มีประสิทธิภาพในการให้แสงขาวสว่างมากกว่า ก่อนที่หลอดไฟหน้าแบบ Led จะเข้ามาแทนที่ 

หลอดไฟหน้าแบบเลเซอร์

หลอดไฟหน้ารถยนต์แบบเลเซอร์ สามารถผลิตแสงไฟหน้ารถได้ความเข้มข้นของแสงเทียบเท่ากับหลอดไฟชนิดอื่น แต่ก็แทบจะไม่ได้ดึงพลังงานของรถยนต์มาใช้เลย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังเพราะความเข้มของแสงที่เข้มมากเกินไปจนอาจจะทำให้รบกวนสายตาของรถคันอื่นได้นั่นเอง

กฎหมายไฟหน้ารถยนต์

กฎหมายได้กำหนดความเข้มของแสงต้องไม่เกิน 55 วัตต์ และติดตั้งสูงจากผิวถนนไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร โดยสีของไฟหน้ารถยนต์นั้นจะต้องมีสีขาวหรือสีนวลเหลืองอ่อนเท่านั้น ส่วนการกระจายแสงต้องอยู่ภายในช่องจราจรซึ่งไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่คนอื่นอีกด้วย ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดกฎหมายการดัดแปลงไฟหน้า-ไฟท้ายไว้ดังต่อไปนี้

1.รถมีโคมไฟแสงพุ่งต่ำได้ไม่เกิน 2 ดวง 

2.มีโคมไฟแสงพุ่งไกลได้ไม่เกิน 2 ดวง โดยมีแสงขาวหรือเหลืองอ่อน ไม่สว่างจ้าจนเกินไป 

3.อยู่ในระดับเดียวกันที่หน้ารถด้านซ้ายและขวา 

4.สูงจากผิวทางไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร 

5.มีทิศทางส่องสว่างไปด้านหน้าโดยจะต้องไม่เบี่ยงเบนไปทางด้านขวา หรือส่องขึ้นสูงเกินไปจนทำให้รบกวนสายตาผู้อื่น 

6.โคมไฟเลี้ยวต้องเป็นแสงสัญญาณกะพริบสีอำพัน ติดที่ด้านหน้า 2 ดวง ด้านท้าย 2 หรือ 4 ดวง 

7.โคมไฟหยุดต้องเป็นแสงสีแดงสม่ำเสมอคงที่ ไม่กะพริบติดตั้งที่ด้านท้าย จำนวน 2 หรือ 4 ดวง 

8.โคมไฟส่องป้ายทะเบียนเป็นแสงขาว จำนวน 1 หรือ 2 ดวง ส่องสว่างไปยังแผ่นป้ายทะเบียนรถได้อย่างชัดเจน

โทษปรับกรณีดัดแปลงดัดแปลงไฟหน้า-ไฟท้าย

เจ้าของรถที่มีการดัดแปลงไฟหน้า-ไฟท้ายผิดไปจากที่กฎหมายกำหนด ต้องแก้ไขให้ถูกต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายรบกวนสายตาผู้ใช้รถใช้ถนน แต่หากเป็นกรณีรถสาธารณะฝ่าฝืนดัดแปลงอุปกรณ์ส่องสว่างในลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดตามตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกัน ในส่วนของรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่มีการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทำให้แสงมีความสว่างจ้ามากจนเกินไป มีความผิดตามมาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การดูแลไฟหน้ารถไม่ให้เหลือง

เนื่องจากไฟหน้ารถไม่ได้มีไว้เพียงทำหน้าที่เพื่อความสวยงามของรถ แต่ยังช่วยเพิ่มความสว่างในการมองเห็นของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางอีกด้วย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้ไฟหน้ารถใส ไม่เหลือง เรามีวิธีดูไฟหน้ารถมาฝากกันค่ะ

เช็ดโคมไฟหน้า

ความสกปรกที่เกาะบนโคมไฟหน้ารถ จะทำให้ไฟหน้ารถยนต์ไม่สามารถส่องสว่างได้เต็มที่ หมั่นเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกออกจากโคมไฟหน้ารถ หรือให้เช็ดพร้อมกับเช็ดกระจกหน้ารถ

