รถสีขาวเป็นสีรถที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เวลาเราขับรถไปทางไหนก็มักจะเห็นรถสีขาวเต็มท้องถนน แต่นอกจากสีขาวแล้ว ยังมี รถสีขาวมุก ที่ได้ความนิยมเช่นกัน แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมรถสีขาวมุกเวลาที่เราซื้อมือหนึ่ง จะต้องเพิ่มราคาแพงกว่าสีปกติเป็นหมื่นเลยทีเดียว วันนี้เรามีคำตอบว่าทำไมรถสีขาวมุกจึงมีราคาแพงกว่าสีอื่น 

ทำไม รถสีขาวมุก ถึงมีราคาแพงและต้องเพิ่มเงินจากปกติ? 

สีของรถมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถของแต่ละคน โดยเฉพาะรถสีขาวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยิ่งเป็นรถสีขาวมุกด้วยแล้ว มีความสวยงาม หรูหรา กว่าสีขาวทั่วไป จึงทำให้รถสีขาวมุกมีราคาแพงกว่าสีอื่น แต่ทำไมรถสีขาวมุกจึงมีราคาแพงกว่าสีอื่น และถ้าใครซื้อรถป้ายแดงจะต้องเพิ่มราคาสำหรับรถสีขาวมุก ก็เป็นเพราะว่ากระบวนการทำรถสีขาวมุกนั้น มีต้นทุนที่สูงกว่าและมีขั้นตอนที่มากกว่าสีรถทั่วไป เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับสีรถยนต์มากขึ้น เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับสีรถยนต์กันก่อน โดยปกติแล้วสีรถยนต์ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีรถ Solid และสีรถ Metallic

สีรถ Solid หรือ Non-metallic จะมีลักษณะเป็นสีพื้น ไม่มีส่วนผสมของเมทัลลิกช่วยสร้างความแวววาว ทำให้สีประเภทนี้จะมีต้นทุนต่ำ เพราะเพียงแค่พ่นเนื้อสีลงบนชั้นรองพื้น แล้วจึงค่อยพ่นแล็กเกอร์ เพื่อเคลือบสีเอาไว้เพียงเท่านี้  สีรถ Solid หรือ Non-metallic จึงพบในรถขนาดเล็กและขนาดกลางที่คาราไม่สูงนัก

สีรถ Metallic มีส่วนผสมของผงอะลูมิเนียม ทำให้มีความแวววาว โดยเฉพาะเมื่อโดนแสงแดดหรือแสงไฟกระทบ ทำให้รถยนต์ดูมีความสวยงาม หรูหรามากกว่าสีรถ solid โดยกระบวนการเพื่อให้ได้ความแวววาว หรือ มุก นี้ จะไม่ได้เป็นการพ่นสีขาว พื้นแบบ Solid เท่านั้นแต่จะมีการพ่นสีมุก (Pearl) ทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งการพ่นสีมุกนี้ จะใช้ระยะเวลาในการทำนานกว่าการพ่นสีทั่วไป และจะต้องพ่นสีมุกอีกประมาณ 3 ชั้น เราจะเห็นว่ากระบวนการทำสีมุกใช้ระยะเวลานาน แถมกระบวนการยังเยอะกว่าสีรถ solid นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม รถสีขาวมุก จึงมีราคาแพงและจำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อให้ได้รถสีขาวมุกที่มีความสวยงาม แวววาว หรูหรากว่าสีขาวทั่วไป เรามักพบรถสีขาวมุกในรถที่มีราคาแพงนั่นเอง นอกจากนี้รถยนต์บางรุ่น ก็มีรถสีขาวมุกให้เลือก แต่จะต้องเพิ่มราคาตั้งแต่ 5,000 – 10,00 บาท แล้วแต่ค่ายรถแต่ละค่าย สำหรับการทำสีมุกนั้นไม่เพียงแต่ทำในรถสีขาวมุกเท่านั้น รถสีอื่นก็สามารถทำได้และต้องเพิ่มเงินเช่นเดียวกันนั่นเอง  

