นอกจากน้ำมันเครื่องที่เราต้องเปลี่ยนตามระยะแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือ น้ำมันเบรก ซึ่งน้ำมันเบรกมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงการเปลี่ยนผ้าเบรก หรือการเปลี่ยนยางรถเพื่อช่วยให้ระบบเบรกรถดีขึ้น แต่ยังมีน้ำมันเบรกที่อาจมองข้ามไป เรามาดูกันว่าน้ำมันเบรกคืออะไรสำคัญแค่ไหนสำหรับรถทุกคัน

น้ำมันเบรก Brake Fluid  คืออะไร

น้ำมันเบรก Brake Fluid  ระบบของเหลวของรถยนต์ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ความจริงแล้วน้ำมันเบรก มีความสำคัญต่อความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากผ้าเบรก ยางรถที่มีผลต่อการเบรกรถแล้ว น้ำมันเบรกนี่แหละก็เป็นตัวสำคัญ เพราะหากน้ำมันเบรกเริ่มเสื่อม เบรกรถจะเกิดอาการที่เห็นได้ชัดคือ ระยะเบรกเพิ่มมากขึ้น หมายความว่า เราจะต้องเหยียบเบรกให้ลึก ออกแรงเหยียบเบรกให้มาก หรือต้องย้ำเบรกอยู่ตลอดเพื่อให้รถหยุด เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า น้ำมันเบรกเสื่อมแล้ว  เราจะเห็นว่าน้ำมันเบรกมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และเป็นหนึ่งระบบของเหลวรถยนต์ที่ต้องได้รับการดูแลและเปลี่ยนเมื่อครบระยะเช่นกัน

ความจริงแล้วน้ำมันเบรก Brake Fluid  นั้นไม่ใช่น้ำมัน  แต่คือสารผสมจำพวกอีเทอร์ (Ether) และไกลคอล (Glycol) แต่ในประเทศเรายังไม่มีคำแปลของ “Brake Fluid” จึงเรียกเพื่อให้คนใช้เข้าใจกันทั่วไปว่า “น้ำมันเบรก” เพราะมีคุณสมบัติหล่อลื่นได้เหมือนน้ำมัน ทั้งนี้คุณสมบัติพื้นฐานของน้ำมันเบรก ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังเหมือนระบบไฮดรอลิก เมื่อเราเหยียบแป้นเบรก แรงดันที่เหยียบแป้นจะถูกส่งผ่านของเหลวในระบบเพื่อไปหยุดหรือลดความเร็วของล้อทั้ง 4 ล้อ ตามที่เราต้องการ

การทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิก

โดยรถทั่วไปเบรกรถยนต์จะทำงานแบบไฮดรอลิก  โดยอาศัยการทำงานสามส่วน ได้แก่

1.การส่งผ่านแรง

การส่งผ่านแรงในระบบเบรกรถยนต์ จะได้จากการเหยียบเบรก คือ น้ำมันเบรกที่อยู่ในท่อน้ำมันเบรก ทำให้เกิดความร้อนจากเครื่องยนต์หรือเบรกรถยนต์ ในส่วนที่ใช้การส่งผ่านแรง น้ำมันเบรกจึงเป็นสิ่งสำคัญและต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถของคุณและต้องหมั่นสังเกตไม่ให้น้ำมันเบรกแห้งเด็ดขาด เพราะจะทำให้เบรกรถยนต์ทำงานได้ไม่ปกติหรือเบรกไม่อยู่ด้วย

2.การขยายแรง

เมื่อผู้ขับขี่ทำการออกแรงเหยียบแป้นเบรกรถยนต์ แรงจะส่งไปยังบูสเตอร์สุญญากาศเพื่อขยายแรงดันเบรกรถยนต์ด้วยแม่ปั๊มเบรก และส่งแรงไปยังส่วนต่อไป

3.การเกิดแรงเสียดทาน

เมื่อแรงดันถูกส่งผ่านมาจากท่อน้ำมันเบรกแล้ว แรงดันจะถูกส่งเข้าชุดเบรกในแต่ละล้อ โดยภายในชุดเบรกจะสร้างแรงเสียดทานในการชะลอความเร็วของล้อรถให้เริ่มลดลง ในส่วนนี้การเลือกใช้ผ้าเบรกรถยนต์ที่มีคุณภาพเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เบรกรถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกประกอบไปด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ Dot3 Dot4 Dot5 ซึ่งแต่ละประเภทแตกต่างกันในเรื่องของจุดเดือดของน้ำมันเบรก และคุณภาพของน้ำมันเบรกแต่ละยี่ห้อ หากอยากรู้ว่ารถของคุณต้องใช้น้ำมันเบรกประเภทไหน สามารถดูตรงกระปุกน้ำมันเบรก

  • Dot3 ใช้กับรถรุ่นเก่า   
  • Dot3,4 ใช้กับรถรุ่นกลาง – ใหม่ ใช้ได้ทั้ง Dot3 และ Dot4 แต่ถ้าหากรถที่ใช้ Dot4 จะไม่สามารถลด ไปใช้ Dot3
  • Dot5 ใช้กับรถสมรรถนะสูง รถแข่ง