ขัดไฟหน้ารถยนต์

รถอายุหลายปีมักเริ่มประสบปัญหาโคมไฟหน้ารถยนต์เหลือง ขุ่น ไม่ใสเหมือนก่อน สามารถนำวิธีขัดไฟหน้ารถยนต์ที่เราได้แนะนำต่อไปนี้นำไปใช้ได้

ขัดไฟหน้ารถ ด้วยยาสีฟัน

ยาสีฟัน เป็นของที่หาได้ง่ายมากที่สุด ราคาประหยัด แถมชาวเน็ตยังการันตีว่าได้ผลจริง โดยสิ่งที่ต้องเตรียม ได้แก่ ยาสีฟัน ผ้าแห้ง/ แปรงสีฟันนุ่มสำหรับขัด  และผ้าแห้งสำหรับเช็ด ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถด้วยยาสีฟันมีดังนี้

1.ล้างโคมไฟหน้ารถให้สะอาดก่อนขัดไฟหน้ารถ

2.ใช้ยาสีฟันทาไฟหน้ารถให้ทั่ว

3.ใช้ผ้าแห้งสำหรับขัด ถูวนเบา ๆ หรือใช้แปรงสีฟันนุ่มขัดบริเวณโคมไฟหน้ารถประมาณ 1-2 นาที

4.นำผ้าชุบน้ำเช็คยาสีฟันออก เป็นอันเสร็จ

ขัดไฟหน้ารถ ด้วยเบคกิ้งโซดา+มะนาว 

เบคกิ้งโซดา ถือได้ว่ามีประโยชน์สารพัดสำหรับทั้งงานครัว งานซักล้าง หรือแม้กระทั่งการทำอาหารหรือขนม นอกจากนี้ยังสามารถนำมาขัดไฟหน้าได้อีกด้วย โดยสิ่งที่ต้องเตรียม ได้แก่ เบคกิ้งโซดา มะนาวหั่นแว่น น้ำเปล่า ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถด้วยเบคกิ้งโซดามีดังนี้

1.นำเบคกิ้งโซดาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย

2.นำมะนาวหั่นแว่นจุ่มลงไปในเบคกิ้งโซดาที่เตรียมไว้

3.นำมะนาวไปขัดไฟหน้ารถจนกว่าจะใส แต่ข้อควรระวังคืออย่าให้น้ำมะนาวโดนสีรถ

ขัดไฟหน้ารถ ด้วยสเตคลีน

สเตคลีน เป็นครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป ราคาไม่แพง  สามารถเช็ดทำความสะอาด คราบต่าง ๆ ได้หลายพื้นผิว สิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ สเตคลีน ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถด้วยสเตคลีนมีดังนี้

1.ทาสเตคลีนให้ทั่วโคมไฟหน้ารถทิ้งไว้สักครู่

2.ใช้ผ้านุ่มเช็ดออก

สำหรับใครที่มีเครื่องขัดก็สามารถใช้ร่วมกับสเตคลีนขัดไฟหน้ารถได้ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ สเตคลีน เครื่องขัด กระดาษทรายเบอร์ละเอียด หรือ เบอร์ 1000 และน้ำยาล้างจาน ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถด้วยสเตคลีน+เครื่องขัดมีดังนี้

1.ขัดไฟหน้ารถด้วยกระดาษทราย ระหว่างขัดให้เทน้ำด้วย

2.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3.ทาสเตคลีน แล้วขัดด้วยเครื่องขัด

4.ล้างออกด้วยน้ำยาล้างจานอีกครั้ง

ขัดไฟหน้ารถ ด้วยกระดาษทราย

วิธีนี้อาจจะเหมาะสำหรับคนที่เคยขัดโคมไฟหน้ารถด้วยกระดาษทรายมาบ้าง โดยเลือกกระดาษทรายอย่างน้อย 2 เบอร์ ได้แก่ กระดาษทรายน้ำเบอร์ 320 และกระดาษทรายน้ำเบอร์ 1000 ซึ่งคนละแบบกับกระดาษทรายขัดไม้ และเตรียมสเปรย์เคลือบเงา ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถด้วยกระดาษทรายมีดังนี้

