อัตราสิ้นเปลือง น้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หรือการกินน้ำมันของรถนั้น มีผลต่อภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนพอสมควร ยิ่งเมื่อไหร่ที่เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ราคาน้ำมันแพง ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายของคุณเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอน ทั้งนี้การรู้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันรถ จะช่วยให้วางแผนการเดินทางเพื่อเซฟค่าน้ำมันได้อย่างไร เราจะมาสอนวิธีคิดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบง่ายกันค่ะ  

อัตราสิ้นเปลือง น้ำมัน คืออะไร? 

รถแต่ละประเภท แต่ละรุ่นนั้นจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หรือการกินน้ำมันของรถแตกต่างกัน รถรุ่นใหม่จะมีตัวเลขแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบ real-time บนหน้าปัดคอนโซลรถเพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ และยังเห็นถึงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในขณะที่คุณขับรถอยู่ได้ทันที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์ มักจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ สถานการณ์การใช้งาน และสภาพแวดล้อมการขับขี่นั่นเอง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คือ ปริมาณน้ำมันที่ใช้ต่อระยะทางที่เครื่องยนต์หรืออุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันเคลื่อนที่ได้ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มีหน่วยวัดเป็น “กิโลเมตรต่อลิตร” (km/l) หรือบางครั้งอาจใช้หน่วยวัดอื่นๆ เช่น กม. / ลิตร (KM/L) หรือ ไมล์ / แกลลอน (MPG) ทั้งนี้สภาพการจราจรเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ที่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน หากคุณเดินทางภายในเมือง มักจะเจอกับรถติด สภาพการจราจรที่แออัด ต้องคอยเบรก หยุดรถและเหยียบคันเร่งเพื่อออกตัวใหม่ ทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งโดยเฉพาะบางคนที่ชอบเหยียบกระแทกคันเร่ง ยิ่งทำให้รถซดน้ำมันเยอะ แต่หากคุณขับรถเดินทางไกล หรือเส้นทางนอกเมือง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถคุณจะทำได้ดีกว่า คือ รถจะกินน้ำมันน้อยลง เพราะไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่ง สลับเหยียบเบรกตลอดเวลา และยิ่งสำหรับรถบางรุ่นที่มีระบบ Cruise Control ด้วยแล้วยิ่งช่วยให้รถของคุณประหยัด แถมยังช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเมื่อยล้าจากการเหยียบคันเร่งตลอดเวลาอีกด้วย ทั้งนี้หากคุณจะลองวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันรถของคุณ สามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้ 

การวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 

การเดินทางในเมืองกับการเดินทางนอกเมืองหรือเดินทางไกล เมื่อวัดตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จะได้ผลออกมาไม่เหมือนกัน เพราะมีปัจจัยทั้งเรื่องสภาพการจราจร สภาพท้องถนน และพฤติกรรมการขับขี่ ทั้งนี้หากคุณต้องการวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน เพื่อคำนวณว่ารถของคุณกินน้ำมันเท่าไหร่ เรามีเทคนิคในการคำนวณการกินน้ำมันของรถดังนี้ 

1.เติมน้ำมันตามที่หัวจ่ายตัด ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันแบบอัดเต็มถัง เพื่อจะได้วัดอัตราสิ้นเปลืองได้อย่างถูกต้อง 

2.รีเซ็ตระยะทางวิ่งทุกครั้ง หลังจากที่เติมน้ำมันรถแล้วก่อนออกเดินทาง ให้รีเซ็ตระยะทางวิ่งเป็นศูนย์ 0 ก่อนเสมอ 

3.ขับรถใช้งานตามปกติ หลังจากที่เติมน้ำมันรถครั้งนี้แล้ว ให้ใช้งานรถตามปกติ 

4.เติมน้ำมันตามที่หัวจ่ายตัด ไม่ปัดเศษ หลังจากที่ใช้งานรถไปสักระยะหนึ่งแล้ว ให้กลับมาเติมน้ำมันรถยนต์อีกครั้ง และทำแบบเช่นเคย เติมน้ำมันตามที่หัวจ่ายตัด ไม่ต้องปัดเศษ แนะนำว่าให้กลับไปเติมที่หัวจ่ายน้ำมันเดิม 

