อยากเปลี่ยนสีรถ แต่ไม่อยากพ่นสีรถ การwrapสีรถ หรือ แร็ปสีรถ จึงเป็นทางออกของใครหลายคนที่อยากเปลี่ยนสีรถชั่วคราว โดยไม่ทำลายสีรถเดิม การwrapสีรถ มีให้เลือกหลายสีเช่นเดียวกับสีรถทั่วไป หากเบื่อสีเดิมก็สามารถลอกสีเดิมออกได้ ทั้งนี้การ wrapสีรถ มีข้อดีข้อเสียยังไง

การ wrapสีรถ คืออะไร?

Wrap Car หรือการwrapสีรถ, แร็ปสีรถ ที่เราเรียกกัน เป็นการนำฟิล์ม PVC (Polyvinylchloride) มาห่อหุ้มตัวรถตามชื่อเรียกว่า Wrap ที่แปลว่าการห่อหรือหุ้มนั่นเอง การwrapสีรถ จะหุ้มทับสีรถเดิม ส่วนฟิล์มwrapสีรถ มีหลากหลายสีให้เลือก ทั้งแบบเงา เมทัลลิก แบบด้าน และแบบทอประกายมุก การwrapสีรถ สามารถติดเป็นบางจุดหรือหุ้มไปทั้งคันรถ ซึ่งการwrapสีรถ แบบนี้เป็นการเปลี่ยนสีรถแบบชั่วคราว ทำให้เจ้าของรถที่เบื่อกับสีรถเดิม ๆ ก็สามารถเปลี่ยนสีรถได้ตามใจโดยที่ไม่ทำลายสีรถเดิมหากเลือกฟิล์มคุณภาพดี  ทั้งนี้ฟิล์มสำหรับ wrapสีรถนั้น มีความยืดหยุ่นได้น้อย ต้องใช้ความร้อนเพื่อให้สามารถยืดตัว มีคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องตัวรถจากสะเก็ดหินและรอยขีดข่วน นอกจากการwrapสีรถแล้ว ยังมีเทคโนโลยี Plastic Dip หรือ Elastic Dip เป็นการwrapสีรถ แบบกระป๋องสเปรย์ ขณะพ่นลงบนพื้นลงตัวถัง จะกลายเป็นฟิล์มสีเคลือบตัวถัง ที่สามารถลอกออกได้ง่ายโดยที่ไม่ทำลายสีรถอีกด้วย โดยการwrapสีรถ มี 2 แบบ ได้แก่ ฟิล์มเคฟล่าและฟิล์มคาร์บอนไฟเบอร์ มีลักษณะและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

  1. ฟิล์มเคฟล่า หรือ คาร์บอนเคฟล่า ฟิล์มประเภทนี้มักจะใช้กับรถแข่งหรือพวกที่ชอบแต่งรถ จะมีลักษณะเป็นเส้นใยสี ดำ-แดง, ดำ-เหลือง และดำ-น้ำเงิน มีความยืดหยุ่น ปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วนได้ดี
  2. ฟิล์มคาร์บอนไฟเบอร์ หรือสติกเกอร์ฟิล์มสีดำ นิยมติดบนหลังคารถเพื่อให้มองเห็นว่ารถคันนี้เป็นหลังคาแก้ว เป็นการนำผลึกคาร์บอนมาถักเป็นเส้นใยจำนวนมาก

ทั้งนี้นอกจากความสวยงามของการ wrapสีรถแล้ว ยังมีข้อดีและข้อเสียที่เจ้าของรถควรรู้ก่อนตัดสินใจ wrapสีรถ โดยข้อดีและข้อเสียของการ wrapสีรถมีดังนี้

ข้อดีของการwrapสีรถ

  1. ช่วยรักษาสีรถยนต์ ป้องกันรังสี UV รวมไปถึงรอยขีดข่วนจากเศษหิน เศษดิน
  2. เปลี่ยนสีรถยนต์ใหม่ได้ง่ายโดยการลอกฟิล์มออกเท่านั้น
  3. ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน น้อยกว่าการทำสีรถใหม่
  4. สามารถเลือกสีได้มากกว่าแบบพ่น