1.นำกระดาษทรายน้ำเบอร์ 320 ชุบน้ำนิดหน่อย ขัดโคมไฟหน้าด้วยแรงขัดสม่ำเสมอจนผิวเรียบเนียน ล้างด้วยน้ำเปล่า

2.เปลี่ยนมาใช้กระดาษทรายน้ำเบอร์ 1000 ซึ่งเป็นเบอร์ละเอียด ชุบน้ำนิดหน่อย ขัดโคมไฟหน้ารถต่อประมาณ 5 นาทีหรือจนกว่าส่วนที่ขุ่นจะหลุดออกมา

3.ฉีดพ่นโคมไฟหน้ารถด้วยสเปรย์เคลือบเงา

4.นำกระดาษทรายน้ำเบอร์ 1000 ขัดโคมไฟหน้ารถอีกครั้ง โดยขัดเป็นวงกลมหลายครั้งจนโคมไฟหน้าใส

ขัดไฟหน้ารถ ด้วยน้ำยาขจัดคราบ

น้ำยาขจัดคราบหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ยังสามารถใช้ขัดไฟหน้ารถได้ แต่ต้องระวังสักนิดเพราะอาจจะไหลไปโดนผิวรถได้ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ น้ำยาขจัดคราบ ถุงพลาสติก ผ้าไมโครไฟเบอร์ ขั้นตอนขัดไฟหน้ารถน้ำยาขจัดคราบมีดังนี้

1.ทำความสะอาดโคมไฟหน้ารถและเช็ดให้แห้ง

2.นำถุงพลาสติกหรือแผ่นพลาสติกแปะในส่วนของผิวรถ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาขจัดคราบไหลไปโดน

3.พ่นน้ำยาขจัดคราบที่โคมไฟหน้ารถ ทิ้งไว้ 2-3 นาที

4.ใช้ผ้าสะอาดเช็ดโคมไฟหน้ารถ

5.ล้างโคมไฟหน้ารถด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง

6.ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดให้แห้งเป็นอันเสร็จ

เปลี่ยนโคมไฟหน้ารถใหม่เมื่อมีรอยแตก

หากพบว่าโคมไฟหน้าเกิดความเสียหาย ควรรีบเปลี่ยนโคมไฟหน้ารถใหม่ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฝุ่น ละอองน้ำมันรถ หรือความชื้นเข้าไปภายในโคม ไฟ มีผลทำให้ระบบไฟมีปัญหาหรือโคมไฟหน้ามัวจากข้างในอีกด้วย

เปลี่ยนหลอดไฟหน้าเมื่อไฟขาด

หากหลอดไฟหน้าหลอดใดหลอดหนึ่งขาดหรือเสื่อม ควรเปลี่ยนหลอดไฟหน้าเป็นคู่ เพื่อไม่ทำให้หลอดไฟอีกข้างที่สว่างอยู่ ทำงานหนักมากเกินไป

การเคลือบโคมไฟหน้ารถ

การเคลือบโคมไฟหน้ารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้โคมไฟหน้ารถดูเหมือนใหม่อีกครั้ง โดยทำหลังจากการขัดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยเคลือบไฟหน้ารถที่ถูกขัดออกไป ด้วยน้ำยาพ่นเคลือบสำหรับโคมไฟหน้ารถ ช่วยปกป้องแสงแดดไม่ให้โคมไฟหน้ารถเหลืองเร็ว

ไฟหน้ารถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมถนน นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้วยังช่วยเพิ่มความสวยงามโดเด่นให้กับตัวรถอีกด้วย นอกจากจะเลือกใช้ชนิดของหลอดไฟให้เข้ากับโคมไฟหน้ารถยนต์และการใช้งานของเราอีกด้วย ทั้งนี้หากมีการฝ่าฝืนในรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่มีการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทำให้แสงมีความสว่างจ้ามากจนเกินไป มีความผิดตามมาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนกรณีรถสาธารณะต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว นอกจากไฟหน้ารถยนต์จะมีความสำคัญแล้ว การทำประกันภัยรถยนต์ยังมีความสำคัญกับผู้ขับขี่อยู่ไม่น้อย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน บริษัทประกันจะเข้ามาดูแลผู้เอาประกันและความเสียหายหลังจากนี้ต่อไป เลือกแผนประกันที่เหมาะกับคุณได้ที่นี่ คลิก