การดูแลรักษารถสีขาวมุกให้สวยงาม สดใสไปนาน ๆ 

รถสีขาว หรือ รถสีขาวมุก เป็นสีรถที่เป็นที่นิยมและเห็นเยอะมากบนท้องถนน รถสีขาว รถสีขาวมุก มีความหรูหรา สะอาดตา แต่ปัญหาที่คนใช้รถสีขาว รถสีขาวมุก เป็นกังวล คือ ปัญหารถเหลือง สีหมอง ไม่สดใสเหมือนตอนแรก เรามาดูกันว่าหากคุณตัดสินใจซื้อรถสีขาวมุกไปแล้ว จะต้องดูแลรักษารถสีขาวอย่างไร 

1.หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดด 

รังสียูวีมีผลทำให้รถสีขาวกลับเหลือง หมอง ไม่ขาวสดใสเหมือนก่อน เพราะยูวีจะทำลายสีรถ ชั้นเคลือบสีจนแลกเกอร์เสื่อมสภาพ ทำให้รถเหลือง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือหาผ้าคลุมรถมาคลุมรถไว้หากต้องจอดตากแดดเป็นเวลานาน 

2.เคลือบสีรถเป็นประจำ 

บางคนอาจจะเข้าใจว่าการเคลือบสีรถเป็นเพียงการช่วยให้รถมีความเงางามเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วการเคลือบสีรถยังมีประโยชน์อื่นอีกได้แก่ ป้องกันคราบสิ่งสกปรกไม่ให้เกาะรถ ยืดอายุสีตัวถังรถ และเป็นการเสริมเกราะป้องกันให้ผิวรถจากการทำร้ายของยูวี ชั้นเคลือบสีไม่ถูกทำลายทำให้รถสีขาวเกิดคราบเหลืองได้ช้าลงนั่นเอง ทำให้รถสีขาวยังความสวยงามเหมือนใหม่ จึงแนะนำให้มีการเคลือบสีรถเป็นประจำ อ่านบทความเกี่ยวกับการเคลือบสีรถ คลิก  

3.ใช้ดินน้ำมันล้างรถ 

ดินน้ำมันในที่นี้ไม่ได้หมายถึงดินน้ำมันที่เด็ก ๆ ใช้เล่นกัน แต่เป็นดินน้ำมันล้างรถ หรือดินน้ำมันลูบรถยนต์ จะช่วยลูบเอาสิ่งสกปรกที่ฝังอยู่ในชั้นสีรถที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าออกมาได้    

4.เช็ดรถให้แห้งและสะอาด 

หลังจากล้างรถเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรปล่อยให้รถแห้งเอง เพราะจะทำให้เกิดคราบหินปูนเป็นด่างที่กระจกรถและผิวรถ เพราะในน้ำประปาหรือน้ำบาดาลที่เราให้สำหรับล้างรถ จะมีแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะแคลเซียมแมกนีเซียมที่ทำให้เกิดคราบปูนเกาะนั่นเอง ทั้งนี้ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าชามัวร์สำหรับเช็ดรถโดยเฉพาะเช็ดรถให้แห้งและสะอาด 

5.ล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 

หากคุณใช้รถเป็นประจำทุกวัน จะมีทั้งสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง คราบน้ำ ขี้นก ขี้โคลน คราบยางต้นไม้เกาะผิวรถ อย่างน้อยการล้างรถสัปดาห์ละครั้งเพื่อลดการทำลายชั้นสีจากสิ่งสกปรกเหล่านี้ เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้ชั้นสีถูกทำลายทำให้รถสีหมอง โดยเฉพาะรถสีขาวเหลือง ไม่สวยงามนั่นเอง 

