ดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้มงคลชนิดหนึ่งซึ่งตามความเชื่อของคนโบราณจะเชื่อกันว่า การปลูกดอกดาวเรืองไว้ในบ้านจะช่วยนำเงินทองเข้ามาให้ ช่วยหนุนนำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากดอกดาวเหลืองมีสีเหลืองทอง นอกจากนี้ดอกดาวเรืองยังเป็นดอกไม้ที่แข็งแกร่ง ปลูกง่าย​ โตเร็ว และทนทาน จึงมีความหมายอันเป็นมงคลซึ่งหมายถึงความมั่นคง โดยมักสื่อความหมายถึงครอบครัวใหม่ หรือทางด้านความรักด้วย

          นอกจากนี้ ดอกดาวเรืองยังเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ 9 เนื่องจากมีสีเหลืองตามสีของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแล้ว ดอกดาวเรืองอันเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ 9 ยังมีความหมายอันลึกซึ้งที่แสดงถึงความรำลึกในมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กล่าวคือ ดอกดาวเรืองมีความหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง เปรียบเหมือนพระองค์ที่ทรงนำความชื่นบาน ความเจริญมาสู่ชาติบ้านเมือง อีกทั้งพระราชจริยวัตรของพระองค์ท่านที่เรียบง่าย ยึดหลักพอเพียง และทรงไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคใด ๆ ก็เปรียบเสมือนดอกดาวเรืองที่ปลูกง่าย โตเร็ว และทนทาน อวดสีเหลืองงามบานสะพรั่งได้เนิ่นนาน ไม่หวั่นแดด ลม และฝนใด ๆ

❁ สรรพคุณของดาวเรืองมีอยู่มากมาย ได้แก่ 

1.บำรุงสายตา

      การนำดอกดาวเรืองไปตากแห้ง แล้วนำมาชงเป็นชาดื่ม 1 หยิบมือ ต่อน้ำร้อน 1 แก้วกาแฟ ก็สามารถได้รับสารบำรุงสายตาที่ซ่อนอยู่ในดอกดาวเรืองได้นะครับ เนื่องจากดอกดาวเรืองมีสารแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ชนิดหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบเป็นโมเลกุลที่มีออกซิเจน อันได้แก่ ลูทีนและซีแซนธิน ซึ่งจัดว่าเป็นสารบำรุงสายตาจากพืชมีสี โดยทั้งสองสารนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้ ช่วยกรองแสงสีฟ้า และยังเป็นสารออกซิเดชั่น ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานของจอประสาทตา รู้อย่างนี้แล้วสาวๆหนุ่มๆออฟฟิศรีบไปหาดอกดาวเรืองมาชงดื่มกันเลยนะครับ

2.บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอย

     ใครที่อยากมีผิวพรรณที่ดูอ่อนกว่าวัย ไร้ริ้วรอย เฮงแนะนำให้นำดอกดาวเรืองสดหรือดอกดาวเรืองไปตากแห้ง แล้วแช่ในเอทานอล อาจแช่ทิ้งไว้เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หรือแช่ในน้ำบริสุทธิ์แล้วให้ความร้อนอย่างน้อย 15 นาที โดยใช้เตาไมโครเวฟ 15-35 นาที จะทำให้ได้สารสกัดจากดอกดาวเรืองที่สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น บาล์ม ยาหม่อง สเปรย์น้ำฉีดผิวหน้าและผิวกาย ให้ความชุ่มชื้น บรรเทาอาการระคายเคืองต่อผิว แก้ผื่นคัน หรือนำไปผสมในครีมหรือโลชั่นทาบำรุงก็ได้นะครับ เพราะสารสกัดจากดอกดาวเรืองมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียแกรมบวกอย่าง S.aureus และ S. epidermidis ได้ดี และสารสกัดดอกดาวเรืองที่ได้ยังสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดี เนื่องจากมีกรดฟีนอลิกที่สำคัญ ได้แก่ กรดแกลลิก กรดวานิลลิก กรดคาเฟอิก กรดคูมาริก และกรดไซรินจิก

( ผลการวิจัยจาก คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม )

3.บรรเทาโรคผิวหนัง

          ในดอกดาวเรืองมีสารคาเลนดูลา (Calendula) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาปัญหาผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ แผลเป็น และผิวหนังแห้งแตก โดยการนำดอกดาวเรืองมาบรรเทาและดูแลปัญหาผิวหนังเหล่านี้ ควรใช้สารสกัดจากดอกดาวเรืองที่อยู่ในรูปครีมยา น้ำมันหอมระเหย หรือโลชั่นบำรุงผิวพรรณนะครับ

4.รักษาสิว

สาว ๆ ที่มีปัญหาสิวจะใช้ดอกดาวเรืองแต้มสิวก็ได้เหมือนกันนะครับ แต่ควรใช้ดอกดาวเรืองที่สกัดมาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากสารสกัดจากดอกดาวเรืองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไตรเทอปีน ฟลาโวนอยด์ และซาโปนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส มีคุณสมบัติในการสมานแผล ช่วยทำความสะอาดเนื้อเยื่อ และป้องกันการติดเชื้อบนผิวหนัง