น้ำมันเบรกที่ดี มีลักษณะอย่างไร 

การเลือกใช้น้ำมันเบรกที่ดี จะช่วยให้ระบบเบรกสามารถทำงานได้ดีเต็มประสิทธิภาพ เบรกได้ดี เบรกไม่จม โดยน้ำมันเบรกที่ดี จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  • มีจุดเดือดที่สูง ระเหยได้ยาก
  • เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังจากแป้นเบรกสู่ระบบเบรกได้ดี
  • ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น ป้องกันการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในระบบเบรกได้ดี
  • มีความหนืดที่ดี ทั้งในอุณหภูมิที่ร้อนและเย็นจัด
  • ไม่กัดกร่อนโลหะหรือยาง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ในระบบเบรก

น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนตอนไหนดี

เมื่อน้ำมันเบรกเริ่มเสื่อมสภาพ  จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก แนะนำควรเปลี่ยนทุก ๆ  1-2 ปี หรือทุกระยะทาง 40,000 กม. เพื่อให้น้ำมันเบรกสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แต่ไม่ควรปล่อยนานเกิน 3 ปี ที่สำคัญต้องระวังอย่าเอาน้ำมันเบรกคนละเกรดมาผสมกัน แต่หากต้องการเปลี่ยนเกรดน้ำมันเบรกใหม่ จะต้องถ่ายน้ำมันเบรกเก่าออกจากรถให้หมดก่อน

เปลี่ยนผ้าเบรก

5 สัญญาณเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์

นอกจากน้ำมันเบรกแล้ว ผ้าเบรกยังเป็นสิ่งสำคัญในระบบเบรกรถ หากผ้าเบรกเสื่อมสภาพอาจเกิดความไม่ปลอดภัยในการขับขี่เช่นกัน  ทั้งนี้หากคุณกำลังเจอสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับการเบรกรถยนต์ หรือกำลังเจอสัญญาณต่อไปนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของคุณ

1.เกิดเสียงดังเวลาเหยียบเบรก

หากเหยียบเบรกรถยนต์แล้วมีเสียงดัง ลักษณะคล้ายเสียงเหล็กเสียดสีกัน หากรถของคุณเกิดสัญญาณดังกล่าวให้รีบนำรถไปตรวจเช็กที่ศูนย์หรืออู่ซ่อมรถ เพราะเสียงดังที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวเหล็กที่ยึดติดกับแผ่นดิสก์เบรกขูดกับขอบบนของจานเบรก เนื่องจากผ้าเบรกบางจนถึงเนื้อเหล็กนั่นเอง

2.สัญญาณเตือนที่หน้าปัดรถ

สัญญาณเตือนต่อมานี้สังเกตได้ไม่ยาก หากมีสัญญาณไฟเบรกขึ้นเตือนที่หน้าปัดรถหรือหน้าคอนโซล เกี่ยวกับระบบเบรก สัญลักษณ์รูปตัว (P) หรือเครื่องหมายตกใจ อาจเป็นไปได้ว่า เกิดจากน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมหรือผ้าเบรกหมด ถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรมีความรู้เกี่ยวกับสัญญาณไฟหน้าปัดรถเพิ่มเติม เพราะอย่างน้อยการรู้จักสัญญาณเตือนเกี่ยวกับรถจะได้ทราบปัญหาเบื้องต้นของรถว่าเกิดจากอะไรเพื่อนำไปทำการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่อไปได้ คลิก

3.เบรกจม

เบรกจมหรือเวลาที่เราเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเท้าเราเหยียบแป้นเบรกจมลงไปมากกว่าปกติ นี่กำลังเป็นสัญญาณที่คุณต้องนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกรถใหม่ได้แล้ว

4.ดึงเบรกมือสูงกว่าปกติ

เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่าเวลาที่เราดึงเบรกมือ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเบรกหลังโดยตรงมีการดึงสูงมากกว่าปกติและต้องมีการยกสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแสดงว่าผ้าเบรกเริ่มสึก เสื่อมสภาพและต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที

5.ผ้าเบรกบาง

ข้อนี้อาจจะไม่มีสัญญาณเตือน แต่สามารถเช็กว่าผ้าเบรกบางลงได้ด้วยตัวเอง โดยการใช้ไฟฉายส่องไปที่คาลิปเปอร์ เพื่อส่องดูความหนาของผ้าเบรกรถ หากพบว่าผ้าเบรกมีความหนาเพียง 3-4 มม. ควรนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางค่ะ

 

น้ำมันเบรก เป็นของเหลวอีกชนิดหนึ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายเมื่อถึงระยะที่เหมาะสม  เพราะเมื่อมีการใช้งานระบบเบรกเป็นประจำ น้ำมันเบรกก็ย่อมต้องมีการเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา รวมไปถึงระบบของเหลวอื่น ๆ ภายในรถ จะต้องมีการดูแลเอาใจใส่และเปลี่ยนตามระยะและอายุการใช้งาน เพื่อใช้รถของคุณสามารถขับขี่และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มสมรรถนะ นอกจากนี้การทำประกันรถยนต์ ก็ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้มากขึ้นกว่า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในระหว่างการขับขี่ ก็ยังสามารถโทรเรียกประกันเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง* สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมและทำประกันรถยนต์ คลิกปุ่มสมัครด้านล่างเลยค่ะ

สมัครสินเชื่อ