ข้อเสียของการ wrapสีรถ

  1. อายุของฟิล์มประมาณ 2-3 ปี เมื่อหมดอายุการใช้งานจะต้องลอกออกเพื่อแร็ปใหม่
  2. หากเลือกสติกเกอร์สีรถที่มีคุณภาพต่ำ อาจส่งผลต่อสีรถจริง เช่น สีซีดลงจากการลอกฟิล์ม 
  3. เลือกฟิล์มรถที่มีคุณภาพสูง ราคาก็จะยิ่งสูงตาม
  4. ต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในการติดอย่างสูง เพราะหากทำไม่ดี โอกาสเกิดฟองอากาศมีสูง
  5. ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถ

 

Wrap Car ผิดกฎหมายหรือไม่?

เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่าการเปลี่ยนสีรถด้วยวิธีการ wrapสีรถ จำเป็นจะต้องไปแจ้งที่ขนส่งเหมือนการทำสีรถหรือไม่ คำตอบ คือ ความจริงแล้วการ Wrapสีรถ ไม่ผิดกฎหมาย ทั้งการ wrapสีรถ ส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวถังหรือแร็ปทั้งคันก็ตาม แต่จะต้องไปแจ้งกับกรมขนส่งทางบกภายใน 7 วัน หลังจากที่ไปเปลี่ยนสีรถยนต์ เหตุที่หลังจาก wrapสีรถแล้ว จะต้องแจ้งนายทะเบียนที่ขนส่งนั้น เพราะว่าเป็นการป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เช่น การขับรถเฉี่ยวชน การสวมรอยก่ออาชญากรรม การขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย หรือแม้แต่ป้องกันรถถูกขโมย แล้วถูกแปรสภาพเป็นสีอื่น หรือแกะ Wrap ออกจนเป็นสีเดิมจนไม่สามารถแกะรอยได้

การแจ้งเปลี่ยนสีรถ ต้องทำอย่างไร?

เจ้าของรถหลายคนอาจจะเคยรู้สึกเบื่อรถคันเดิมที่ใช้อยู่ อยากเปลี่ยนสีรถให้ดูเหมือนรถคันใหม่ ทั้งทำสีใหม่ทั้งคัน หรือการ wrap หรือใช้รถไปสักระยะรถอาจจะมีรอยขูดขีด ต้องซ่อมสีในบางจุด เจ้าของรถอาจจะเลือกทำสีใหม่ทั้งคันไปเลย ทั้งนี้หลังจากเปลี่ยนสีรถใหม่แล้ว จะต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถ จะต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนสีนั้นหากเกินกำหนด เจ้าของรถจะมีความผิดตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ คุณสามารถเข้าไปยื่นเรื่องเปลี่ยนสีรถที่กรมขนส่งทางบก โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ดังนี้

เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ

1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ 

2.ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน

3.หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างทำสี

โดยนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้

1.ยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ

2.ยื่นตรวจสอบคำขอพร้อม หลักฐานและผลผ่านการตรวจสอบรถ

3.หลังจากตรวจสอบเรียบร้อย ให้ทำการชำระค่าธรรมเนียม

4.รอรับเอกสารคืน

ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์

  1. ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
  2. ค่าดำเนินการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบก 50 บาท
  3. ค่าคำขอ 5 บาท

การจดแจ้งเปลี่ยนสีรถตามกฎหมาย

กรมการขนส่งทางบกกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกำหนดสีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์  ดังนี้

1.กรณีตัวรถมีสีเดียวให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเพียงสีเดียว โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเข้มของสีที่แตกต่างกัน

2.กรณีที่ตัวรถมีหลายสี โดยแต่ละสีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนในบริเวณตัวถังส่วนที่สำคัญของรถ (ฝากระโปรงหน้า-ท้าย หลังคา หรือประตู) ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเป็นสีของรถไม่เกิน 3 สี เช่น ตัวรถมีสีขาวแต่ส่วนของหลังคามีสีแดงให้กำหนดเป็นสีขาว-แดง หรือตัวรถมี 3 สีคือ สีขาว สีแดง และสีดำ ให้กำหนดเป็นสีขาว-แดง-ดำ

