เมื่อไหร่ที่รถยางรั่ว คุณจำเป็นต้องหาร้านปะยางรถใกล้เคียงเพื่อเข้ามา ปะยางรถยนต์ ของคุณ เพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปได้ แต่ถ้าหากโชคไม่ดีนักที่รถของคุณยางรั่ว ยางแบนในพื้นที่ที่หาร้านปะยางรถได้ยาก หรือไม่สามารถหาร้านปะยางหรือขอความช่วยเหลือจากใครได้ คุณอาจจะจำเป็นต้องเรียนรู้และสามารถปะยางรถยนต์ด้วยตัวเองได้บ้าง

การ ปะยางรถยนต์ มีกี่แบบ

การปะยางรถยนต์ ถือเป็นทักษะหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อคุณพบว่ารถยางรั่ว จำเป็นจะต้องหาร้านปะยางรถยนต์หรือศูนย์บริการใกล้ที่สุด เพื่อทำการปะยางรถยนต์ให้เรียบร้อยและสามารถเดินทางต่อไปได้ แต่เชื่อว่าผู้ขับขี่หลายท่านอาจไม่มีทักษะการปะยางรถยนต์ด้วยตัวเอง และต้องอาศัยร้านปะยางรถยนต์แทน แต่สำหรับคนที่ชอบเดินทางไกล ห่างจากพื้นที่ชุมชน หรือเดินทางในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง โอกาสที่ยางรถยนต์จะรั่วหรือยางแบนย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะบนถนนมักจะมีเศษหินคม ตะปู เหล็ก หรือเศษแก้วตกหล่น เมื่อล้อรถวิ่งเหยียบทับไปแล้วสิ่งของเหล่านี้มีโอกาสที่จะเข้าไปทิ่มเนื้อยาง แม้ว่ายางรถยนต์จะไม่แบนในทันที แต่ลมก็จะค่อย ๆ ซึมตลอดทางจนในที่สุดยางรั่วและแบนในเวลาต่อมา และยิ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน หรือในเวลากลางคืนโอกาสที่ร้านปะยางจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงก็หาได้ค่อนข้างยาก หรือไม่มีให้บริการเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ทักษะการปะยางรถยนต์ด้วยตัวเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ขับขี่รถควรรู้ อย่างน้อยการปะยางรถยนต์ด้วยตัวเองก็เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างปลอดภัยเพื่อทำการเปลี่ยนยางใหม่หรือรับการซ่อมแซมโดยช่างมืออาชีพ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับการประยางรถยนต์ที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 2 แบบ ได้แก่ การปะแบบสตรีมและการปะแบบแทงไหม

ปะยางรถยนต์ แบบสตรีม

การปะยางรถยนต์แบบสตรีม ทำได้ในกรณีที่รถยางรั่วจากตะปู น๊อต เหล็ก เศษแก้ว โดยที่แผลไม่ได้ใหญ่มากนัก ต้องถอดยางรถที่รั่วออกมาล้าง เพื่อปะยางรถยนต์จากข้างใน โดยการปะยางรถยนต์แบบสตรีม ยังสามารถแยกได้อีก 2 วิธีได้แก่ การสตรีมร้อนและสตรีมเย็น

ปะยางรถยนต์สตรีมร้อน

การปะยางรถยนต์สตรีมร้อน ใช้แผ่นปะยางแบบร้อน อุดรอยรั่ว โดยการใช้ความร้อนทำให้แผ่นปะละลายไปติดกับเนื้อยางรถจนเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นการสมานเนื้อยางให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเอายางใส่ล้อ เติมลมเป็นอันเสร็จ การสตรีมยางร้อนนี้ สามารถใช้งานยางต่อได้จนยางรถยนต์เส้นนั้นต่อได้จนเสื่อมสภาพ

