รถทุกคันจะต้องมีการบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์นั่นก็คือการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการทำพ.ร.บ.นั่นเอง แต่การทำพ.ร.บ.เพียงอย่างเดียวอาจจะให้ความคุ้มครองไม่ครอบคลุมในเรื่องทรัพย์สินและความเสียหายของรถ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจึงเป็นตัวเลือกที่เสริมความคุ้มครองให้ครอบคลุมนั่นเองค่ะ แล้ว ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง มาติดตามกันต่อค่ะ

ความแตกต่างของการทำพ.ร.บ.และประกันรถภาคสมัครใจ ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง ?

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการทำพ.ร.บ.หรือการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เป็นการบังคับตามกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ. เป็นประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้างนั้น จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลเท่านั้น หรือเรียกได้ว่า คุ้มครองคน ไม่คุ้มครองรถ เช่น ค่าซ่อมรถ หรือความเสียหายของรถนั่นเอง แล้ว ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง นอกเหนือจากคุ้มครองคน แม้ว่าว่าหลายคนอาจจะไม่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลมากนัก เพราะยังพอได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลที่ได้จากการทำพ.ร.บ. การเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลประกันสังคม หรือจากการเคลมประกันอุบัติเหตุ แต่ในส่วนของค่าซ่อมรถ ค่าอะไหล่ นั้นเนื่องจากพ.ร.บ.ไม่คุ้มครองในส่วนนี้ ผู้ขับขี่จะต้องออกค่าซ่อม ค่าอะไหล่ต่าง ๆ เอง  เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าในการซ่อมรถแต่ละครั้ง หลายคนมักจะเคยเจอ ราคาอะไหล่ ค่าซ่อมที่ค่อนข้างแพง บางเคสยังแพงกว่าค่ารักษาพยาบาลเสียอีก จึงทำให้จุดนี้เองการทำการซื้อประกันรถยนต์ ภาคสมัครใจ จึงเป็นตัวช่วยคุ้มครองในส่วนของตัวรถ ซึ่งประกันภัย พ.ร.บ.ไม่ได้คุ้มครองรถนั่นเอง จึงกล่าวได้ว่า ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง (ภาคสมัครใจ) ก็จะให้ความคุ้มครองทั้งคน รถ นอกจากนี้ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้างอีก นั่นก็คือ คุ้มครองทรัพย์สินผู้อื่นที่เราไปเฉี่ยวชน รถหาย เป็นต้น จึงทำให้การซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการคุ้มครองที่มากขึ้นกว่าการทำพ.ร.บ.นั่นเอง โดยเราจะขอเจาะลึกถึงประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ว่าเป็นประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง ? (ภาคสมัครใจ)

เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า เหตุใดทำไมหลายคนจึงแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง มาดูกันต่อค่ะ

1.คุ้มครองต่อความรับผิดชอบกับบุคคลภายนอก ได้แก่ ค่าสินไหม ค่ารักษาพยาบาล ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากรถของผู้เอาประกันและผู้โดยสารภายในรถที่ทำประกัน

2.คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า ขับรถพุ่งชนรั้วบ้านคนอื่น หรือขับรถเฉี่ยวชนรถคันอื่น เป็นต้น

3.คุ้มครองความเสียหายของรถยนต์

4.คุ้มครองเมื่อรถสูญหายหรือไฟไหม้ เช่น รถถูกขโมยหรือถูกขโมยชิ้นส่วนตัวรถ หรือว่าจะเป็นการไหม้โดยตัวของมันเอง หรือเป็นการไหม้ที่เป็นผลสืบเนื่องจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม

5.ความคุ้มครองอื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนประกันรถที่เลือกทำ

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท

สำหรับประกันภัยรถยนต์แบ่งประเภทกรมธรรม์ ออกเป็น 5 ประเภท โดยแตกต่างกันที่รูปแบบการคุ้มครอง ซึ่งขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ทำประกันว่าต้องการรูปแบบไหน ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ประกันรถยนต์ชั้น 3 และประกันรถยนต์ชั้น 3+ ส่วนประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้างแสดงตามตารางเปรียบเทียบความคุ้มครองประกันรถยนต์ภาคสมัครใจดังนี้

ถาม-ตอบเรื่องการเคลมประกันรถยนต์

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ในส่วนของการเคลมประกันรถจะต้องทำอย่างไร เบื้องต้นก่อนที่คุณจะทำการแจ้งเพื่อขอเคลมประกันรถ จะต้องเตรียมข้อมูลเบื้องต้น เช่น อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ในอุบัติเหตุนี้มีคู่กรณีหรือไม่ (ถ้ามีคู่กรณีเป็นใคร) มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ มีพยานที่เห็นเหตุการณ์หรือไม่ มีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นหรือไม่ เป็นต้น โดยการเคลมประกันรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

ประเภทของการเคลมประกันรถยนต์มีอะไรบ้าง?

ในการเคลมประกันรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ เคลมประกันรถยนต์แบบสด จะมีพนักงานจากบริษัทประกันออกไปตรวจสอบทันที และเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง การเคลมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไประยะหนึ่งแล้ว (ไม่เกิน 2-3 วัน) สาเหตุการเคลมมักจะเกิดจากกรณีที่เกิดการเฉี่ยวชนหรืออุบัติเหตุที่เกิดความเสียหายไม่มากนัก

การเคลมประกันรถยนต์แบบสด

การเคลมประกันรถยนต์แบบสด คือการเคลม ณ ที่เกิดเหตุ และมีพนักงานบริษัทประกันมาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบดังนี้

1.การเคลมแบบมีคู่กรณี คือ อุบัติเหตุแบบรถชนรถ พนักงานบริษัทประกันจะตรวจสอบและพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด โดยฝ่ายผิดจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับคู่กรณีก่อน ตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน*

2.การเคลมแบบไม่มีคู่กรณี คือ กรณีที่ผู้เอาประกันชนสิ่งของทำให้เกิดความเสียหาย กรณีนี้ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ก่อน

การเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง

การเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง คือ การเคลมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไประยะหนึ่งแล้ว (ไม่เกิน 2-3 วัน) สาเหตุการเคลมมักจะเกิดจากกรณีที่เกิดการเฉี่ยวชนหรืออุบัติเหตุที่เกิดความเสียหายไม่มากนัก โดยผู้ถือประกันต้องระบุรายละเอียดว่าเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร วันที่เท่าไหร่ สถานที่ไหน ชนเข้ากับอะไร แล้วจึงแจ้งเคลมกับบริษัทประกันเอง

**มีเพียงประกันชั้น 1 เท่านั้น ที่สามารถ “เคลมรอบคัน” เป็นการเก็บรายละเอียดร่องรอยต่างๆ รอบตัวรถให้กับคุณได้

เบี้ยประกันลดลง สำหรับผู้ที่ไม่เคยเคลมประกันรถใช่หรือไม่?    

รถไม่เคยมีการเคลมประกันเลยในช่วงประกันปีแรก เบี้ยประกันในปีต่อไปจะลดลง หรือหากคุณเปลี่ยนบริษัทประกันภัยใหม่ และไม่มีการเคลมประกันเลย ก็สามารถนำไปลดเบี้ยประกันกับทางบริษัทประกันใหม่ได้เช่นเดียวกัน

หลังจากเคลมประกันรถแล้ว ส่งรถไปซ่อมที่ไหนได้บ้าง?

ผู้เอาประกันสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกส่งรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการหรือซ่อมกับอู่ซ่อมรถในเครือก็ได้ แต่รถที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี แนะนำว่าให้ซ่อมกับศูนย์บริการจะดีกว่า

ต้องการทำประกันรถยนต์ ทำที่ไหนได้บ้าง?

หลังจากที่คุณทราบแล้วว่าประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง และต้องการที่จะทำประกันรถยนต์สักแผนหนึ่ง สามารถทำซื้อกับตัวแทนประกันภัยรถยนต์ของบริษัทที่คุณสนใจโดยเฉพาะ หรือ ติดต่อนายหน้าหรือโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ได้เช่นเดียวกัน เพราะสามารถเลือกแผนประกันได้หลากหลายบริษัท ทำให้คุณสามารถเลือกพิจารณาเปรียบเทียบ เงื่อนไข เบี้ยประกัน และความคุ้มครองอื่น ๆ ได้

ทำประกันรถยนต์แบบสบายกระเป๋าที่เฮงลิสซิ่ง

แม้ว่าราคาของประกันรถยนต์แต่ละแผนจะต้องจ่ายจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อแลกกับความคุ้มครองในการขับขี่รถได้อย่างสบายใจเป็นสิ่งที่คุ้มค่าไม่น้อยเลย แต่จะดีกว่าถ้าได้เลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในคราวเดียว สามารถเลือกแบ่งจ่ายได้นานถึง 12 งวด ไม่มีดอกเบี้ย ยิ่งคนที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนจ่ายได้เช่นเดียวกัน แนะนำซื้อประกันรถยนต์ผ่อน 0% ที่เฮงลิสซิ่งทุกสาขาใกล้บ้าน หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่ (ไปที่หน้าขายประกัน)

เทคนิคเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้คุ้มค่า

1.พฤติกรรมการใช้รถ

พฤติกรรมการใช้รถ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกซื้อประกันรถยนต์ บางคนเป็นมือใหม่หัดขับ บางคนขับรถมานาน ก็อาจจะเลือกทำประกันรถยนต์ที่แตกต่างกัน มือใหม่หัดขับ อาจจะมีความเสี่ยงในการขับขี่ค่อนข้างสูง อาจจะขับรถเฉี่ยวชนสิ่งของ เกิดรอยขีดข่วนบ้าง ถอยรถชนเสาบ้าง หรืออาจจะบังเอิญไปเฉี่ยวชนเพื่อนร่วมทางคันอื่น การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับมือใหม่หัดขับที่ใช้รถปีใหม่ อายุไม่เกิน 7 ปี ก็จะช่วยคุ้มครองในเรื่องความเสียหายของรถ และคุ้มครองคนอีกด้วย หรือหากเป็นมือใหม่หัดขับแต่ใช้รถอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป อาจจะแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ เพื่อคุ้มครองได้ใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 นอกจากนี้ความถี่ในการใช้รถ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ บางคนใช้รถเป็นประจำทุกวัน การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ขึ้นไปก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากบางคนไม่ค่อยได้ใช้รถสักเท่าไหร่ ขับแค่ใกล้ ๆ บ้าน หรือใช้รถเฉพาะวันหยุด อาจจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 แทน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อประกันรถยนต์เช่นกัน

2.อายุของรถที่ใช้

เราจะเห็นว่าในการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับรถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี หากคุณเป็นรถเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปี แต่รถก็ยังไม่เก่ามากนัก แต่ก็อยากได้รับความคุ้มครองที่ไม่ต่างจากประกันชั้น 1   จึงแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ 2+ แทน จะเห็นว่าอายุของรถมีผลต่อการเลือกซื้อประกันรถยนต์ แม้ว่าจะเป็นรถปีเก่าก็ยังสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์ เพื่อเพิ่มความคุ้มครองในการใช้รถใช้ถนน แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเท่ากับรถใหม่หรือการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ตาม แต่อย่างน้อยการเลือกซื้อประกันรถยนต์ติดไว้สักแผน ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความคุ้มครองที่นอกเหนือไปจากการทำพ.ร.บ.เพียงอย่างเดียว

3.เลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะซื้อสินค้าหรือจะใช้บริการอะไรก็ตาม เรามักจะมีการค้นหารีวิวคนที่เคยทำใช้บริการบริษัทประกันแต่ละแห่งในอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามคนข้างเคียง เพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับประสบการณ์การซื้อหรือเคลมประกัน แต่ทางที่ดีเลือกซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทที่คุ้นหู น่าเชื่อถือ เพราะการเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้คุณได้รับการบริการที่เป็นมาตรฐาน ถูกกฎหมาย นอกจากนี้การเลือกบริษัทประกันที่มีอู่ซ่อมรถครอบคลุมหลายแห่งที่ได้รับมาตรฐาน รวมไปถึงอู่ซ่อมรถประจำของคุณเองอยู่ในเครือของบริษัทประกันรถที่คุณด้วยแล้ว ก็จะช่วยให้คุณลดความกังวลในการนำรถไปส่งซ่อม และได้รับมาตรฐานในการซ่อมอีกด้วย

4.เบี้ยประกันรถยนต์

การเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์และข้อเสนอของแต่ละแห่ง ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้ง่ายขึ้น เลือกที่ให้ความคุ้มค่าว่าที่ไหนให้ความคุ้มครองมากกว่า เบี้ยประกันถูกกว่ากัน รวมไปถึงรูปแบบในการซื้อประกันรถยนต์ว่าสามารถแบ่งจ่ายได้หรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละชั้น มีราคาค่อนข้างสูงในสายตาของหลายคน เพราะฉะนั้นหากสามารถเลือกทำประกันรถยนต์ผ่อนชำระ 0% ได้นาน 6 เดือน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้การซื้อประกันรถยนต์ของคุณ ซื้อง่ายสบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น

พอจะทราบกันแล้วนะคะว่า ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง (ภาคสมัครใจ) เพราะการให้ความคุ้มครองที่มากกว่าการทำพ.ร.บ.หรือการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนั่นเอง แม้ว่ารถของแต่ละคนจะทำพ.ร.บ.ไว้แล้ว แต่ก็อย่างที่ได้ทราบไปแล้วว่าพ.ร.บ.จะให้ความคุ้มครองแค่คนเท่านั้น ส่วนทรัพย์สิน ความเสียหายของรถ พ.ร.บ.จะไม่ได้รับการคุ้มครอง เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อประกันรถยนต์ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองให้การขับขี่รถ การใช้รถใช้ถนน มีความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น ส่วนจะเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนดีนั้น ก็สามารถเลือกซื้อได้หลากหลายช่องทางทั้งช่องทางออนไลน์ โบรกเกอร์ หรือ มาที่นี่เลยค่ะ เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล เราไม่ได้ให้บริการในด้านสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น เรายังเพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อประกันรถยนต์ แถมยังซื้อง่าย ผ่อนสบายสูงสุด 12 งวด* ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็ยังผ่อนได้ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่ หรือสอบถามได้ที่ เบอร์คอลเซ็นเตอร์ 1361 ค่ะ