5.คำนวณหาอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน สำหรับการคำนวณวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน หรือวัดว่ารถของคุณกินน้ำมันมากน้อยเท่าไหนนั้น ให้นำ “ระยะทางที่วิ่งได้” มาหารด้วย “ปริมาณน้ำมันที่เติมกลับเข้าไป” 

สูตรคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน  

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร) = ระยะทางที่เดินทาง (กิโลเมตร) / ปริมาณน้ำมันที่ใช้ (ลิตร) 

ตัวอย่าง เช่น หากคุณเดินทางไประยะทาง 300 กิโลเมตร และใช้น้ำมันเป็นปริมาณ 20 ลิตร ราคาน้ำมันลิตรละ 34 บาท คำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้ดังนี้:  

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร) = 300 กิโลเมตร / 20 ลิตร  

= 15 กิโลเมตร/ลิตร 

ดังนั้น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถคันนี้ คือ 15 กิโลเมตรต่อลิตร  

คำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสามารถทำได้กับรถยนต์หรืออุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันอื่นๆ โดยให้คำนึงถึงระยะทางที่เดินทางและปริมาณน้ำมันที่ใช้จริงในการคำนวณ อย่างไรก็ตามอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอาจมีการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการขับขี่และเงื่อนไขการใช้งานอื่นๆ ดังนั้น สูตรนี้เป็นแค่วิธีการประมาณการเบื้องต้นเท่านั้นแต่สำหรับใครที่กำลังวางแผนการเดินทางและต้องการคำนวณค่าน้ำมันเพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถใช้สูตรคำนวณได้ตามนี้ 

สูตรคำนวณค่าน้ำมันที่ต้องใช้ในการเดินทาง 

ในการคำนวณค่าน้ำมันเพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ก่อนอื่นจะต้องคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ก่อน เมื่อได้ประมาณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะใช้ได้แล้ว ก็จะสามารถคำนวณเงินที่จะต้องจ่ายค่าน้ำมันดังนี้ 

1.คำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ 

ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ (ลิตร) = ระยะทางที่เดินทาง (กิโลเมตร) / อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร) 

ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ (ลิตร) = 300 กิโลเมตร / 15 กิโลเมตรต่อลิตร 

= 20 ลิตร 

ดังนั้น ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ประมาณ 20 ลิตร 

2.คำนวณค่าน้ำมันที่ต้องจ่าย  

ค่าน้ำมัน (บาท) = ราคาน้ำมันปัจจุบัน (บาท)*ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ (ลิตร) 

ค่าน้ำมัน (บาท) = 34 บาท*20 ลิตร 

= 680 บาท 

ดังนั้น รถคันนี้เดินทาง 300 กิโลเมตร ใช้น้ำมันประมาณ 20 ลิตร ค่าน้ำมันรถประมาณ 680 บาท 

วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน 

เมื่อคุณทราบถึงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันรถแล้ว ทำให้คุณสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ช่วยเซฟค่าน้ำมันและเงินในกระเป๋าคุณได้ นอกจากนี้เรายังมีคำแนะนำในการใช้รถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันมาฝากค่ะ  

1.ล้างรถยนต์เป็นประจำ  

เนื่องจากความสกปรกบนรถยนต์อาจสร้างความต้านทานขณะขับรถ รวมไปถึงอุดตันตามซอกต่าง ๆ  เพราะฉะนั้นการล้างรถยนต์เป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งสำหรับรถที่ใช้งานประจำทุกวัน จะช่วยลดสิ่งสกปรกและลดการอุดตันตามซอกต่าง ๆ  

2.ดูแลบำรุงรักษารถตามระยะที่กำหนด 

รถที่ใช้งานทุกวันจำเป็นต้องดูแลในจุดต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งการเช็คลมยางรถยนต์ในระดับที่เหมาะสม ถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ เมื่อรถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วก็ส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันได้ด้วย 