ปะยางรถยนต์สตรีมเย็น

การปะยางรถยนต์สตรีมจะมีวิธีการปะคล้ายกับสตรีมร้อน แต่จะไม่ใช้ความร้อนในการปะยาง เริ่มต้นขัดผิวยางรอบรูที่รั่วให้มีความหยาบหรือการเจียรเนื้อยางเล็กน้อย จากนั้นทากาวปะยาง แล้วใช้แผ่นปะยางแปะลงไป เพื่ออุดรอยรั่ว แล้วรีดให้แผ่นยางติดกัน จึงเอายางใส่ล้อ เติมลมเป็นอันเสร็จ

ปะยางรถยนต์ แบบแทงไหม (ตัวหนอน)

การปะยางรถยนต์แบบแทงไหม เหมาะสำหรับรถยางรั่วที่มีรอยรั่วขนาดเล็กที่เกิดจากตะปู สกรู น็อต ตำเข้าไปในยางรถยนต์ เป็นการปะยางรถยนต์แบบชั่วคราว เพื่อให้คุณสามารถขับรถไปยังที่ปลอดภัยเพื่อทำการซ่อมหรือเปลี่ยนยางใหม่ โดยการปะยางแบบแทงไหมจะเหมือนกับการปะยางรถจักรยาน โดยเริ่มจากการนำสิ่งแปลกปลอมที่ตำเนื้อยางออกก่อน แล้วทำให้รูรั่วนั้นใหญ่ขึ้น แล้วแทงไหมยางเข้าไปเพื่อรอยรั่ว วิธีการปะยางรถยนต์แบบแทงไหม สามารถทำได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องถอดล้อออกจากล้อแม็กซ์เลย

ชุดปะยางรถยนต์ฉุกเฉิน

ชุดปะยางรถยนต์ฉุกเฉิน เป็นอุปกรณ์สำหรับปะยางรถยนต์เบื้องต้น โดยปัจจุบันนี้รถอีโคคาร์ส่วนใหญ่จะแถมชุดปะยางรถยนต์ฉุกเฉินติดรถมาให้แทนยางอะไหล่ เพื่อช่วยลดน้ำหนักตัวรถ โดยชุดปะยางรถยนต์ฉุกเฉิน จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ 2 ชิ้น ได้แก่ ปั๊มลมไฟฟ้า และน้ำยาปะยาง หากคุณมีชุดปะยางรถยนต์ฉุกเฉิน คุณสามารถปะยางรถรั่วเบื้องต้นได้ โดยเริ่มจากนำกระปุกน้ำยาปะยางกับปั๊มลมไฟฟ้า เสียบไปยังจุกลมยางรถล้อที่แบน จากนั้นทำการเปิดสวิตช์กุญแจ แล้วค่อยเปิดปั๊มลมไฟฟ้าเพื่อให้เครื่องทำงาน เมื่อเกจวัดปั๊มลมขึ้นไปถึงค่าที่กำหนดแล้วให้ทำการปิดสวิตช์ปั๊มลมไฟฟ้า จากนั้นลองขับรถไปสักพักด้วยความเร็วไม่เกิน 80กม./ช.ม. ประมาณ 5 กม. เพื่อเช็กว่าถ้ายางที่ทำการปะฉุกเฉินไปไม่มีการรั่วซึมของลม ก็สามารถขับรถต่อไปเพื่อไปร้านปะยางรถหรือศูนย์บริการเพื่อทำการเปลี่ยนหรือแก้ไขปัญหายางรถต่อไป

อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งวิธีในการช่วยเหลือคุณหากเกิดยางรั่ว ยางแบนล้อใดล้อหนึ่ง ก็สามารถทำการเปลี่ยนยางรถรั่วด้วยยางอะไหล่ที่ติดมาในรถ โดยมีขั้นตอนการเปลี่ยนยางอะไหล่รถยนต์ดังนี้

การเปลี่ยนยางอะไหล่

รถทุกคันจะมีอย่างอะไหล่ติดรถอยู่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนยางอะไหล่ด้วยตัวเองได้ หากคุณมีเครื่องมือในการเปลี่ยนยางอะไหล่ ได้แก่ ยางอะไหล่ แม่แรงยกรถ ด้ามหมุนแม่แรงยกรถ และบล็อกตัว L