6.ใช้ครีมลบรอยทันทีเมื่อเห็นรอยหรือคราบต่าง ๆ  

หากคุณพบรอยขนแมว หรือคราบเหลือง คราบน้ำ คราบน้ำมัน คราบยางมะตอย ให้รีบนำครีมลงรอยรถยนต์โดยเฉพาะ เช็ดคราบเหล่านั้นทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้คราบล้างออกได้ยากมาก และอาจทำให้รถเหลืองได้ 

หากใครที่อยากเปลี่ยนรถเป็นสีขาวมุก สีดำมุก ก็สามารถทำได้แต่อาจจะต้องเลือกอู่สีรถที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำสีรถโดยเฉพาะการทำสีมุก เพื่อจะได้สีมุกที่สวยงาม และหากคุณคิดจะเปลี่ยนสีรถคุณจะต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถที่กรมการขนส่งทางบก โดยการแจ้งเปลี่ยนสีรถ มีขั้นตอนอย่างไร เราจะอธิบายให้ฟังกันค่ะ 

การแจ้งเปลี่ยนสีรถ ต้องทำอย่างไร? 

อยากเปลี่ยนสีรถให้ดูเหมือนรถคันใหม่ ทั้งทำสีใหม่ทั้งคัน หรือการ wrap หรือใช้รถไปสักระยะรถอาจจะมีรอยขูดขีด ต้องซ่อมสีในบางจุด เจ้าของรถอาจจะเลือกทำสีใหม่ทั้งคันไปเลย ทั้งนี้หลังจากเปลี่ยนสีรถใหม่แล้ว จะต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถ จะต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนสีนั้นหากเกินกำหนด เจ้าของรถจะมีความผิดตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ คุณสามารถเข้าไปยื่นเรื่องเปลี่ยนสีรถที่กรมขนส่งทางบก โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ดังนี้ 

เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 

1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถ 

2.ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน 

3.หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างทำสี 

โดยนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้ 

1.ยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ 

2.ยื่นตรวจสอบคำขอพร้อม หลักฐานและผลผ่านการตรวจสอบรถ 

3.หลังจากตรวจสอบเรียบร้อย ให้ทำการชำระค่าธรรมเนียม 

4.รอรับเอกสารคืน 

ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ 

  1. ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
  2. ค่าดำเนินการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบก 50 บาท
  3. ค่าคำขอ 5 บาท

การจดแจ้งเปลี่ยนสีรถตามกฎหมาย 

กรมการขนส่งทางบกกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกำหนดสีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์  ดังนี้ 

1.กรณีตัวรถมีสีเดียวให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเพียงสีเดียว โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเข้มของสีที่แตกต่างกัน 

2.กรณีที่ตัวรถมีหลายสี โดยแต่ละสีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนในบริเวณตัวถังส่วนที่สำคัญของรถ (ฝากระโปรงหน้า-ท้าย หลังคา หรือประตู) ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเป็นสีของรถไม่เกิน 3 สี เช่น ตัวรถมีสีขาวแต่ส่วนของหลังคามีสีแดงให้กำหนดเป็นสีขาว-แดง หรือตัวรถมี 3 สีคือ สีขาว สีแดง และสีดำ ให้กำหนดเป็นสีขาว-แดง-ดำ 

3.กรณีตัวรถมีมากกว่า 3 สี หากสามารถกำหนดสีหลักของตัวรถได้ ให้กำหนดสีหลักไว้ 2 สี เช่น สีหลักเป็นสีขาวและสีแดง ในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ระบุเป็น สีขาว-แดง-หลายสี แต่หากไม่สามารถกำหนดสีหลักได้ให้ระบุในสมุดคู่มือประจำรถเป็น “หลายสี” ไม่ว่าจะเปลี่ยนสีรถโดยวิธีติดสติกเกอร์ ฟิล์ม หรือคาร์บอนเคฟล่าหรือวัสดุอื่นใดก็ตาม ถ้าทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไปให้เจ้าของรถแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วไทย 