3.วางแผนเส้นทางการเดินทาง 

การวางแผนการเดินทางทุกครั้ง จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาหลงทาง เดินทางผิดเส้นทาง  รวมไปถึงเลือกใช้รถให้ถูกกับสภาพการเดินทาง จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้  

4.ไม่บรรทุกของหนัก 

หากคุณบรรทุกของในรถหนักมากเกินไป มีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเช่นกัน ยิ่งบรรทุกของน้ำหนักมาก ก็ยิ่งทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นไม่ควรบรรทุกของหนักเกินจำเป็น เพื่อจะได้ไม่เปลืองน้ำมันรถยนต์นั่นเอง 

5.ไม่ Kick down บ่อย 

การคิกดาวน์ หรือ การเหยียบคันเร่งจนมิด ลดตำแหน่งเกียร์ เพื่อเร่งแซง ทำให้เครื่องยนต์ต้องสูบน้ำมันมากกว่าปกติ เป็นการเพื่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ ทางที่ดีควรรักษาความเร็วคงที่ ค่อย ๆ ออกตัวเร็วโดยไม่จำเป็น จะทำให้รถประหยัดน้ำมันไปได้เยอะ 

6.เลือกใช้รถยนต์ Eco car หรือรถยนต์ไฟฟ้า  

หากคุณใช้รถในเมืองเป็นประจำ การเลือกใช้รถอีโคคาร์ Eco car จะช่วยคุณประหยัดน้ำมันไปได้เยอะ เพราะรถอีโคคาร์ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก  มีอัตราสิ้นเปลืองดีกว่ารถยนต์ทั่วไป ประหยัดน้ำมันดีกว่านั่นเอง แถมยังขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย  นอกจากรถยนต์อีโคคาร์แล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีรถยนต์ไฟฟ้า รถ ev เป็นรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเลย แถมยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ จึงเป็นทางเลือกในการประหยัดน้ำมันอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ 

ตัวอย่างอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรถยนต์ 

  1. Honda City e:HEV อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 27.8 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Toyota Yaris Ativ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Toyota Corolla Cross อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Honda HR-V e:HEV อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Nissan Kicks e-POWER อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Honda CR-V e:HEV อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 19.2 กิโลเมตร/ลิตร (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) และ 20.8 กิโลเมตร/ลิตร(ขับเคลื่อนล้อหน้า) 
  1. Haval H6 HEV อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 19.2 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Honda Civic e:HEV อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 25 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Toyota Camry Hybrid อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Volvo XC40 Recharge อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 43.5 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Mercedes-Benz C-Class อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 71.4 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Honda Brio อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 20 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Mitsubishi Attrage อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Suzuki Celerio อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 20 กิโลเมตร/ลิตร 
  1. Mazda2 Hatchback 1.3 อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร 

หากคุณรู้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถแล้ว จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณการกินน้ำมันรถของคุณได้ ช่วยในการวางแผนการเดินทาง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางในแต่ละวันของคุณ แต่อย่างไรก็ตามการกินน้ำมันของรถแต่ละคัน นอกจากจะดูในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการกินน้ำมันของรถ อาทิ พฤติกรรมการขับรถ ประเภทของน้ำมันที่เติม น้ำหนักสัมภาระ รวมไปถึงสภาพเส้นทางที่แตกต่างกันอีกด้วย นอกจากนี้หากไม่ใส่ใจดูแลรถ เช่น ไม่เช็ก ไม่เติมลมยางรถยนต์  ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่เปลี่ยนไส้กรองน้ำมัน หรือปัญหาจุกจิกอื่นก็ส่งผลให้รถเร่งไม่ขึ้นและทำให้รถกินน้ำมันได้เช่นกัน อย่างไรแล้วอย่าลืมนำรถไปหมั่นตรวจสภาพ เปลี่ยนอะไหล่ หรือเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะก็จะช่วยให้รถของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไปได้ค่ะ 

สมัครสินเชื่อ