1.สอดแม่แรงเข้าใต้ท้องรถ ตรงจุดที่รับน้ำหนักรถได้เพื่อทำการยกรถ แต่ยังไม่ต้องยกรถ

2.คลายน๊อตล้อด้วยบล็อก โดยทวนเข็มนาฬิกา ส่วนเวลาใส่ก็ใส่ตามเข็มนาฬิกา แต่ยังไม่ต้องเอาน๊อตออกจากล้อ

3.ใช้แม่แรงยกล้อลอยขึ้นเหนือพื้น แล้วค่อย ๆ ถอดน๊อตล้อออก ถอดยางที่รั่วออกแล้วเอายางอะไหล่ใส่กลับเข้าไปแทน

4.ขันน๊อตเข้าไปก่อนให้พอตึง จากนั้นลดแม่แรงลงให้ล้อติดถึงพื้น

5.นำแม่แรงออก

6.นำบล็อกขันน๊อตล้อให้แน่นที่สุดเป็นอันเสร็จ

สาเหตุที่ทำให้รถยางรั่ว

ไม่มีใครอยากเจอสถานการณ์รถยางรั่ว เพราะรถยางรั่วนอกจากเสียเวลาในการเดินทางแล้ว หากคุณเดินทางไกล ห่างจากแหล่งชุมชน หรือไม่มีร้านเปลี่ยนยางรถ จากปัญหารถยางรั่วจุดเล็ก ๆ อาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณภายหลังได้ โดยสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ยางรั่วอาจเกิดจากหลายสาเหตุเช่น

1.ถูกของมีคมทิ่ม เช่น ตะปู เศษเหล็กแหลม ซึ่งหากทิ่มเข้าไปแล้ว ยางอาจจะไม่แบนโดยทันที แต่รถยางรั่วทีละน้อย ไม่ควรปล่อยไว้

2.จุกลมยางรถยนต์เสื่อมสภาพ เพราะการใช้งานรถมานานทำให้จุกลมชำรุดจนทำให้รถยางรั่วได้

3.ล้อคด เกิดจากการขับรถกระแทกอย่างรุนแรง เช่น ขับรถผ่านลูกระนาดโดยไม่มีการเบรกก่อน หรือขับรถกระแทกตกหลุม ทำให้ล้อคด ล้อเบี้ยว ส่งผลทำให้รถยางซึมและรั่วออกมาในที่สุด

4.ขอบยางรถยนต์ชำรุด เกิดจากความเสียหายที่ขอบยางในใต้ล้อ ทำให้ซีลระหว่างยางกับล้อไม่สนิท ทำให้รถยางรั่วลมซึมออกมาได้

5.แก้มยางชำรุด เนื่องมาจากการขับรถเบียดขอบทางจนทำให้ยางล้อรถผิดรูป ทำให้รถยางรั่วนั่นเอง

รถยนต์ยางรั่ว ขับรถบดยางต่อไปได้ไหม?

สำหรับบางคนแล้ว การขับรถบดยางด้วยสภาพยางรถที่รั่วแบนติดถนนนั้น เป็นหนทางในการเอาตัวรอดเพื่อให้รถของคุณสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าการขับรถบดยางจะสามารถทำได้ แต่จะต้องบดไปอย่างช้า ๆ ประคองรถไปให้ถึงร้านได้ แต่ในกรณีที่ไม่เหลือลมยางเลย แต่หากยางรถแบนไปแล้ว ไม่แนะนำให้บดรถต่อไป เพราะจะทำให้ยางและล้อเสียหายได้ ทั้งนี้หากคุณมีชุดปะยางฉุกเฉินติดรถไว้ คุณก็สามารถทำการปะยางเบื้องต้นได้เช่นเดียวกัน หากรถยางรั่วตำแหน่งแก้มยาง กรณีนี้ต้องเปลี่ยนยางใหม่อย่างเดียว เนื่องจากแก้มยาง ต้องแบกรับน้ำหนักและแรงกระแทกของรถไว้ทั้งหมดนั่นเอง แต่หากตำแหน่งรถยางรั่วตรงหน้ายาง ก็ยังสามารถปะยางได้ตามวิธีการที่เราได้แนะนำไปข้างต้นนั่นเองค่ะ