4.กรณีคาดสติกเกอร์หรือแถบคาดใช้แต่งรถ โดยไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องกำหนดสีรถ แต่หากมีการติดสติกเกอร์เกินกว่า 30 % ของตัวรถ ต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถด้วย 

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด 

การเลือกสีรถถูกโฉลกตามวันเกิด เป็นความเชื่อเรื่องสีที่หลายคนให้ความสนใจและอยู่คู่สังคมไทยมานานแล้ว ทั้งนี้สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด แต่ละสีจะมีการส่งเสริมความเป็นมงคลในด้านที่แตกต่างกัน เช่น การเงิน การงาน การเดินทาง ความปลอดภัย ความรัก เมตตามหานิยม การอุปถัมภ์ค้ำชู ความเคารพยำเกรง  หากผู้ที่ต้องการเสริมดวงมงคลเรื่องไหนเป็นพิเศษบ้าง ลองมาดูกันว่า สีรถที่คุณกำลังเล็งไว้อยู่นั้น จะเป็นสีรถถูกโฉลกตามวันเกิดของคุณหรือไม่ 

1.เกิดวันอาทิตย์  สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีบรอนซ์ เทา ทอง ม่วงเปลือกมังคุด ดำ แดงเลือดหมู ขาว งาช้าง สีกาลกิณี คือ รถสีน้ำเงินหรือสีฟ้า 

2.เกิดวันจันทร์  สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีชมพู เขียว ม่วงเปลือกมังคุด ดำ ส้ม น้ำเงิน ฟ้า สีกาลกิณี คือ สีแดง 

3.เกิดวันอังคาร สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีม่วงเปลือกมังคุด ดำ บรอนซ์เทา ทอง ส้ม น้ำตาล เขียว แดง ชมพู สีกาลกิณี คือ สีขาว งาช้าง 

4.เกิดวันพุธกลางวัน (06.01 – 18.00 น.) สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีน้ำเงิน สีฟ้า ขาว งาช้าง บรอนซ์เทา ดำ ม่วงเปลือกมังคุด เขียว สีกาลกิณี คือ สีชมพู ส้ม 

5.เกิดวันพุธกลางคืน (18.01 – 06.00 น.) สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีชมพู ดำ บรอนซ์ เทา ม่วงเปลือกมังคุด น้ำเงิน แดง น้ำตาล สีกาลกิณี คือ สีทอง ส้ม 

6.เกิดวันพฤหัสบดี  สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีขาว แดง เทา ฟ้า เขียว ส้ม ทอง สีกาลกิณี คือ ดำ น้ำเงิน ม่วง 

7.เกิดวันศุกร์ สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีเขียว ทอง ชมพู เหลือง ดำ น้ำตาล ฟ้า น้ำเงิน สีกาลกิณี คือ สีบรอนซ์ เทา ม่วง 

8.เกิดวันเสาร์ สีรถถูกโฉลกได้แก่ สีแดง ชมพู น้ำเงิน ฟ้า เทา บรอนซ์ ทอง เหลือง ดำ ม่วงแก่ สีกาลกิณี คือเขียว ส้ม 

หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจที่มาที่ไปว่าทำไม รถสีขาวมุก ถึงมีราคาแพงหรือหากอยากได้รถสีขาวมุกนี้จะต้องเพิ่มเงินจากราคารถปกติ เพราะขั้นตอนการทำที่หลายขั้นตอนและใช้เวลาในการทำสีมุกนาน จึงทำให้รถสีขาวมุกหรือรถที่ทำสีมุก จึงมีราคาแพง แต่ก็มีความสวยงาม หรูหรา น่าขับ และทำให้หลายคนยอมเพิ่มเงินเพื่อซื้อรถสีขาวมุก แต่เมื่อได้รถสีขาวมุกมาแล้ว อย่าลืมนำเทคนิคการดูแลรถสีขาว รถสีขาวมุก ไปใช้กับรถของคุณค่ะ

สมัครสินเชื่อ