แต่หากใครชอบแบบธรรมชาติบำบัดจริง ๆ ก็สามารถนำใบดอกดาวเรืองมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำใบดอกดาวเรืองไปตำแล้วเอามาพอกบริเวณที่เป็นสิว หรือจะนำใบไปต้ม แล้วนำน้ำมาล้างบริเวณที่เป็นสิวก็ได้ เพราะใบดอกดาวเรืองก็มีรสชุ่มเย็น ใช้แก้ฝี แผลพุพอง ตุ่มมีหนอง และอาการบวม อาการอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุได้

5.แก้ร้อนใน

          สำหรับใครที่นอนดึก, เครียด, ขาดวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก กรดโฟลิก หรือสูบบุหรี่ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดอาการร้อนใน เฮงแนะนำให้นำดอกดาวเรืองไปตากแห้งแล้วนำมาทำเป็นชาบ้วนปาก ก่อนหรือหลังการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน เพราะชาดอกดาวเรืองจะช่วยลดความร้อนในร่างกายและทำให้อาการร้อนในลดลงได้

6.แก้ปวดฟัน

คุณๆท่านไหนที่เบื่อกับการแก้อาการปวดฟันโดยใช้น้ำเกลือ เฮงมีวิธีที่น่าสนใจ คือ การนำดอกดาวเรืองตากแห้ง 7-8 ดอกไปต้มกับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะแล้วจิบทั้งวัน เพียงแค่นี้ก็สามารถลดอาการปวดฟันได้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำเกลือหรือยาแก้ปวดให้กังวลใจเรื่องสุขภาพอื่นๆด้วยนะครับ

7.ละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอ

ช่อดอกดาวเรืองมีรสขม กลิ่นฉุนเล็กน้อย ทว่าก็มีสรรพคุณทางยาช่วยกล่อมตับ ขับร้อนจากร่างกาย ละลายเสมหะ แก้ไอหวัด ไอกรน บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ คางทูม และสามารถสมานแผลให้หายเร็วขึ้นได้ โดยการใช้ภายในให้นำช่อดอกดาวเรือง 3-10 กรัม ต้มน้ำแล้วจิบเป็นชา ส่วนวิธีใช้ดอกดาวเรืองรักษาแผลภายนอก ให้นำช่อดอกดาวเรืองต้ม รอให้อุ่น แล้วนำน้ำต้มดาวเรืองมาชะล้างบริเวณที่เป็นแผล

8.แก้วิงเวียนศีรษะ

          น้ำมันหอมระเหยจากดอกดาวเรืองมีคุณสมบัติแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลม ได้นะครับ ช่วงหน้าร้อนของประเทศไทย หากท่านใดทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาวางจำหน่าย ก็เป็นการหารายได้เสริมอีกช่องทางหนึ่งนะครับ เฮงว่าต้องขายดีแน่นอน J

9.ขับลม แก้ท้องผูก รักษาริดสีดวงทวารหนัก

          เห็นดอกเล็ก ๆ เหลืองสวยอย่างนี้ แต่ดอกดาวเรืองถือว่ามีพิษร้ายต่อโรคริดสีดวงทวารหนักนะครับ เพราะดอกดาวเรืองมีฤทธิ์ขับลมในกระเพาะอาหาร และมีฤทธิ์รักษาโรคริดสีดวงทวารโดยตรง โดยตำรับจากอินเดียจะใช้น้ำคั้นจากช่อดอกดาวเรืองมาดื่มแก้ริดสีดวงทวาร หรือบางกรณีจะใช้น้ำคั้นจากช่อดอกผสมน้ำอุ่นแล้วนั่งแช่ลดอาการบวมของแผลริดสีดวงทวารหนัก ซึ่งจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว อาการริดสีดวงทวารก็จะบรรเทาลงได้

10.แก้ปวดประจำเดือน

          ชาดอกดาวเรืองมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ได้ โดยสารในดอกดาวเรืองจะช่วยในการขับลมจากอาการท้องอืด พร้อมทั้งมีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดคลายตัวลง อาการปวดประจำเดือนก็จะบรรเทาลงด้วย สาวๆอย่าลืมนำไปทำตามนะครับ เฮงเป็นห่วง ^^

11.ช่วยลดน้ำตาลในเลือด

          จากการศึกษาของสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สารสกัดดอกดาวเรืองมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แอลฟา-กลูโคซิเดส (Alpha-glucosidase) ซึ่งมีหน้าที่ย่อยสลายน้ำตาลในลำไส้ส่วนเล็กเพื่อให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ดีขึ้น ดังนั้นสารสกัดจากดอกดาวเรืองจึงมีฤทธิ์ลดการดูดซึมกลูโคสในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ดี โดยเฉพาะในกรณีน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นหลังรับประทานอาหาร และการที่ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงก็จะส่งผลดีในด้านช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดชั่น (Oxidative stress) ที่อาจเกิดในผนังหลอดเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้อัตราความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน (Vascular complication) ในผู้ป่วยเบาหวานลดลงได้อีกด้วย