ดูแลยางรถยนต์ยังไงให้ใช้ได้นาน

การดูแลยางรถยนต์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้ยางรถยนต์ของเราได้นาน และมีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถของคุณ ทั้งนี้ในการดูแลรักษายางรถยนต์มีดังนี้

1.เติมลมยางให้พอดี

หมั่นสังเกตลมยางอยู่เสมอ หากปล่อยให้ลมยางอ่อน ความร้อนจะสะสมในยางทำให้เกิดแผลที่ยางเหลืออาจจะระเบิดได้ หรือหากยางรถยนต์แข็งมากเกินไป อาจจะทำให้ดอกยางสึกเร็ว หรือเสี่ยงยางระเบิดได้เช่นเดียวกัน

2.สลับยางรถยนต์

เมื่อใช้ยางรถยนต์ไปสักระยะ ยางจะมีการสึกไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการสลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อให้หน้ายางสึกเท่ากัน และหมั่นเช็คลมยางให้พอดีกับการใช้งานด้วย

3.ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เป็นการสร้างสมดุลให้กับล้อรถ หากศูนย์ถ่วงล้อรถไม่ดีจะทำให้พวงมาลัยสั่นขณะขับรถซึ่งอันตรายต่อการขับรถ ปกติแล้วหลังจากที่คุณเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ทุก3 ปี หรือ 50,000 กม. จะมีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วย

4. เช็กดอกยางรถ

นอกจากจะเช็คลมยางแล้ว การเช็คดอกยางทุก 6 เดือน โดยดูจากสะพานยางหรือร่องนูนที่ร่องยาง ศึกษาเรื่องยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่ (ลิงก์ไปที่บทความยางรถยนต์ คลิกที่นี่) หากคุณเห็นสะพานยางหรือยางมีรอยแตกแล้ว แสดงว่ายางรถยนต์เส้นนั้นหมดอายุต้องเปลี่ยนเส้นใหม่เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย

5.หลีกเลี่ยงถนนเป็นหลุม

สภาพถนนที่ไม่ดี เป็นหลุมเป็นบ่อ มีส่วนทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพเร็ว เพราะรอยคมของเศษหินหรือแรงกระแทกจากการตกหลุมมีส่วนให้เกิดแผลที่ยางรถยนต์ แก้มยางบวมอาจทำให้เกิดขอบยางเสียเสี่ยงยางรถรั่วหรือยางระเบิดได้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงถนนชำรุด เป็นหลุม หรืออยู่ระหว่างการก็สร้าง หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

การ ปะยางรถยนต์ ทักษะอย่างหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรรู้และควรจะมีอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการปะยางรถยนต์ติดรถเอาไว้ด้วย เพราะการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ สภาพพื้นถนนมีความแตกต่างกัน และยังมีสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ บนถนนที่สามารถทิ่มแทงเนื้อยางจนยางรั่วและแบน เบื้องต้นก่อนออกเดินทางอย่างน้อยเช็กสภาพรถให้พร้อมและเตรียมอุปกรณ์ติดรถยนต์ให้เรียบร้อย การทำประกันรถยนต์ยังมีในส่วนบริการช่วยเหลือยามฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือรถเสียกลางทาง ผู้เอาประกันสามารถโทรสายด่วนประกันภัยของคุณ เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือคุณพุณและรถไปยังที่ปลอดภัยเพื่อทำการซ่อมแซมต่อไป หากรถของคุณยังไม่มีประกันรถยนต์ แนะนำซื้อประกันรถยนต์ที่เฮงลิสซิ่ง ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน สนใจคลิกสมัครปุ่มด้านล่างเลย

สมัครสินเชื่อ