3.กรณีตัวรถมีมากกว่า 3 สี หากสามารถกำหนดสีหลักของตัวรถได้ ให้กำหนดสีหลักไว้ 2 สี เช่น สีหลักเป็นสีขาวและสีแดง ในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ระบุเป็น สีขาว-แดง-หลายสี แต่หากไม่สามารถกำหนดสีหลักได้ให้ระบุในสมุดคู่มือประจำรถเป็น “หลายสี” ไม่ว่าจะเปลี่ยนสีรถโดยวิธีติดสติกเกอร์ ฟิล์ม หรือคาร์บอนเคฟล่าหรือวัสดุอื่นใดก็ตาม ถ้าทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไปให้เจ้าของรถแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วไทย

4.กรณีคาดสติกเกอร์หรือแถบคาดใช้แต่งรถ โดยไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องกำหนดสีรถ แต่หากมีการติดสติกเกอร์เกินกว่า 30 % ของตัวรถ ต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถด้วย

  car wrapping

เปลี่ยนสีรถด้วย Wrap Car ทำประกันได้ไหม คุ้มครองหรือไม่

หลายคนกังวลว่าเมื่อเรา Wrap สีรถแล้วจะทำประกันได้ไหม หรือประกันจะคุ้มครองหรือเปล่า ซึ่งคำตอบนั้นจะแบ่งออกได้ 2 กรณี ก็คือ กรณีที่เรา Wrap ก่อนทำประกัน กับ Wrap สีรถยนต์หลังจากที่เราทำประกันไปแล้ว

กรณี Wrap สีรถยนต์ก่อนทำประกัน

เราสามารถทำประกันได้เลยไม่มีปัญหา โดยทางบริษัทประกันจะมีการลงรายละเอียดของการเปลี่ยนสีรถยนต์เอาไว้ทั้งหมด

กรณี Wrap สีรถยนต์หลังจากทำประกันไปแล้ว

กรณีนี้จะไปอยู่ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม รายละเอียดของการ Wrap สีรถ จะไม่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์รถยนต์ เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีการ Wrap สีรถยนต์หลักจากทำประกัน ควรรีบแจ้งบริษัทประกันเพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ทำการประเมินราคาค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองเพิ่มเติม และเพิ่มความคุ้มครองที่เหมาะสมให้กับรถยนต์ของเรา

อย่างไรก็ตาม กรณีของการ Wrap สีรถยนต์ แต่ละบริษัทประกันจะมีการพิจารณาด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบางบริษัทก็อาจจะไม่รับพิจารณารับประกันรถยนต์ที่ผ่านการ Wrap มาเลยก็เป็นได้

 

การ wrapสีรถ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนสีรถยนต์บ่อย เพราะไม่ทำลายสีรถเดิมหากใช้ฟิล์มคุณภาพสูง นอกจากนี้สิ่งสำคัญของการ wrapสีรถ คือควรเลือกร้านที่มีคุณภาพ มีความชำนาญด้านการ Wrap สีรถโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ที่สวยงาม มีคุณภาพ ไม่ต้องเสียเวลามาแก้งาน นอกจากนี้หลังจากที่ทำการ Wrapสีรถเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมไปแจ้งเปลี่ยนสีรถที่ขนส่งแจ้งลงเล่มให้เรียบร้อยเพื่อให้ถูกกฎหมาย และแจ้งบริษัทประกัน เพื่อการคุ้มครองที่ต่อเนื่องไม่มีปัญหาในภายหลัง สนใจสินเชื่อเปลี่ยนรถเป็นเงิน แนะนำสินเชื่อเฮงเปลี่ยนรถเป็นเงินที่เฮงลิสซิ่งทุกสาขา สินเชื่อสีเขียวใกล้บ้าน  สนใจสอบถามรายละเอียดหรือสมัครสินเชื่อ คลิกปุ่มสมัครด้านล่างเลยค่ะ