12.ลดไขมันในเลือด

          นอกจากสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือดแล้ว สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังพบว่า สารสกัดดอกดาวเรืองมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไลเปส (Pancreatic lipase) เอนไซม์ช่วยย่อยไขมันจากตับอ่อน ได้เทียบเท่ากับสารสกัดของดอกดาวกระจาย และดอกเฟื่องฟ้า โดยจัดเป็นสารพฤกษเคมีประเภทสารประกอบฟีนอลิก มีฤทธิ์ทำให้เอนไซม์ย่อยไขมันทำงานไม่เป็นปกติ ส่งผลให้การย่อยอาหารที่มีไขมันและการดูดซึมไขมันของร่างกายลดลง จึงช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด และลดโอกาสเกิดโรคอ้วนได้

13.ต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งเซลล์มะเร็ง

          จากการทดลองฤทธิ์ในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งลำไส้ เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร และเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี พบว่า สารสกัดน้ำจากดอกดาวเรืองมีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งทั้ง 3 ชนิดได้เทียบเท่ากับสารสกัดน้ำดอกพวงชมพูและดอกเฟื่องฟ้า อีกทั้งการศึกษายังพบว่า สารสกัดดอกดาวเรืองจะมีฤทธิ์ดีที่สุดในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งลำไส้ (การศึกษาจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิด)

          นอกจากนี้ ศาสตราจารย์สมเพียร เกษมทรัพย์ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ยังเผยผลการศึกษาที่ระบุว่า ดอกดาวเรืองเป็นพืชดอกที่มีประโยชน์มาก โดยพบว่าดอกดาวเรืองให้สารเบต้า-แคโรทีนจากธรรมชาติโดยตรง และเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วสารเบต้า-แคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ทั้งยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งตับและมะเร็งปอดในร่างกายด้วยนะครับ

 

 อย่างไรก็ตาม ทุกท่านควรทราบข้อควรระวังในการใช้ดอกดาวเรืองด้วยนะครับ

          – หลีกเลี่ยงการซื้อดอกดาวเรืองมาทำยาหรือต้มเป็นชา เพราะอาจเสี่ยงได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายได้ ทางที่ดีจึงควรนำดอกดาวเรืองที่ปลูกเอง และเด็ดจาดต้นเองมาใช้เป็นยาเพื่อความปลอดภัย

          – ไม่ควรกินดอกดาวเรืองตูมสด เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันถึงประโยชน์ของดอกดาวเรืองตูมสด มีเพียงงานวิจัยจากสารสกัดดอกดาวเรืองเท่านั้น เพราะสิ่งที่เราต้องการจากดอกดาวเรืองคือสารสีเหลือง ซึ่งจำเป็นต้องผ่านกระบวนการสกัดด้วยวิธีต่าง ๆ มาก่อน

          – ควรรับประทานดอกดาวเรืองที่ตากแห้ง โดยนำมาชงดื่มเป็นชา ส่วนในเคสที่ใช้ภายนอก สามารถนำน้ำดอกดาวเรือง หรือน้ำจากใบดอกดาวเรือง รวมถึงใบดอกดาวเรืองสด ๆ ตำละเอียดได้ แต่หากใช้ภายใน (ดื่ม-กิน) ควรใช้ดอกดาวเรืองตากแห้ง

          – ผู้ป่วยโรคตับและโรคไตไม่ควรรับประทานดอกดาวเรืองไม่ว่าจะในรูปแบบใด ๆ เนื่องจากร่างกายอาจมีปัญหาในการขับสารจากดอกดาวเรือง ส่งผลให้ตับและไตทำงานหนักได้

          – หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานดอกดาวเรือง เพราะอาจส่งผลเสียต่อทารกได้

          – ไม่ควรรับประทานดอกดาวเรืองบ่อยเกินไป ควรกินบ้าง หยุดบ้าง หรือหมุนเวียนกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เพื่อป้องกันการตกค้างของสารชีวเคมีจากดอกดาวเรืองในร่างกาย เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยใดที่ศึกษาผลข้างเคียงจากการรับประทานดอกดาวเรืองในระยะเวลานาน ๆ ว่าทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหรือไม่

 

หากคุณๆท่านไหนอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ก็คงได้ทราบสรรพคุณที่มากมายของดอกดาวเรืองกันแล้วนะครับ แต่ก็อย่าลืมปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วย เพราะทุกสิ่งล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ด้วยความปรารถนาดีจาก #เฮงลิสซิ่ง ครับผม 

ขอบคุณข้อมูลจาก : health.kapook.com